วีระศักดิ์ ลุยแดนซากุระ จับเข่าจาต้า ล้วงข้อมูลตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชูแหล่งท่องเที่ยวแนวใหม่ เผยปีหน้าลุยขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ และคนพิการ เล็งนัดคุยกระทรวงแรงงานฯ กระทรวงต่างประเทศปลดล็อกกฎเกณฑ์
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Association of Travel Agents(JATA) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านกลยุทธ์และการขายสินค้าทางการท่องเที่ยว ซึ่ง จาต้า ได้แนะนำว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังชื่นชอบการเที่ยวหาดทรายชายทะเล พิพิธภัณฑ์ และชอปปิ้ง มากกว่าการเที่ยวสวนสัตว์ ขณะที่ ททท.ได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เช่น วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอโซนสูงติดอันดับโลก ซึ่งจาต้ามองว่าเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยที่ชาวญี่ปุ่นน่าจะสนใจ
****เปิดแผนปีหน้าขยายฐานนักท่องเที่ยว***
สำหรับแผนกระตุ้นตลาดญี่ปุ่นของ ททท.ในปีงบประมาณ 2553 จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเก่าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มดำน้ำ กลุ่มเยาวชน ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ขณะที่การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ จะต้องใช้รูปแบบที่เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้โดยตรง เนื่องจากกลุ่มนี้การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตคงยังไม่มากพอ
ทั้งนี้กลุ่มผู้สูงอายุ จะจัดอยู่ในกลุ่มพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ ซึ่งในปี 2550 นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่เดินทางออกนอกประเทศมีจำนวนถึง 358,213 คน จึงถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่น่าสนใจเพราะเขามีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยว เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และหนีอากาศหนาว โดยไทยเป็นอันดับ 3 ที่ผู้สูงอายุของญี่ปุ่นจะเดินทางเข้ามารองจากประเทศออสเตรเลีย โดยมีมาเลเซียเป็นอันดับ 1 คนกลุ่มนี้มีรายได้จากรัฐสวัสดิการที่จ่ายให้ทุกเดือน ส่วนกลุ่มเยาวชนจะเน้นเรื่องการทัศนะศึกษา
อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นตลาดอ่อนไหว แต่มีข้อดีที่รัฐบาลส่งเสริมให้เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 20 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 127 ล้านคน สำหรับประเทศไทยนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่มาซ้ำ 60% ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเดินทางมาปกติ ส่วนที่ลดลงเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยมา ซึ่งททท.ต้องเน้นสร้างความเข้าใจตลาดนี้ให้มาก
***หารือหน่วยงานรัฐดึงตลาดลองสเตย์****
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า จะหารือกับกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงานฯ และกระทรวงสาธารณะสุข ใน 2-3 ประเด็น เพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขที่เป็นข้อติดขัด เช่น ขั้นตอนการขอวีซ่า , ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกและด้านสาธารณะสุข ที่พร้อมรองรับ เพราะผู้สูงอายุที่ต้องการพาบิดาและมารดาที่มีอายุมากแล้วนั้นเดินทางเข้ามาพร้อมกันมีจำนวนถึง 30%ของนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุทั้งหมด
นอกจากนั้นจะหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุที่อายุไม่เกิน 60 ปี สามารถทำงานได้ตามจำนวนชั่วโมงที่รัฐบาลกำหนด เหมือนประเทศมาเลเซียที่อนุญาตให้ผู้สูงอายุทำงานได้สัปดาห์ละ 20 ชั่วโมงได้หรือไม่ เพราะมีผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น 10-15% ยังชอบที่จะทำงานเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์บ้าง และจะหารือกับกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน วางแผนทำตลาดญี่ปุ่นร่วมกัน ชูจุดขายที่ค่ารักษาพยาบาลถูกกว่าที่ญี่ปุ่นถึง 3 เท่า
***วางหมาก 3 สนง.เจาะ 3 ตลาด *****
ทางด้านนายสรรเสริญ เงารังสี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า จากกิจกรรมที่ททท.ทั้ง 3 สำนักงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาตลอด เช่น โรดโชว์ และ โครงการ สไมล์ ไทยแลนด์ ที่ทำร่วมกับสายการบินไทย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยต้องหยุดนิ่งเชื่อว่าไตรมาส 3และ 4 ปีนี้นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นจะเริ่มกลับเดินทางเข้าประเทศไทย ขณะที่แผนงานที่จะทำต่อเนื่องไปจนถึงปีงบประมาณ 2553 ได้แก่ เพิ่มการประชาสัมพันธ์เจาะเป็นรายตลาด เช่น สำนักงานททท.โตเกียวเน้นเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรี วัยทำงาน ,สำนักงานททท.โอซาก้า เจาะตลาดนักเรียน และ สำนักงาน ททท.ฟูกูโอกะ ให้เจาะตลาดคนหนุ่มสาว สินค้า ที่จะนำเสนอ เช่น กอล์ฟ เพราะชาวญี่ปุ่นชื่นชอบการเล่นกอล์ฟ ปัจจุบันขยายไปถึงกลุ่มเยาวชนและสตรี แต่ถูกจำกัดเรื่องของการใช้สนาม ททท.จะเชิญชวนให้เข้ามาเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Association of Travel Agents(JATA) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านกลยุทธ์และการขายสินค้าทางการท่องเที่ยว ซึ่ง จาต้า ได้แนะนำว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังชื่นชอบการเที่ยวหาดทรายชายทะเล พิพิธภัณฑ์ และชอปปิ้ง มากกว่าการเที่ยวสวนสัตว์ ขณะที่ ททท.ได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เช่น วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอโซนสูงติดอันดับโลก ซึ่งจาต้ามองว่าเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยที่ชาวญี่ปุ่นน่าจะสนใจ
****เปิดแผนปีหน้าขยายฐานนักท่องเที่ยว***
สำหรับแผนกระตุ้นตลาดญี่ปุ่นของ ททท.ในปีงบประมาณ 2553 จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเก่าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มดำน้ำ กลุ่มเยาวชน ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ขณะที่การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ จะต้องใช้รูปแบบที่เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้โดยตรง เนื่องจากกลุ่มนี้การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตคงยังไม่มากพอ
ทั้งนี้กลุ่มผู้สูงอายุ จะจัดอยู่ในกลุ่มพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ ซึ่งในปี 2550 นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่เดินทางออกนอกประเทศมีจำนวนถึง 358,213 คน จึงถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่น่าสนใจเพราะเขามีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยว เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และหนีอากาศหนาว โดยไทยเป็นอันดับ 3 ที่ผู้สูงอายุของญี่ปุ่นจะเดินทางเข้ามารองจากประเทศออสเตรเลีย โดยมีมาเลเซียเป็นอันดับ 1 คนกลุ่มนี้มีรายได้จากรัฐสวัสดิการที่จ่ายให้ทุกเดือน ส่วนกลุ่มเยาวชนจะเน้นเรื่องการทัศนะศึกษา
อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นตลาดอ่อนไหว แต่มีข้อดีที่รัฐบาลส่งเสริมให้เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 20 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 127 ล้านคน สำหรับประเทศไทยนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่มาซ้ำ 60% ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเดินทางมาปกติ ส่วนที่ลดลงเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยมา ซึ่งททท.ต้องเน้นสร้างความเข้าใจตลาดนี้ให้มาก
***หารือหน่วยงานรัฐดึงตลาดลองสเตย์****
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า จะหารือกับกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงานฯ และกระทรวงสาธารณะสุข ใน 2-3 ประเด็น เพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขที่เป็นข้อติดขัด เช่น ขั้นตอนการขอวีซ่า , ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกและด้านสาธารณะสุข ที่พร้อมรองรับ เพราะผู้สูงอายุที่ต้องการพาบิดาและมารดาที่มีอายุมากแล้วนั้นเดินทางเข้ามาพร้อมกันมีจำนวนถึง 30%ของนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุทั้งหมด
นอกจากนั้นจะหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุที่อายุไม่เกิน 60 ปี สามารถทำงานได้ตามจำนวนชั่วโมงที่รัฐบาลกำหนด เหมือนประเทศมาเลเซียที่อนุญาตให้ผู้สูงอายุทำงานได้สัปดาห์ละ 20 ชั่วโมงได้หรือไม่ เพราะมีผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น 10-15% ยังชอบที่จะทำงานเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์บ้าง และจะหารือกับกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน วางแผนทำตลาดญี่ปุ่นร่วมกัน ชูจุดขายที่ค่ารักษาพยาบาลถูกกว่าที่ญี่ปุ่นถึง 3 เท่า
***วางหมาก 3 สนง.เจาะ 3 ตลาด *****
ทางด้านนายสรรเสริญ เงารังสี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า จากกิจกรรมที่ททท.ทั้ง 3 สำนักงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาตลอด เช่น โรดโชว์ และ โครงการ สไมล์ ไทยแลนด์ ที่ทำร่วมกับสายการบินไทย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยต้องหยุดนิ่งเชื่อว่าไตรมาส 3และ 4 ปีนี้นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นจะเริ่มกลับเดินทางเข้าประเทศไทย ขณะที่แผนงานที่จะทำต่อเนื่องไปจนถึงปีงบประมาณ 2553 ได้แก่ เพิ่มการประชาสัมพันธ์เจาะเป็นรายตลาด เช่น สำนักงานททท.โตเกียวเน้นเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรี วัยทำงาน ,สำนักงานททท.โอซาก้า เจาะตลาดนักเรียน และ สำนักงาน ททท.ฟูกูโอกะ ให้เจาะตลาดคนหนุ่มสาว สินค้า ที่จะนำเสนอ เช่น กอล์ฟ เพราะชาวญี่ปุ่นชื่นชอบการเล่นกอล์ฟ ปัจจุบันขยายไปถึงกลุ่มเยาวชนและสตรี แต่ถูกจำกัดเรื่องของการใช้สนาม ททท.จะเชิญชวนให้เข้ามาเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย