วันนี้ (28 เม.ย.) พ.ต.ท.เกษม จอมพงศ์ สว.เวรสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุปิตุฆาต ลูกฆ่าพ่อจนเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 217 ม.9 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจตำบล แพทย์เวรชันสูตรและหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจ เข้าทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณหน้าบ้าน พบว่า มีชายทราบชื่อต่อมา คือ นายบุญสนอง จันทร์ส่งแสง อายุ 36 ปี นั่งดื่มเหล้าขาวเฝ้าศพ ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายบุญส่ง จันทร์ส่องแสง อายุ 67 ปี บิดาของนายบุญสนอง นั่นเอง สภาพศพอยู่ในลักษณะสยดสยอง คอถูกฟันขาดสะบั้นในขณะที่ศีรษะถูกฟันผ่าออกเป็นสองซีก ราวกับผลมะพร้าว เลือดนองไปทั่วบริเวณ โดยที่ นายบุญสนอง ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากใกล้กับนายบุญสนอง มีมีดพร้า และขวานวางอยู่เกรงว่าจะถูกทำร้าย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่อให้นายบุญสนองให้ความสนใจกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางหน้าบ้าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้ปีนรั้วเข้าไปทางหลังบ้านบุกเข้าชาร์ตจับกุมตัวนายบุญสนองไว้ได้โดยละม่อม และถูกควบคุมออกจากที่เกิดเหตุทันที
พยานแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียง นายบุญสนอง โวยวายด่าทอบิดา ก่อนที่จะเงียบเสียงไป และเห็น นายบุญสนอง เดินไปยังร้านค้าซื้อเหล้าขาวกลับมา กระทั่งมีคนผ่านหน้าบ้าน จึงเห็นว่า นายบุญส่ง บิดาของ นายบุญสนอง เสียชีวิตไปแล้ว โดยมี นายบุญสนองดื่มเหล้าขาวอยู่ข้างศพ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่
พยานรายเดิมยังบอกอีกว่า นายบุญสนอง มีโรคจิตเวทเป็นโรคประจำตัวเข้าออกโรงพยาบาลสราญรม อยู่หลายครั้งก่อนที่จะมาเกิดเหตุนายบุญสนอง ได้ไล่ฟันแม่เลี้ยงจนต้องหนีเตลิดเปิดเปิง ไม่กล้าอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าว เนื่องจากนายบุญสนองมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อย ขณะที่ญาติๆ ได้บอกให้นายบุญส่ง บิดา ของนายบุญสนอง หลบไปอยู่ที่อื่น แต่นายบุญส่ง บอกว่าไม่กลัวว่านายบุญสนองจะทำร้ายกระทั่งเกิดเหตุการณ์สยดสยองขึ้น
“อีกส่วนหนึ่งเข้าใจว่า นายบุญส่ง บิดาไปดุด่า นายบุญสนอง ที่ไม่ได้ออกไปกรีดยางพารา 2 วันติดต่อกันจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายบุญสนองคลุ้มคลั่งถึงขั้นฆ่าพ่อตัวเอง และยังไปซื้อเหล้ามาดื่มข้างศพต่อไปอีกราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า บริเวณใกล้กับศพนั้นมีมีดกรีดยาง 1 เล่ม ขวาน 1 เล่ม และมีดพร้า 1 เล่มวางอยู่ แต่พบว่าไม่ได้เป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนมีดพร้าที่ใช้ก่อเหตุนั้นนายบุญสนองได้นำไปล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนำไปซ่อนไว้ในบ้าน ส่วนนายบุญสนองนั้น เจ้าหน้าที่ต้องรอการตรวจสภาพจิตจากแพทย์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี เพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณหน้าบ้าน พบว่า มีชายทราบชื่อต่อมา คือ นายบุญสนอง จันทร์ส่งแสง อายุ 36 ปี นั่งดื่มเหล้าขาวเฝ้าศพ ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายบุญส่ง จันทร์ส่องแสง อายุ 67 ปี บิดาของนายบุญสนอง นั่นเอง สภาพศพอยู่ในลักษณะสยดสยอง คอถูกฟันขาดสะบั้นในขณะที่ศีรษะถูกฟันผ่าออกเป็นสองซีก ราวกับผลมะพร้าว เลือดนองไปทั่วบริเวณ โดยที่ นายบุญสนอง ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากใกล้กับนายบุญสนอง มีมีดพร้า และขวานวางอยู่เกรงว่าจะถูกทำร้าย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่อให้นายบุญสนองให้ความสนใจกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางหน้าบ้าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้ปีนรั้วเข้าไปทางหลังบ้านบุกเข้าชาร์ตจับกุมตัวนายบุญสนองไว้ได้โดยละม่อม และถูกควบคุมออกจากที่เกิดเหตุทันที
พยานแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียง นายบุญสนอง โวยวายด่าทอบิดา ก่อนที่จะเงียบเสียงไป และเห็น นายบุญสนอง เดินไปยังร้านค้าซื้อเหล้าขาวกลับมา กระทั่งมีคนผ่านหน้าบ้าน จึงเห็นว่า นายบุญส่ง บิดาของ นายบุญสนอง เสียชีวิตไปแล้ว โดยมี นายบุญสนองดื่มเหล้าขาวอยู่ข้างศพ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่
พยานรายเดิมยังบอกอีกว่า นายบุญสนอง มีโรคจิตเวทเป็นโรคประจำตัวเข้าออกโรงพยาบาลสราญรม อยู่หลายครั้งก่อนที่จะมาเกิดเหตุนายบุญสนอง ได้ไล่ฟันแม่เลี้ยงจนต้องหนีเตลิดเปิดเปิง ไม่กล้าอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าว เนื่องจากนายบุญสนองมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อย ขณะที่ญาติๆ ได้บอกให้นายบุญส่ง บิดา ของนายบุญสนอง หลบไปอยู่ที่อื่น แต่นายบุญส่ง บอกว่าไม่กลัวว่านายบุญสนองจะทำร้ายกระทั่งเกิดเหตุการณ์สยดสยองขึ้น
“อีกส่วนหนึ่งเข้าใจว่า นายบุญส่ง บิดาไปดุด่า นายบุญสนอง ที่ไม่ได้ออกไปกรีดยางพารา 2 วันติดต่อกันจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายบุญสนองคลุ้มคลั่งถึงขั้นฆ่าพ่อตัวเอง และยังไปซื้อเหล้ามาดื่มข้างศพต่อไปอีกราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า บริเวณใกล้กับศพนั้นมีมีดกรีดยาง 1 เล่ม ขวาน 1 เล่ม และมีดพร้า 1 เล่มวางอยู่ แต่พบว่าไม่ได้เป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนมีดพร้าที่ใช้ก่อเหตุนั้นนายบุญสนองได้นำไปล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนำไปซ่อนไว้ในบ้าน ส่วนนายบุญสนองนั้น เจ้าหน้าที่ต้องรอการตรวจสภาพจิตจากแพทย์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี เพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว