ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ –พันธมิตรฯ ภาคใต้ตอนล่างจับตาการรณรงค์ “หยุด! ทำร้ายประเทศไทย” จวกนักวิชาการยังสับสน ยังแยกแยะไม่ออกว่าผิดชอบ ชั่วดี คืออะไร ฟันธงนักการเมืองตัวดีเป็นสาเหตุหลักของการทำร้ายประเทศไทยให้อ่อนแอ และเป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แนะประชาชนจับมือกันร่วมสร้างการเมืองใหม่ และเดินหน้าสร้างการเมืองภาคประชาชนในกรอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แย้มหนุนพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองเพื่อให้เป็นเครื่องมือขับไล่นักการเมืองมือสกปรก และเรียกคืนความถูกต้อง ยุติธรรมให้แก่สังคม แต่เคารพการตัดสินใจของเสียงคนส่วนใหญ่ซึ่งจะมีการสัมมนาและออกมติชัดเจน วันที่ 24-25 พ.ค.นี้
จากการที่เกิดเครือข่าย “หยุด! ทำร้ายประเทศไทย” ซึ่งเกิดจากการรวมตัวขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน สถาบันทางวิชาการ องค์กรภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม จำนวน 22 องค์กร ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งร่วมทำกิจกรรมขับเคลื่อนทางการเมืองภาคประชาชน ทั้งในส่วนของเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมมาโดยตลอด และมีมุมมองต่อเรื่องนี้ร่วมกันว่า ผู้ที่ทำร้ายประเทศมากที่สุดคือนักการเมืองนั่นเอง
นายสุมิตร นวลมณี ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง กล่าวว่า ประเทศไทยถูกทำร้ายมานานแล้วจนอ่อนแอลงเรื่อยๆ อันเป็นผลจากการกระทำของนักการเมืองเป็นหลัก เพราะตั้งแต่อดีตที่ผ่านมานักการเมืองที่เข้ามารับใช้ประเทศ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศชาติ และการทุจริตของคนกลุ่มนี้มีตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ทำให้ความเสียหายมีทุกระดับชนชั้น
“ถ้าเราอยากจะหยุดทำร้ายประเทศไทย นักการเมืองต้องหยุดทุจริต คอร์รัปชัน แล้วประชาชนต้องช่วยกันทำการเมืองให้มีนักการเมืองที่ดี มีศีลธรรม ซึ่งแนวทางหนึ่งที่พันธมิตรฯ เห็นพ้องกันคือการตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการเมืองใหม่ และกำลังรอมติเสียงส่วนใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 พฤษภาคม ถ้ามติตั้งพรรคการเมืองออกมาชัดเจนแล้ว จะขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างไรต่อไปค่อยว่ากัน” นายสุมิตรกล่าว
นายดิสพูน จ่างเจริญ แกนนำพันธมิตรฯ จ.ปัตตานี ได้กล่าวว่า การที่มีนักวิชาการบางส่วนออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยนั้น ความคิดส่วนตัวแล้วเห็นว่า เป็นการทำงานที่ช้ามาก เพราะถ้าจะออกมาจริงๆนั้น น่าจะออกตั้งแต่วันที่ 12-13 เมษายน จะดูดีกว่า ซึ้งการที่ออกมาตอนนี้ ก็เหมือนกับเป็นการทำงานเอาหน้ามากกว่าที่จะออกมาทำงานเพื่อประเทศ และอีกอย่างนักวิชาการพวกนี้ยังมองได้ว่าเป็นนักวิชาการที่ไม่เป็นสีขาวจริง อาจเป็นเครือข่ายของทักษิณที่เข้ามาเคลื่อนไหวก็เป็นได้
สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนการเมืองใหม่ ซึ่งมีการตั้งตุ๊กตาพรรคของพันธมิตรฯ นายดิสพูน กล่าวว่า มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะยังขาดการอธิบายข้อดี ข้อเสียของการตั้งพรรคให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าถ้าตั้งพรรคแล้วจะดีอย่างไรบ้าง ซึ่งตัวเองก็พยายามอธิบายให้ประชาชนได้ทราบมาบ้างแล้ว ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ในสภาตอนนี้ไม่มี ส.ส.คนใดพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย ซึ่งแตกต่างกับเหตุการณ์วันที่ 12-13 เมษายน 2552 ที่พูดอยู่ในสภาได้ทุกวัน เพราะเขามี ส.ส.อยู่ในสภาคอยกระตุ้นอยู่ทุกวัน
นางอุดมศรี จันทรัศมี แกนนำพันธมิตรฯ จ.สตูล กล่าวว่า ผู้ที่ออกมารณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย นักวิชาการนั่นแหละที่ทำร้ายประเทศไทย เพราะยังแบ่งแยกไม่ออกว่าใครทำอะไร พันธมิตรฯทำอะไร เสื้อแดงทำอะไร พันธมิตรฯได้ออกมารวมตัวกันเพื่อปกป้องชาติและสถาบัน ไม่ได้ออกมาทำลายชาติ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงออกมาก่อกวนชาติมากกว่า แต่นักวิชาการพวกนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ ว่ากลุ่มไหนทำอะไรต่อประเทศไทย จึงมองได้ว่านักวิชาการเหล่านี้เป็นคนทำร้ายประเทศไทยมากกว่า
นางชัญญาธนันต์ ศรียะพันธ์ คณะทำงานพันธมิตรฯ สงขลา กล่าวว่า อยากจะให้ทุกคนมองย้อนกลับไปดู จากสื่อต่างๆ ว่าสาเหตุทั้งหมดแล้วเกิดจากใครทำให้สถานการณ์บ้านเมืองปั่นป่วน ที่มีการชุมนุมก็มาจากการกระทำของทักษิณ ชินวัตร และพวกลิ่วล้อทั้งหลาย ทำให้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาขับไล่ รวมถึงต่อต้านนักการเมืองทุจริตซึ่งเป็นคนเพียงกลุ่มเดียวแต่สร้างแรงสะเทือนให้แก่ประเทศมาก และหากนักการเมืองเป็นคนสุจริตก็ไม่มีใครออกมาต่อต้าน ขับไล่ เพราะการทำอย่างนั้นเหนื่อย ต้องใช้ความอดทน และทุกคนต้องทำมาหากิน
นางจินตนา เจริญธนภัทร แกนนำพันธมิตรฯ จ.ยะลา กล่าวว่า จริงๆแล้วการที่นักวิชาการออกมารณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยนั้น เห็นว่าเป็นสโลแกนที่ห่วยมาก ควรจะใช้คำว่า ทักษิณหยุดทำร้ายประเทศไทยได้แล้ว เพราะนักวิชาการพวกนี้ไม่ได้มองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าใครเป็นคนทำร้ายประเทศไทย ทำงานเพื่อเอาหน้า อย่างที่ อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองได้กล่าวไว้ในรายการรู้ทันประเทศไทย ที่ว่านักวิชาการพวกนี้กินข้าวผสมขี้ เพราะให้เลือกระหว่างขี้กับข้าว แต่เขาเลือกที่จะกินทั้งสองอย่างเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นกลาง