รอยเตอร์/เอเอฟพี – ผู้นำศรีลังกาแถลงต่อสภา ยืนยันได้ชัยชนะเหนือกลุ่มทมิฬอย่างเด็ดขาด พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติในประเทศ ขณะที่แกนนำระดับสูงของกลุ่มกบฏยังยืนกราน เวฬุพิไล ประภาการันยังไม่ตาย
ประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษี แห่งศรีลังกา กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ (19) โดยยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลสามารถปลดปล่อยประเทศจากภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้ายพยัคฆ์ทมิฬได้อย่างสมบูรณ์ครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศแล้ว
ผู้นำศรีลังการะบุว่ารัฐบาลของเขาเต็มใจแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับชาวทมิฬซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศ และต้องการยุติความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬซึ่งดำเนินมายาวนานตั้งแต่ศรีลังกาได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1948 พร้อมสัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเคยเป็นเขตยึดครองของกลุ่มกบฏโดยเร็ว และจะอนุญาตให้สหประชาชาติเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้อพยพได้ในเร็วๆ นี้
ผู้นำศรีลังกายังกล่าวโจมตีชาติตะวันตกว่า มีนโยบายสิทธิมนุษยชนแบบเลือกปฏิบัติและมี “ 2 มาตรฐาน ” หลังจากสหภาพยุโรปกำลังผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการอิสระเพื่อสอบสวนเอาผิดทางการศรีลังกาในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน จนมีพลเรือนชาวทมิฬเสียชีวิตระหว่างการกวาดล้างกลุ่มกบฏ แต่กลับเพิกเฉยต่อการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯในอัฟกานิสถานและปากีสถานที่มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก
ด้านปฏิกิริยาของนานาชาติหลังการปราศรัยของผู้นำศรีลังกามีรายงานว่า เอียน เคลลี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องให้รัฐบาลศรีลังกาเคารพสิทธิมนุษยชนของชาวทมิฬ และให้เสรีภาพทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยแก่คนศรีลังกาทุกเชื้อชาติโดยเท่าเทียม
ขณะที่มารีโอคาเบโฆษกสหประชาชาติระบุว่าบันคีมุนเลขาธิการสหประชาชาติจะเดินทางไปศรีลังกาเร็วๆนี้ เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้อพยพตามค่ายพักต่างๆ ที่อยู่ในการควบคุมของรัฐบาล
ด้านจอห์นโฮล์มส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านมนุษยธรรม ให้สัมภาษณ์ที่นิวยอร์กแสดงความเป็นห่วงชะตากรรมของแพทย์ของรัฐบาลศรีลังกา2 คนคือ นายแพทย์ ที. สัตยามูร์ธีและนายแพทย์ธุไรราชา วรธาราชา ซึ่งถูกรัฐบาลควบคุมตัวและเตรียมตั้งข้อหาแปรพรรคไปเข้ากับกลุ่มกบฏด้วยการเป็นกระบอกเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อให้กลุ่มกบฏ ในช่วงที่เดินทางเข้าไปรักษาผู้บาดเจ็บในพื้นที่สู้รบตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยโฮล์มส์เรียกร้องรัฐบาลศรีลังกาให้ปฏิบัติต่อแพทย์ทั้ง 2 คนอย่างเหมาะสม
ขณะที่เซลวาระสา ปัธมานาธาน หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกลุ่มกบฏกล่าวในแถลงการณ์ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ “ทมิฬเน็ท” ปฏิเสธข่าวการเสียชีวิตของเวฬุพิไล ประภาการัน ผู้นำกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬวัย 54 ปี โดยยืนยันว่าเขายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดีรวมทั้งจะยังคงเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและเสรีภาพของชาวทมิฬต่อไป แม้ทางกองทัพศรีลังกาจะยืนยันเมื่อวันจันทร์(18)ว่าพบศพเวฬุพิไลและแกนนำกลุ่มกบฏระดับสูงหลายคนแล้วก็ตาม
ด้านบรรดาผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏได้รวมตัวชุมนุมประท้วงในหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐฯ และอังกฤษ เรียกร้องให้ประชาคมโลกลงโทษรัฐบาลศรีลังกาที่สังหารพลเรือนชาวทมิฬจำนวนมากระหว่างการสู้รบในช่วงที่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่เชื่อว่า ผู้นำกบฎยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19) สถานีโทรทัศน์ทางการศรีลังกาเผยแพร่ภาพศพของเวฬุพิไล เพื่อสยบข่าวลือว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ภาพจากสถานีโทรทัศน์แสดงให้เห็นส่วนบนของศพที่มีใบหน้าเหมือนเวฬุพิไลสวมชุดพราง บริเวณศีรษะและหน้าผากมีบาดแผลถูกยิง ดวงตาเบิกโพลง และพบป้ายห้อยคอของเขาที่มีหมายเลขประจำตัว “0.01”
ประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษี แห่งศรีลังกา กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ (19) โดยยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลสามารถปลดปล่อยประเทศจากภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้ายพยัคฆ์ทมิฬได้อย่างสมบูรณ์ครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศแล้ว
ผู้นำศรีลังการะบุว่ารัฐบาลของเขาเต็มใจแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับชาวทมิฬซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศ และต้องการยุติความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬซึ่งดำเนินมายาวนานตั้งแต่ศรีลังกาได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1948 พร้อมสัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเคยเป็นเขตยึดครองของกลุ่มกบฏโดยเร็ว และจะอนุญาตให้สหประชาชาติเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้อพยพได้ในเร็วๆ นี้
ผู้นำศรีลังกายังกล่าวโจมตีชาติตะวันตกว่า มีนโยบายสิทธิมนุษยชนแบบเลือกปฏิบัติและมี “ 2 มาตรฐาน ” หลังจากสหภาพยุโรปกำลังผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการอิสระเพื่อสอบสวนเอาผิดทางการศรีลังกาในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน จนมีพลเรือนชาวทมิฬเสียชีวิตระหว่างการกวาดล้างกลุ่มกบฏ แต่กลับเพิกเฉยต่อการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯในอัฟกานิสถานและปากีสถานที่มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก
ด้านปฏิกิริยาของนานาชาติหลังการปราศรัยของผู้นำศรีลังกามีรายงานว่า เอียน เคลลี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องให้รัฐบาลศรีลังกาเคารพสิทธิมนุษยชนของชาวทมิฬ และให้เสรีภาพทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยแก่คนศรีลังกาทุกเชื้อชาติโดยเท่าเทียม
ขณะที่มารีโอคาเบโฆษกสหประชาชาติระบุว่าบันคีมุนเลขาธิการสหประชาชาติจะเดินทางไปศรีลังกาเร็วๆนี้ เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้อพยพตามค่ายพักต่างๆ ที่อยู่ในการควบคุมของรัฐบาล
ด้านจอห์นโฮล์มส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านมนุษยธรรม ให้สัมภาษณ์ที่นิวยอร์กแสดงความเป็นห่วงชะตากรรมของแพทย์ของรัฐบาลศรีลังกา2 คนคือ นายแพทย์ ที. สัตยามูร์ธีและนายแพทย์ธุไรราชา วรธาราชา ซึ่งถูกรัฐบาลควบคุมตัวและเตรียมตั้งข้อหาแปรพรรคไปเข้ากับกลุ่มกบฏด้วยการเป็นกระบอกเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อให้กลุ่มกบฏ ในช่วงที่เดินทางเข้าไปรักษาผู้บาดเจ็บในพื้นที่สู้รบตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยโฮล์มส์เรียกร้องรัฐบาลศรีลังกาให้ปฏิบัติต่อแพทย์ทั้ง 2 คนอย่างเหมาะสม
ขณะที่เซลวาระสา ปัธมานาธาน หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกลุ่มกบฏกล่าวในแถลงการณ์ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ “ทมิฬเน็ท” ปฏิเสธข่าวการเสียชีวิตของเวฬุพิไล ประภาการัน ผู้นำกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬวัย 54 ปี โดยยืนยันว่าเขายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดีรวมทั้งจะยังคงเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและเสรีภาพของชาวทมิฬต่อไป แม้ทางกองทัพศรีลังกาจะยืนยันเมื่อวันจันทร์(18)ว่าพบศพเวฬุพิไลและแกนนำกลุ่มกบฏระดับสูงหลายคนแล้วก็ตาม
ด้านบรรดาผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏได้รวมตัวชุมนุมประท้วงในหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐฯ และอังกฤษ เรียกร้องให้ประชาคมโลกลงโทษรัฐบาลศรีลังกาที่สังหารพลเรือนชาวทมิฬจำนวนมากระหว่างการสู้รบในช่วงที่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่เชื่อว่า ผู้นำกบฎยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19) สถานีโทรทัศน์ทางการศรีลังกาเผยแพร่ภาพศพของเวฬุพิไล เพื่อสยบข่าวลือว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ภาพจากสถานีโทรทัศน์แสดงให้เห็นส่วนบนของศพที่มีใบหน้าเหมือนเวฬุพิไลสวมชุดพราง บริเวณศีรษะและหน้าผากมีบาดแผลถูกยิง ดวงตาเบิกโพลง และพบป้ายห้อยคอของเขาที่มีหมายเลขประจำตัว “0.01”