“จุรินทร์” ประกาศเร่งรัด 3 เรื่องหลัก ให้เป็นรูปธรรมทั้งโครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่มีการส่งมอบหนังสือให้โรงเรียนแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือจะเร่งส่งมอบให้ทันภายใน 15 พ.ค.นี้ และตั้งงบกว่าพันล้านในปี 53 ช่วยเหลือการศึกษาของเด็กไร้สัญชาติ และเด็กชายขอบ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวง ว่า ในวันนี้มีการหารือใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ มีความคืบหน้าการสั่งซื้อหนังสือเกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว โดยได้เร่งรัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งติดตามส่วนที่เหลือแล้ว ขณะนี้มีการส่งมอบหนังสือให้โรงเรียนครบแล้ว 10,174 โรง หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ส่งมอบได้บางส่วนร้อยละ 20 และที่เหลือจะต้องให้ส่งมอบได้ครบทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ส่วนนักเรียนที่สละสิทธิ์นั้น ตัวเลขขณะนี้ยังไม่นิ่ง ประมาณ 40 ล้านบาท เป็นยอดเงินสังกัด สพฐ.ประมาณ 20 ล้านบาท สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือเป็นโรงเรียนสาธิต ประมาณ 15 ล้านบาท ที่เหลือกระจายสังกัดอื่นๆ
นายจุรินทร์ กล่าวถึงประเด็นที่ 2 ว่า เป็นเรื่องการศึกษาของเด็กไร้สัญชาติ ที่เกิดในประเทศไทย แต่พ่อแม่เป็นแรงงานอพยพ ที่ประชุมเห็นว่าเด็กเหล่านี้ที่มีอยู่ราว 100,000 คน ควรได้รับการศึกษา และจะส่งผลดีต่อสังคมไทยในการอยู่ร่วมกัน ถือเป็นมนุษยธรรมหนึ่ง เพราะเด็กไร้สัญชาติส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบอาเซียน ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม หรือปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาตั้งศูนย์การเรียนจัดการศึกษาให้เด็กในรูปของศูนย์การเรียนหรือมูลนิธิ ในที่สุดกระทรวงถือว่าจะเป็นปัญหามากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้ว เห็นว่า จะรณรงค์ให้เด็กเหล่านี้เข้ามาเรียนในระบบทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเด็กไร้สัญชาติประมาณ 50,000 คน ได้เรียนอยู่แล้ว และจะติดตามส่วนที่เหลือที่กระจายตามจังหวัดต่างๆ เช่น สมุทรสาคร ตาก แม่ฮองสอน กาญจนบุรี เป็นต้น และจะให้ศูนย์การศึกษาที่สอนหนังสือให้เด็กนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชนเพื่อกระทรวงฯ จะได้กำกับดูแลได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในเรื่องที่ 3 ว่า เป็นการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลบริเวณชายขอบ หรือบนภูเขา ซึ่งเป็นเด็กสัญชาติไทย แต่หากจะเรียนต้องเดินทางไกลมากหลายกิโลเมตร จำเป็นต้องพักนอนที่โรงเรียน ที่ประชุมพิจารณาว่าจะช่วยเด็กเหล่านี้ได้อย่างไร ให้เด็กได้มีการศึกษา โดยอาจจะจัดที่พักให้ที่โรงเรียน จัดอาหารให้ 3 มื้อ เครื่องแต่งกาย และค่าใช้จ่ายของครูที่จะต้องดูแลเด็กขณะพักในโรงเรียน โดยกระทรวงฯ ได้ตั้งงบประมาณส่วนนี้ ในปี 2553 แล้ว 1,100 ล้านบาท จะให้เริ่มดำเนินการในเทอม 1 ปี 2553 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาหางบประมาณมาช่วยเด็กและครู รวมถึงให้นำครูตามโครงการครูพันธุ์ใหม่ เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้าสู่โครงการ เมื่อจบการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นครูในพื้นที่นั้น เพราะหากเป็นคนนอกพื้นที่จะพบว่ามีปัญหาครูย้ายออกตลอดเวลา ส่งผลเสียต่อการเรียนการสอนโดยรวม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวง ว่า ในวันนี้มีการหารือใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ มีความคืบหน้าการสั่งซื้อหนังสือเกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว โดยได้เร่งรัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งติดตามส่วนที่เหลือแล้ว ขณะนี้มีการส่งมอบหนังสือให้โรงเรียนครบแล้ว 10,174 โรง หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ส่งมอบได้บางส่วนร้อยละ 20 และที่เหลือจะต้องให้ส่งมอบได้ครบทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ส่วนนักเรียนที่สละสิทธิ์นั้น ตัวเลขขณะนี้ยังไม่นิ่ง ประมาณ 40 ล้านบาท เป็นยอดเงินสังกัด สพฐ.ประมาณ 20 ล้านบาท สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือเป็นโรงเรียนสาธิต ประมาณ 15 ล้านบาท ที่เหลือกระจายสังกัดอื่นๆ
นายจุรินทร์ กล่าวถึงประเด็นที่ 2 ว่า เป็นเรื่องการศึกษาของเด็กไร้สัญชาติ ที่เกิดในประเทศไทย แต่พ่อแม่เป็นแรงงานอพยพ ที่ประชุมเห็นว่าเด็กเหล่านี้ที่มีอยู่ราว 100,000 คน ควรได้รับการศึกษา และจะส่งผลดีต่อสังคมไทยในการอยู่ร่วมกัน ถือเป็นมนุษยธรรมหนึ่ง เพราะเด็กไร้สัญชาติส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบอาเซียน ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม หรือปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาตั้งศูนย์การเรียนจัดการศึกษาให้เด็กในรูปของศูนย์การเรียนหรือมูลนิธิ ในที่สุดกระทรวงถือว่าจะเป็นปัญหามากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้ว เห็นว่า จะรณรงค์ให้เด็กเหล่านี้เข้ามาเรียนในระบบทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเด็กไร้สัญชาติประมาณ 50,000 คน ได้เรียนอยู่แล้ว และจะติดตามส่วนที่เหลือที่กระจายตามจังหวัดต่างๆ เช่น สมุทรสาคร ตาก แม่ฮองสอน กาญจนบุรี เป็นต้น และจะให้ศูนย์การศึกษาที่สอนหนังสือให้เด็กนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชนเพื่อกระทรวงฯ จะได้กำกับดูแลได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในเรื่องที่ 3 ว่า เป็นการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลบริเวณชายขอบ หรือบนภูเขา ซึ่งเป็นเด็กสัญชาติไทย แต่หากจะเรียนต้องเดินทางไกลมากหลายกิโลเมตร จำเป็นต้องพักนอนที่โรงเรียน ที่ประชุมพิจารณาว่าจะช่วยเด็กเหล่านี้ได้อย่างไร ให้เด็กได้มีการศึกษา โดยอาจจะจัดที่พักให้ที่โรงเรียน จัดอาหารให้ 3 มื้อ เครื่องแต่งกาย และค่าใช้จ่ายของครูที่จะต้องดูแลเด็กขณะพักในโรงเรียน โดยกระทรวงฯ ได้ตั้งงบประมาณส่วนนี้ ในปี 2553 แล้ว 1,100 ล้านบาท จะให้เริ่มดำเนินการในเทอม 1 ปี 2553 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาหางบประมาณมาช่วยเด็กและครู รวมถึงให้นำครูตามโครงการครูพันธุ์ใหม่ เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้าสู่โครงการ เมื่อจบการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นครูในพื้นที่นั้น เพราะหากเป็นคนนอกพื้นที่จะพบว่ามีปัญหาครูย้ายออกตลอดเวลา ส่งผลเสียต่อการเรียนการสอนโดยรวม
