xs
xsm
sm
md
lg

“โอโตยะ”งัดดีลิเวอรี่ออกรบ ซุ่มลุยหนัก“เดลี่-คิทเช่น”ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โอโตยะ” กางแผนรุกตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย วางเป้าอีก 2 ปีครบ 30 แห่ง ทุกรูปแบบ ซุ่มรูปแบบโอโตยะเดลี่และคิทเช่นลุยหนักปีหน้าหลังทดลองมาแล้ว พร้อมส่งดีลิเวอรี่ออกรบปลายปีนี้

นายโทชิมิ ชิมามุระ ประธาน บริษัท เบทาโกร โอโตยะ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น “โอโตยะ” เปิดเผย บริษัทฯวางแผนจะขยายธุรกิจทั้งรูปแบบใหม่ๆและจำนวนสาขาในไทยต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายใน 2 ปีจากนี้จะมีสาขาประมาณ 30 แห่ง จากปัจจุบันที่มีเปิดบริการ 16 สาขาที่เป็นภัตตาคาร และรูปแบบคิทเช่น 1 สาขาและเดลี่ 1 สาขา
นอกจากนั้นในปีนี้ยังเตรียมที่จะเปิดบริการใหม่คือ ดีลิเวอรี่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการและวางแผนรวมทั้งศึกษารายละเอียด มีกลุ่มเป้าหมายเป็นพวกอาคารสำนักงานและตามที่อยู่อาศัย
ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะสามารถเริ่มทำตลาดและลงทุนรูปแบบคิทเช่นและเดลี่ได้เต็มที่ หลังจากที่ได้ทดลองเปิดบริการมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว คือ โอโตยะเดลี่ที่ อิเซตันเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นรูปแบบเทคโฮม และโอโตยะคิทเช่น ที่สยามพารากอน เป็นรูปแบบร้านอาหารทานสะดวก
ด้านการลงทุนในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 2-3 แห่ง วางงบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท ล่าสุดเปิดสาขาที่ 16 ที่สยามสแควร์ ส่วนที่เหลือในปีนี้คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีกบริเวณสุขุมวิท วางแผนจะเปิดบริการภายในห้างหรือคอมมูนิตี้มอลล์ รวมทั้งจะรีโนเวตสาขาเดิมเช่นที่ทองหล่อซึ่งเป็นสาขาแรกด้วย ส่วนต่างจังหวัดมีแผนเปิดสาขาในอนาคตเช่นที่พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น ขณะที่ปีที่แล้ว เปิดสาขาใหม่ประมาณ 5 แห่ง
“จุดเด่นอย่างหนึ่งของเราในหลายๆอย่างเช่น คุณภาพวัตถุดิบของอาหาร ที่สด และต้นทุนต่ำ เนื่องจากเรามีเบทาโกรเป็นผู้ถือหุ้นร่วมด้วย จะเป็นผู้สนับสนุนทางด้านเนื้อสัตว์ต่างๆเช่น หมู วัว ไก่ มากกว่า 15% ส่วนวัตถุดิบที่นำเข้าจากโอโตยะญี่ปุ่นโดยตรงก็ประมาณ 35% ที่เหลือเป็นซัปพลายเออร์หลายรายรวมกัน” นายโทชิมิกล่าว
ทั้งนี้ราคาค่าอาหารของโอโตยะมีหลายระดับ โดยเฉลี่ยแล้วลูกค้าที่เข้าร้านจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 260-270 บาทต่อคนต่อครั้ง และที่ผ่านมามีกลุ่มลูกค้าโดยรวมเป็นคนไทย 70% และเป็นคนญี่ปุ่น 30% แต่ในอนาคตจะพยายามเพิ่มสัดส่วนลูกค้าที่เป็นคนไทยมากขึ้น
“ตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยยังมีโอกาสและแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในอนาคต เพราะคนไทยเราเริ่มมีความชินกับวัฒนธรรมและอาหารญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเปิดบริการในไทยมากขึ้นทั้งมาลงทุนเอง ขายแฟรนไชส์ และการร่วมทุน ซึ่งแต่ละรายก็ต่างมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ซึ่งของโอโตยะเองก็เน้นที่คุณภาพและความสดของอาหาร รวมทั้งการรักษารูปแบบและวัฒนธรรมการประกอบอาหารและรสชาติที่เป็นญี่ปุ่นขนานแท้เอาไว้” นายโทชิมิกล่าว
โดยโอโตยะเองก็มีการขยายธุรกิจในต่างประเทศนอกญี่ปุ่นหลายรูปแบบเช่นกัน ซึ่งในญี่ปุ่นมีสาขามากกว่า 250 แห่ง หลังจากเปิดบริการมานานกว่า 50 ปี ส่วนประเทศไทยก็เป็นสาขาแรกนอกญี่ปุ่นมีสาขา 16 แห่ง เป็นการร่วมทุน นอกนั้นก็มีที่ไต้หวัน ฮ่องกง เป็นการลงทุนจากญี่ปุ่น 100% ส่วนที่อินโดนีเซียก็เป็นการร่วมทุนกับคนท้องถิ่น และล่าสุดจะเปิดที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย
ทั้งนี้ในปีนี้คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 390 ล้านบาท โดยเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 25% ซึ่งสาเหตุที่ปีนี้เติบโตน้อยกว่าเนื่องจากว่าการขยายสาขาที่น้อยกว่าปีที่แล้ว จึงทำให้ตัวเลขน้อยลง แต่ในแง่ของสาขาเดิมมีการเติบโตที่มากขึ้น
สำหรับการถือหุ้นของบริษัทฯประกอบด้วย บริษัท เบทาโกร อะโกรกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้น 42%, บริษัท โอโตยะ (ไทยแลนด์) จำกัด ของญี่ปุ่น 44%, บริษัทร่วมทุนรายย่อยอีก 9 บริษัท รวม 14%
กำลังโหลดความคิดเห็น