เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์ - แพทย์ในเมืองเล็กๆ ของออสเตรเลีย นำสว่านที่ใช้กันตามบ้าน เจาะกะโหลกนำเอาก้อนเลือดออกจากสมองของเด็กชายผู้โชคร้ายรายหนึ่ง ที่ประสบอุบัติเหตุตกรถจักรยานจนเลือดคั่ง การกระทำที่ได้รับยกย่องว่าทั้งกล้าหาญและมีทักษะอย่างยิ่งคราวนี้ สามารถช่วยเด็กให้รอดชีวิต
ไมเคิล รอสซี ผู้เป็นพ่อ เล่าว่า นิค ลูกชายวัย 13 ปี เริ่มมีเลือดไหลในสมอง หลังเขาตกจักรยาน แล้วศีรษะไปกระแทกกับพื้นคอนกรีตในวันศุกร์ (15) ที่ผ่านมา แม้ดูเหมือนว่า นิคจะมีอาการปกติ แต่คาเรน ภรรยาของเขาที่เป็นพยาบาล ก็ตัดสินใจพาลูกชายไปหาหมอ เมื่อพบว่ามีก้อนบวมบริเวณหลังหูของลูกชาย
รอสซี ผู้อาศัยในเมืองแมรีโบโรห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมลเบิร์น กล่าวว่า จากนั้นอาการลูกชายของเขาก็เริ่มแย่ลง ตั้งแต่หมดสติ จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และแพทย์ท้องถิ่น 2 คน ได้นำตัวลูกชายของเขาเข้ารับการผ่าตัดในทันที
เดวิด ไทแนน 1 ในทีมแพทย์ กล่าวว่า หากพวกเขาไม่รีบลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อลดความดันในสมองของนิค เขาจะต้องเสียชีวิต แต่โรงพยาบาลเล็กๆ มีเครื่องมือไม่พร้อม ไม่มีสว่านที่มีกำลังพอจะเจาะกะโหลกศีรษะของเด็กชายได้ "ดังนั้น เราจึงไปยังแผนกซ่อมบำรุง"
ไทแนน ระบุว่า ด้วยการขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทผ่านทางโทรศัพท์ เขาและทีมแพทย์ได้ผ่าศีรษะของนิคไปลึกจนถึงกะโหลก และเริ่มเจาะกะโหลกด้วยสว่านจากแผนกซ่อมบำรุงนั่นเอง
"มันค่อนข้างน่าสยดสยอง คุณจะเป็นกังวลว่าจะเจาะมันแรงเกินไปไหม แต่เมื่อมีเลือดไหลออกมา หลังจากเราเจาะกะโหลกลงไป เราจึงตระหนักได้ว่า เราได้ตัดสินใจถูกแล้ว" เขาเสริม
ด้าน รอสซี กล่าวว่า ร็อบ คาร์สัน แพทย์ผู้ลงสว่านเจาะ ได้บอกว่า พวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยชีวิตลูกชายของเขา โดยแพทย์ด้านระบบประสาทที่ให้คำแนะนำนั้นยังบอกด้วยว่า การกระทำของหมอคาร์สันเป็นความกล้าหาญอย่างที่สุด เนื่องจากมันคือความเป็นความตายของหนูน้อยคนนี้เลยทีเดียว
"การทำเรื่องอย่างนี้ด้วยสว่านที่ใช้ตามบ้าน เขา (แพทย์ด้านระบบประสาท) บอกว่า มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้เลย" รอสซี เสริม
ทั้งนี้ นิค ได้ถูกนำตัวเข้าไปรักษาต่อในเมลเบิร์น โดยเขาสามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ และออกจากโรงพยาบาลแล้วในวันอังคาร (19) ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเกิดอายุครบ 13 ปีของเขาด้วย
ไมเคิล รอสซี ผู้เป็นพ่อ เล่าว่า นิค ลูกชายวัย 13 ปี เริ่มมีเลือดไหลในสมอง หลังเขาตกจักรยาน แล้วศีรษะไปกระแทกกับพื้นคอนกรีตในวันศุกร์ (15) ที่ผ่านมา แม้ดูเหมือนว่า นิคจะมีอาการปกติ แต่คาเรน ภรรยาของเขาที่เป็นพยาบาล ก็ตัดสินใจพาลูกชายไปหาหมอ เมื่อพบว่ามีก้อนบวมบริเวณหลังหูของลูกชาย
รอสซี ผู้อาศัยในเมืองแมรีโบโรห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมลเบิร์น กล่าวว่า จากนั้นอาการลูกชายของเขาก็เริ่มแย่ลง ตั้งแต่หมดสติ จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และแพทย์ท้องถิ่น 2 คน ได้นำตัวลูกชายของเขาเข้ารับการผ่าตัดในทันที
เดวิด ไทแนน 1 ในทีมแพทย์ กล่าวว่า หากพวกเขาไม่รีบลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อลดความดันในสมองของนิค เขาจะต้องเสียชีวิต แต่โรงพยาบาลเล็กๆ มีเครื่องมือไม่พร้อม ไม่มีสว่านที่มีกำลังพอจะเจาะกะโหลกศีรษะของเด็กชายได้ "ดังนั้น เราจึงไปยังแผนกซ่อมบำรุง"
ไทแนน ระบุว่า ด้วยการขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทผ่านทางโทรศัพท์ เขาและทีมแพทย์ได้ผ่าศีรษะของนิคไปลึกจนถึงกะโหลก และเริ่มเจาะกะโหลกด้วยสว่านจากแผนกซ่อมบำรุงนั่นเอง
"มันค่อนข้างน่าสยดสยอง คุณจะเป็นกังวลว่าจะเจาะมันแรงเกินไปไหม แต่เมื่อมีเลือดไหลออกมา หลังจากเราเจาะกะโหลกลงไป เราจึงตระหนักได้ว่า เราได้ตัดสินใจถูกแล้ว" เขาเสริม
ด้าน รอสซี กล่าวว่า ร็อบ คาร์สัน แพทย์ผู้ลงสว่านเจาะ ได้บอกว่า พวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยชีวิตลูกชายของเขา โดยแพทย์ด้านระบบประสาทที่ให้คำแนะนำนั้นยังบอกด้วยว่า การกระทำของหมอคาร์สันเป็นความกล้าหาญอย่างที่สุด เนื่องจากมันคือความเป็นความตายของหนูน้อยคนนี้เลยทีเดียว
"การทำเรื่องอย่างนี้ด้วยสว่านที่ใช้ตามบ้าน เขา (แพทย์ด้านระบบประสาท) บอกว่า มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้เลย" รอสซี เสริม
ทั้งนี้ นิค ได้ถูกนำตัวเข้าไปรักษาต่อในเมลเบิร์น โดยเขาสามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ และออกจากโรงพยาบาลแล้วในวันอังคาร (19) ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเกิดอายุครบ 13 ปีของเขาด้วย