ASTVผู้จัดการรายวัน – แอคคอร์ ดัน “ไอบิส” ยึดฐานวัยรุ่นไทย จับมือพันธมิตรโหมอีเวนต์สร้างแบรนด์รอยัลตี้ เป็นลูกค้าเหนียวแน่นไปถึงอนาคตต่อยอดใช้แบรนด์อื่นๆในเครือ ยอมรับได้อานิสงส์วิกฤตเศรษฐกิจ ลูกค้าโรงแรมระดับ 4-5 ดาวลดเกรดลงมาใช้บริการโรงแรม 3 ดาวที่มีเชนเป็นระดับมาตรฐาน
นายพอลล์ สตีเวนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ แอคคอร์ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้ชื่อ โซฟิเทล, พูลแมน, เอ็มแกลเลอรี่, โนโวเทล, สวีทโฮเทล, ไอบิส, ออลซีซั่นส์ และ ฟอร์มูล 1 เป็นต้น เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้โรงแรมราคาประหยัดอย่าง ไอบิส โฮเทล เป็นที่ต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขอัตราเข้าพักของโรงแรมไอบิส ในทุกแห่งของประเทศไทยมีอัตรเข้าพักสูงกว่าโรงแรมระดับเชนในแบรนด์อื่นๆ ประมาณ 5-10% โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแบรนด์ระดับ 4-5 ดาว
ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เคยพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ก็ลดมาเลือกโรงแรมระดับ 3 ดาว ที่มีระบบการบริการเป็นมาตรฐาน เพราะยังคำนึงถึงเรื่องความสะดวกและปลอดภัย ซึ่งโรงแรมไอบิสจะตอบโจทย์นี้ได้
ประกอบกับปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งมาจากการขยายธุรกิจของสายการบินต้นทุนต่ำ จึงมีส่วนผลักดันให้โรงแรมราคประหยัดอย่างไอบิสมีการเติบโตไปในสัดส่วนเดียวกัน โดยกลุ่มลูกค้าผู้ใช้บริการ จะเป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นและวัยทำงาน ที่เลือกจะประหยัดเงินในส่วนที่เป็นค่าที่พักและค่าเดินทาง
เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้ทำกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆได้อีก แอคคอร์จึงมองเห็นโอกาสว่าตลาดนี้น่าจะเป็นฐานลูกค้าใหม่ได้ดีและสามารถต่อยอดเป็นฐานลูกค้าในแบรนด์อื่นๆของแอคคอร์ได้อีกในอนาคต
โดยไตรมาสแรกปีนี้ อัตราเข้าพักของไอบิสเฉลี่ยที่ 60% โดยแต่ละโลเกชั่น สัดส่วนของลูกค้าในกลุ่มคนไทยกับต่างชาติก็จะต่างกัน เช่น ไอบิสกรุงเทพและพัทยาจะมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยมากกว่า ส่วนไอบิสภูเก็ตจะมีลูกค้าต่างชาติมากกว่า
ดังนั้นแอคคอร์จึงจะใช้โอกาสนี้ทำแผนโปรโมทโรงแรม “ไอบิส” ในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดคนไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นขยายฐานลูกค้าที่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี มีไลฟสไตล์ของการเดินทางท่องเที่ยวแบบที่เน้นเรื่องของความคุ้มค่าเงิน(แวลู ฟอร์ มันนี่) โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มทำงาน
โดยจะจับมือกับพันธมิตรที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกัน จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เช่น พักไอบิส ได้บัตรขับโกลด์คาร์ทฟรี นอกจากนั้นยังทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสำหรับคนไทยโชว์บัตรนักศึกษา ลดราคาห้องพักเหลือคืนละ 1,000 บาท เป็นต้น
ล่าสุดจัดกิจกรรม”ไอบิส ไอดอล” เปิดรับสมัครผู้สนใจประกวดเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไอบิส ไอดอล ผู้ที่ได้รับเลือก จะได้รับค่าตอบแทนรายเดือนเป็นเวลา 1 ปี รับสิทธิ์เป็นวีเจสมัครเล่น Channel V ถ่ายแบบ เข้าพักโรงแรมไอบิสฟรี 1ปี พร้อมแพกเกจทัวรืเที่ยวเกาหลี ดูรายละเอียได้ที่ www.ibisidol-thailand.com
นอกจากนั้นยังมีแผนขยายลูกค้าทีจองผ่านอินเทอร์เน็ต จากขณะนี้ที่มีประมาณ 35% ของยอดจอง เพิ่มเป็น 50% ในปีหน้า พร้อมเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันมีประมาณ 35% ของผู้เข้าพักทั้งหมด
**ผุดไอบิส 10 แห่งใน 3 ปี ****
ทางด้านนายเอราวัน มาเอะ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มโรงแรมไอบิสเอราวัณ ประเทศไทย กล่าวว่า แผนธุรกิจของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้เซ็นสัญญากับแอคคอร์ เปิดโรงแรมไอบิสในประเทศไทย 10 แห่งภายใน 2-3 ปี ปัจจุบัน เปิดไปแล้ว 5 แห่ง ที่ ป่าตอง ภูเก็ต ,พทยา ,สาธร กรุงเทพฯ,บ่อผุด เกาะสมุยฯ และ ไอบิส กรุงเทพฯ นานา โดยปลายปีนี้จะเปิด ไอบิส กะตะ ภูเก็ต ส่วนปีหน้า มีแผนเปิด ไอบิส กรุงเทพ
เจ้าพระยา ด้วย ทั้งนี้โรงแรมไอบิสจะมีการลงทุนที่ต่ำกว่าโรงแรมระดับ 4-5 ดาว โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ห้องละ 1.6-1.7 ล้านบาท จึงมีจุดดีที่ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่า และยังมีฐานลูกค้าใหญ่
นายพอลล์ สตีเวนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ แอคคอร์ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้ชื่อ โซฟิเทล, พูลแมน, เอ็มแกลเลอรี่, โนโวเทล, สวีทโฮเทล, ไอบิส, ออลซีซั่นส์ และ ฟอร์มูล 1 เป็นต้น เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้โรงแรมราคาประหยัดอย่าง ไอบิส โฮเทล เป็นที่ต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขอัตราเข้าพักของโรงแรมไอบิส ในทุกแห่งของประเทศไทยมีอัตรเข้าพักสูงกว่าโรงแรมระดับเชนในแบรนด์อื่นๆ ประมาณ 5-10% โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแบรนด์ระดับ 4-5 ดาว
ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เคยพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ก็ลดมาเลือกโรงแรมระดับ 3 ดาว ที่มีระบบการบริการเป็นมาตรฐาน เพราะยังคำนึงถึงเรื่องความสะดวกและปลอดภัย ซึ่งโรงแรมไอบิสจะตอบโจทย์นี้ได้
ประกอบกับปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งมาจากการขยายธุรกิจของสายการบินต้นทุนต่ำ จึงมีส่วนผลักดันให้โรงแรมราคประหยัดอย่างไอบิสมีการเติบโตไปในสัดส่วนเดียวกัน โดยกลุ่มลูกค้าผู้ใช้บริการ จะเป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นและวัยทำงาน ที่เลือกจะประหยัดเงินในส่วนที่เป็นค่าที่พักและค่าเดินทาง
เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้ทำกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆได้อีก แอคคอร์จึงมองเห็นโอกาสว่าตลาดนี้น่าจะเป็นฐานลูกค้าใหม่ได้ดีและสามารถต่อยอดเป็นฐานลูกค้าในแบรนด์อื่นๆของแอคคอร์ได้อีกในอนาคต
โดยไตรมาสแรกปีนี้ อัตราเข้าพักของไอบิสเฉลี่ยที่ 60% โดยแต่ละโลเกชั่น สัดส่วนของลูกค้าในกลุ่มคนไทยกับต่างชาติก็จะต่างกัน เช่น ไอบิสกรุงเทพและพัทยาจะมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยมากกว่า ส่วนไอบิสภูเก็ตจะมีลูกค้าต่างชาติมากกว่า
ดังนั้นแอคคอร์จึงจะใช้โอกาสนี้ทำแผนโปรโมทโรงแรม “ไอบิส” ในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดคนไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นขยายฐานลูกค้าที่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี มีไลฟสไตล์ของการเดินทางท่องเที่ยวแบบที่เน้นเรื่องของความคุ้มค่าเงิน(แวลู ฟอร์ มันนี่) โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มทำงาน
โดยจะจับมือกับพันธมิตรที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกัน จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เช่น พักไอบิส ได้บัตรขับโกลด์คาร์ทฟรี นอกจากนั้นยังทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสำหรับคนไทยโชว์บัตรนักศึกษา ลดราคาห้องพักเหลือคืนละ 1,000 บาท เป็นต้น
ล่าสุดจัดกิจกรรม”ไอบิส ไอดอล” เปิดรับสมัครผู้สนใจประกวดเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไอบิส ไอดอล ผู้ที่ได้รับเลือก จะได้รับค่าตอบแทนรายเดือนเป็นเวลา 1 ปี รับสิทธิ์เป็นวีเจสมัครเล่น Channel V ถ่ายแบบ เข้าพักโรงแรมไอบิสฟรี 1ปี พร้อมแพกเกจทัวรืเที่ยวเกาหลี ดูรายละเอียได้ที่ www.ibisidol-thailand.com
นอกจากนั้นยังมีแผนขยายลูกค้าทีจองผ่านอินเทอร์เน็ต จากขณะนี้ที่มีประมาณ 35% ของยอดจอง เพิ่มเป็น 50% ในปีหน้า พร้อมเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันมีประมาณ 35% ของผู้เข้าพักทั้งหมด
**ผุดไอบิส 10 แห่งใน 3 ปี ****
ทางด้านนายเอราวัน มาเอะ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มโรงแรมไอบิสเอราวัณ ประเทศไทย กล่าวว่า แผนธุรกิจของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้เซ็นสัญญากับแอคคอร์ เปิดโรงแรมไอบิสในประเทศไทย 10 แห่งภายใน 2-3 ปี ปัจจุบัน เปิดไปแล้ว 5 แห่ง ที่ ป่าตอง ภูเก็ต ,พทยา ,สาธร กรุงเทพฯ,บ่อผุด เกาะสมุยฯ และ ไอบิส กรุงเทพฯ นานา โดยปลายปีนี้จะเปิด ไอบิส กะตะ ภูเก็ต ส่วนปีหน้า มีแผนเปิด ไอบิส กรุงเทพ
เจ้าพระยา ด้วย ทั้งนี้โรงแรมไอบิสจะมีการลงทุนที่ต่ำกว่าโรงแรมระดับ 4-5 ดาว โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ห้องละ 1.6-1.7 ล้านบาท จึงมีจุดดีที่ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่า และยังมีฐานลูกค้าใหญ่