ASTVผู้จัดการรายวัน-ต่างชาติแห่ช๊อบสินค้าอาหารไทยในงาน THAIFAX คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการจัดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX 2009 ว่า มีผู้ซื้อจากต่างประเทศ ทั้งห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และบริษัทผู้นำเข้า จากภูมิภาคอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอาเซียน เดินทางมาสั่งซื้อสินค้าอาหารของไทยเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,500-4,000 ล้านบาท
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าอาหารไทยมากขนาดนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านโยบายในการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าอาหารของกระทรวงพาณิชย์ประสบผลสำเร็จ จนผู้ซื้อต่างชาติมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า และมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้การส่งออกสินค้าอาหารไทยในภาพรวมดีขึ้น”นายราเชนทร์กล่าว
นายราเชนทร์กล่าวว่า ในส่วนภูมิภาคอเมริกา มีบริษัทรายสำคัญที่เดินทางมาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทย เช่น บริษัท Super Valu ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาเก็ตอันดับ 4 ของสหรัฐฯ บริษัท Compass USA ที่เคยส่งสินค้าให้กับงานโอลิมปิค 2008 บริษัท OTIS McALLISTER,INC. ซึ่งส่งสินค้าให้กับฐานทัพอเมริกา 276 แห่ง บริษัท Royal Caribbean International บริษัท AAF Import Inc. บริษัท Family Dollars บริษัท LASCO Jamaica Limited บริษัท Vasinee Food Corporation บริษัท Tristar Food Wholesale Co.Inc. มียอดสั่งซื้อรวมประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ต้องการ เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง สับปะรดกระป๋อง ข้าวหอมมะลิ อาหารสำเร็จรูป ซอสปรุงรส เป็นต้น
ภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีผู้ซื้อรายสำคัญ เช่น Harrods จากอังกฤษ Stutzer&Co AG,Migros จากสวิตเซอร์แลนด์ I.Schroeder KG จากเยอรมนี เดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทย โดยมียอดสั่งซื้อทันที 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ สินค้าอาหารแช่แข็ง และอาหารพร้อมรับประทาน ข้าว ซอสปรุงรส กะทิ ผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้ ไก่แช่แข็ง ปลาแช่แข็ง ซูชิแช่แข็ง เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
ส่วนผู้ซื้อจากประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น มีบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่เดินทางมาหาซื้อสินค้าอาหารไทย เช่น บริษัท Youki Trading Co. ,Ltd บริษัท SUNTORY และบริษัท TSUNE-ISHI HOLDING
ออสเตรเลีย เช่น บริษัท Oriental Merchant pty Lid. ได้เดินทางมาหาวัตถุดิบอาหารไทย และสินค้าพร้อมรับประทานใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะสั่งซื้อสินค้าไทยตลอดทั้งปี 15 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 400 ล้านบาท และยังมีหน่วยงานด้านประมงของออสเตรเลียเดินทางมาดูวัตถุดิบ โดยเฉพาะกุ้ง ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด และสินค้าไทยส่งไปขายมากเป็นอันดับ 1 ประมาณ 3.3 หมื่นตันต่อปี แซงหน้าจีนเป็นครั้งแรกแล้ว
เกาหลีใต้ บริษัท SPC (Superb Purchasing Corp) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสาขาขายสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดจำนวน 120 แห่ง ได้เดินทางมาหาซื้อสินค้า โดยต้องการผลไม้กระป๋อง 1,511 ตันต่อปี น้ำตาล 31,000 ตันต่อปี แป้งสาลี 12,000 ตันต่อปี
จีน มีบริษัทผู้นำเข้าจากจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าไทย เช่น เครื่องในเป็ดและไก่ ของกินเล่น กระทิ ผลไม้ เช่น มังคุด สับปะรด กล้วย ลำไย
สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง มียอดการสั่งซื้อทันที 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องดื่มบรรจุกล่อง เป็นต้น แอฟริกา บริษัท El Ashraf Co.,For Imp.&EXP. สั่งซื้อสับปะรดกระป๋องทันที 50 ตู้คอนเทรนเนอร์ บริษัท ซันยา จำกัด และบริษัท Wis Co. ,Ltd. ซื้อทูน่ากระป๋องทันที 25 ตู้คอนเทรนเนอร์ อาเซียน มีผู้นำเข้าจากสิงคโปร์ กัมพูชาและมาเลเซีย เดินทางมาซื้อสินค้าไทย มียอดสั่งซื้อทันที 8.75 แสนเหรียญสหรัฐ
นายราเชนทร์กล่าวว่า กรมฯ มีแผนที่จะจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารในครั้งต่อไป โดยแยกบูธสินค้าระหว่างอาหารปกติ กับอาหารฮาลาลออกจากกัน เพื่อดึงผู้ซื้อจากประเทศมุสลิมให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทยให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ สินค้าอาหารฮาลาลของไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอยู่แล้ว แต่หากแยกให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาได้ ก็จะทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจมากขึ้น
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการจัดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX 2009 ว่า มีผู้ซื้อจากต่างประเทศ ทั้งห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และบริษัทผู้นำเข้า จากภูมิภาคอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอาเซียน เดินทางมาสั่งซื้อสินค้าอาหารของไทยเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,500-4,000 ล้านบาท
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าอาหารไทยมากขนาดนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านโยบายในการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าอาหารของกระทรวงพาณิชย์ประสบผลสำเร็จ จนผู้ซื้อต่างชาติมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า และมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้การส่งออกสินค้าอาหารไทยในภาพรวมดีขึ้น”นายราเชนทร์กล่าว
นายราเชนทร์กล่าวว่า ในส่วนภูมิภาคอเมริกา มีบริษัทรายสำคัญที่เดินทางมาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทย เช่น บริษัท Super Valu ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาเก็ตอันดับ 4 ของสหรัฐฯ บริษัท Compass USA ที่เคยส่งสินค้าให้กับงานโอลิมปิค 2008 บริษัท OTIS McALLISTER,INC. ซึ่งส่งสินค้าให้กับฐานทัพอเมริกา 276 แห่ง บริษัท Royal Caribbean International บริษัท AAF Import Inc. บริษัท Family Dollars บริษัท LASCO Jamaica Limited บริษัท Vasinee Food Corporation บริษัท Tristar Food Wholesale Co.Inc. มียอดสั่งซื้อรวมประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ต้องการ เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง สับปะรดกระป๋อง ข้าวหอมมะลิ อาหารสำเร็จรูป ซอสปรุงรส เป็นต้น
ภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีผู้ซื้อรายสำคัญ เช่น Harrods จากอังกฤษ Stutzer&Co AG,Migros จากสวิตเซอร์แลนด์ I.Schroeder KG จากเยอรมนี เดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทย โดยมียอดสั่งซื้อทันที 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ สินค้าอาหารแช่แข็ง และอาหารพร้อมรับประทาน ข้าว ซอสปรุงรส กะทิ ผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้ ไก่แช่แข็ง ปลาแช่แข็ง ซูชิแช่แข็ง เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
ส่วนผู้ซื้อจากประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น มีบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่เดินทางมาหาซื้อสินค้าอาหารไทย เช่น บริษัท Youki Trading Co. ,Ltd บริษัท SUNTORY และบริษัท TSUNE-ISHI HOLDING
ออสเตรเลีย เช่น บริษัท Oriental Merchant pty Lid. ได้เดินทางมาหาวัตถุดิบอาหารไทย และสินค้าพร้อมรับประทานใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะสั่งซื้อสินค้าไทยตลอดทั้งปี 15 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 400 ล้านบาท และยังมีหน่วยงานด้านประมงของออสเตรเลียเดินทางมาดูวัตถุดิบ โดยเฉพาะกุ้ง ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด และสินค้าไทยส่งไปขายมากเป็นอันดับ 1 ประมาณ 3.3 หมื่นตันต่อปี แซงหน้าจีนเป็นครั้งแรกแล้ว
เกาหลีใต้ บริษัท SPC (Superb Purchasing Corp) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสาขาขายสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดจำนวน 120 แห่ง ได้เดินทางมาหาซื้อสินค้า โดยต้องการผลไม้กระป๋อง 1,511 ตันต่อปี น้ำตาล 31,000 ตันต่อปี แป้งสาลี 12,000 ตันต่อปี
จีน มีบริษัทผู้นำเข้าจากจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าไทย เช่น เครื่องในเป็ดและไก่ ของกินเล่น กระทิ ผลไม้ เช่น มังคุด สับปะรด กล้วย ลำไย
สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง มียอดการสั่งซื้อทันที 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องดื่มบรรจุกล่อง เป็นต้น แอฟริกา บริษัท El Ashraf Co.,For Imp.&EXP. สั่งซื้อสับปะรดกระป๋องทันที 50 ตู้คอนเทรนเนอร์ บริษัท ซันยา จำกัด และบริษัท Wis Co. ,Ltd. ซื้อทูน่ากระป๋องทันที 25 ตู้คอนเทรนเนอร์ อาเซียน มีผู้นำเข้าจากสิงคโปร์ กัมพูชาและมาเลเซีย เดินทางมาซื้อสินค้าไทย มียอดสั่งซื้อทันที 8.75 แสนเหรียญสหรัฐ
นายราเชนทร์กล่าวว่า กรมฯ มีแผนที่จะจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารในครั้งต่อไป โดยแยกบูธสินค้าระหว่างอาหารปกติ กับอาหารฮาลาลออกจากกัน เพื่อดึงผู้ซื้อจากประเทศมุสลิมให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทยให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ สินค้าอาหารฮาลาลของไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอยู่แล้ว แต่หากแยกให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาได้ ก็จะทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจมากขึ้น