ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ปลื้มไตรมาสแรกกดราคาสินค้าอยู่หมัด สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ 12 รายการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้าวสารถุง น้ำมันพืช ปาล์ม แป้งสาลี มาม่า ผงซักฟอก ยาสีฟัน แบตเตอรี่ ปูน เหล็ก สายไฟ และปุ๋ยเคมี ราคาลดลงตั้งแต่ 1.16-32.05%
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ประเมินผลการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์ราคาสินค้ามีการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร และมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการได้มีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า สถานการณ์ราคาสินค้าในไตรมาสแรก มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 โดยพบว่ามีสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพจำนวน 12 รายการ มีการปรับลดราคาลงตามราคาวัตถุดิบที่เป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ โดยมีราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 1.16-32.05%
โดยสินค้าที่มีการปรับลดราคาสูงสุด ได้แก่ ปุ๋ยเคมี สูตร 46-0-0 (ถุง 50 กก.) ราคาเฉลี่ยไตรมาส 1 อยู่ที่ 683.75 บาท ลดลง 32.05% จากราคาเฉลี่ยไตรมาส 4 อยู่ที่ 1,006.29 บาท รองลงมา ได้แก่ แป้งสาลี ราคาขณะนี้เฉลี่ย 35.75 บาท/กก. ลดลง 23.94% หรือลดจากราคาเฉลี่ย 47 บาทในไตรมาสที่ 4 เหล็กแผ่น (เรียบดำ 4*8 ฟุต หนา 2 มม. นน. 47 กก./แผ่น) ราคาเฉลี่ย 1,126.08 บาท ลดลง 12.38% จากราคา 1,2853.14 บาท เหล็กเส้น (ชนิดเส้นกลม SR24 ยาว 10 ม. นน.4.99 กก. 9 มม. ราคาเฉลี่ย 102.67 บาท ลดลง 10.94% จากราคา 115.28 บาท
ข้าวสารบรรจุถุง (หอมมะลิ 5% 5 กก./ถุง) ราคาเฉลี่ย 174.71 บาท ลดลง 11.49% จากราคา 197.40 บาท แบตเตอรี่ ตรา GS (N 70 Z) ราคาเฉลี่ย 2,387.50 บาท ลดลง 9.05% จากราคา 2,625 บาท น้ำมันพืช ราคา 45.23 บาท/ขวดลิตร ลดลง 6.88% จากราคา 48.57 บาท/ขวดลิตร สายไฟฟ้า (ใช้ภายในอาคาร VAF 2*1 มม./100 ม.) ราคาเฉลี่ย 753.21 บาท ลดลง 6.26% จากราคา 803.54 บาท น้ำมันปาล์ม ราคาเฉลี่ย 36.94 บาท/ขวดลิตร ลดลง 5.96% จากราคา 39.28 บาท ปูนซีเมนต์ ผสมตราเสือ 50 กก. ราคาเฉลี่ย 135 บาท ลดลง 1.82% จากราคา 137.50 บาท ผงซักฟอก 1000 กรัม ราคาเฉลี่ย 56.75 บาท ลดลง 1.61% จาก 57.68 บาท และยาสีฟัน คอลเกต รสยอดนิยม 200 กรัม ราคาเฉลี่ย 45.06 บาท ลดลง 1.36% จากราคา 45.68 บาท
ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว เป็นสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดของใช้ประจำวัน เช่น นมสด น้ำอัดลม มาม่า ปลากระป๋อง สบู่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และยากำจัดศัตรูพืช เป็นต้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้มีมาตรการในการดูแลภาวะราคาสินค้า โดยได้มีการตรวจสอบและวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตเป็นประจำต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาต้นทาง และติดตามราคาจำหน่ายปลีกปลายทางเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งพบว่าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาสินค้าส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว และบางรายการมีราคาลดลง
โดยสินค้าที่มีราคาลดลงมาก เช่น เหล็ก การซื้อขายลดลง 30-40% จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐยังไม่มี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการขาดเงินหมุนเวียน จึงมีการลดราคาจำหน่ายเพื่อลดปริมาณสต๊อก และมีเงินหมุนเวียน ส่วนสินค้ากลุ่มอาหาร และของใช้ประจำวัน ผู้ค้าได้มีการใช้นโยบายการส่งเสริมการขาย เพื่อจูงใจผู้บริโภคให้มีการซื้อมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กรมฯ ได้มีการใช้โครงการธงฟ้าในการเข้าไปดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยนำสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพราคาถูกกว่าท้องตลาดไปจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ ทำให้สถานการณ์ราคาสินค้าโดยรวมปรับตัวลดลง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ประเมินผลการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์ราคาสินค้ามีการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร และมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการได้มีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า สถานการณ์ราคาสินค้าในไตรมาสแรก มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 โดยพบว่ามีสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพจำนวน 12 รายการ มีการปรับลดราคาลงตามราคาวัตถุดิบที่เป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ โดยมีราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 1.16-32.05%
โดยสินค้าที่มีการปรับลดราคาสูงสุด ได้แก่ ปุ๋ยเคมี สูตร 46-0-0 (ถุง 50 กก.) ราคาเฉลี่ยไตรมาส 1 อยู่ที่ 683.75 บาท ลดลง 32.05% จากราคาเฉลี่ยไตรมาส 4 อยู่ที่ 1,006.29 บาท รองลงมา ได้แก่ แป้งสาลี ราคาขณะนี้เฉลี่ย 35.75 บาท/กก. ลดลง 23.94% หรือลดจากราคาเฉลี่ย 47 บาทในไตรมาสที่ 4 เหล็กแผ่น (เรียบดำ 4*8 ฟุต หนา 2 มม. นน. 47 กก./แผ่น) ราคาเฉลี่ย 1,126.08 บาท ลดลง 12.38% จากราคา 1,2853.14 บาท เหล็กเส้น (ชนิดเส้นกลม SR24 ยาว 10 ม. นน.4.99 กก. 9 มม. ราคาเฉลี่ย 102.67 บาท ลดลง 10.94% จากราคา 115.28 บาท
ข้าวสารบรรจุถุง (หอมมะลิ 5% 5 กก./ถุง) ราคาเฉลี่ย 174.71 บาท ลดลง 11.49% จากราคา 197.40 บาท แบตเตอรี่ ตรา GS (N 70 Z) ราคาเฉลี่ย 2,387.50 บาท ลดลง 9.05% จากราคา 2,625 บาท น้ำมันพืช ราคา 45.23 บาท/ขวดลิตร ลดลง 6.88% จากราคา 48.57 บาท/ขวดลิตร สายไฟฟ้า (ใช้ภายในอาคาร VAF 2*1 มม./100 ม.) ราคาเฉลี่ย 753.21 บาท ลดลง 6.26% จากราคา 803.54 บาท น้ำมันปาล์ม ราคาเฉลี่ย 36.94 บาท/ขวดลิตร ลดลง 5.96% จากราคา 39.28 บาท ปูนซีเมนต์ ผสมตราเสือ 50 กก. ราคาเฉลี่ย 135 บาท ลดลง 1.82% จากราคา 137.50 บาท ผงซักฟอก 1000 กรัม ราคาเฉลี่ย 56.75 บาท ลดลง 1.61% จาก 57.68 บาท และยาสีฟัน คอลเกต รสยอดนิยม 200 กรัม ราคาเฉลี่ย 45.06 บาท ลดลง 1.36% จากราคา 45.68 บาท
ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว เป็นสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดของใช้ประจำวัน เช่น นมสด น้ำอัดลม มาม่า ปลากระป๋อง สบู่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และยากำจัดศัตรูพืช เป็นต้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้มีมาตรการในการดูแลภาวะราคาสินค้า โดยได้มีการตรวจสอบและวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตเป็นประจำต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาต้นทาง และติดตามราคาจำหน่ายปลีกปลายทางเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งพบว่าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาสินค้าส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว และบางรายการมีราคาลดลง
โดยสินค้าที่มีราคาลดลงมาก เช่น เหล็ก การซื้อขายลดลง 30-40% จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐยังไม่มี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการขาดเงินหมุนเวียน จึงมีการลดราคาจำหน่ายเพื่อลดปริมาณสต๊อก และมีเงินหมุนเวียน ส่วนสินค้ากลุ่มอาหาร และของใช้ประจำวัน ผู้ค้าได้มีการใช้นโยบายการส่งเสริมการขาย เพื่อจูงใจผู้บริโภคให้มีการซื้อมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กรมฯ ได้มีการใช้โครงการธงฟ้าในการเข้าไปดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยนำสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพราคาถูกกว่าท้องตลาดไปจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ ทำให้สถานการณ์ราคาสินค้าโดยรวมปรับตัวลดลง
