xs
xsm
sm
md
lg

"ธานี"สั่งเร่งรัดหาหลักฐานยิง"สนธิ""บิ๊กป๊อก"ปัดไม่เกี่ยว-ใครโยงขู่ฟ้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ธานี สมบูรณ์ทรัพย์”มั่นใจปิดคดีลอบยิง“สนธิ”ภายใน 4 เดือนก่อนเกษียณ ชี้คดีมีความคืบหน้าแต่ปฏิเสธเรื่องสตรีผู้สูงศักดิ์ และไม่รู้เรื่องที่“สนธิ” แฉมี จ.ส.อ.เป็นมือยิงเอ็ม 79 ถล่มใส่ "อนุพงษ์"ลั่นพร้อมให้ความร่วมมือดำเนินคดีทหารที่เกี่ยวข้อง ยันตนไม่เกี่ยวและไม่ยุ่งการเมือง ขู่ใครโยงไปเกี่ยวข้อง ใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายแน่


วานนี้(6 พ.ค.)เวลา 12.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดียิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยภายหลังการประชุมได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า การประชุมเป็นการติดตามความคืบหน้าของคดี มีประเด็นสั่งการให้กลับไปช่วยทำงานเพิ่มเติมเรื่องพยานหลักฐานทางคดี เนื่องจากพยานหลักฐานบางชิ้นยังดำเนินการไม่เรียบร้อย จึงเร่งรัดให้ทำงานโดยมีกำหนดเวลา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ออกมาพูดถึงสตรีผู้สูงศักดิ์เป็นผู้บงการ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่รู้ เรื่องนี้ต้องไปถามนายสนธิ เอง ส่วนข้อมูลที่นายสนธิ แถลงจะตรงกับการสืบสวนของตำรวจหรือไม่นั้น บอกไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของการสืบสวน แต่ใครพูดอะไรก็ต้องรับฟัง ข้อมูลทุกข้อมูลมีประโยชน์หมดเพียงแต่เราต้องมาพิจารณาว่ามีประโยชน์รูปคดีมากแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ในขณะนี้จะสามารถจับกุมคนร้ายได้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า แล้วแต่พยานหลักฐานจะสาวไปถึงก็ต้องดำเนินตามขั้นตอนขบวนการ คดีมีความละเอียดอ่อน สำหรับกรณีที่นายสนธิออกมาระบุว่าเป็นฝีมือกลุ่มทหาร แนวทางการสืบสวนจะต้องเป็นไปทางนั้นหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้แต่ข้อมูลที่ใครพูดเราก็ฟังแล้วมาพิจารณาว่าพยานหลักฐานไปตามนั้นหรือไม่ แต่คดีนี้คงต้องเสร็จก่อนเกษียณ

พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงกล่าวถึงกลุ่มมือปืนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่ด้วยว่า กลุ่มมือปืนเราตรวจสอบไปหลายชุดแล้ว แต่พยานหลักฐานยังไม่สาวไปถึงกลุ่มใด แต่ทางการสืบสวนเราก็ยังสืบสวนต่อไป เราได้ไปสอบปากคำคนขับรถและการ์ดที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะเป็นหลักฐานในสำนวนการสอบสวน

เมื่อซักว่า กรณีที่นายสนธิ ระบุว่ามีทหารยศจ่าสิบเอกเป็นผู้ยิงเอ็ม 79 นั้น พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่รู้ในเรื่องนี้ ส่วนกรณีอาวุธสงคราที่ใช้ก่อเหตุปล้นร้านทองที่พัทยาซึ่งมีการจับกุมได้นั้น ได้สั่งการให้ตรวจสอบโดยให้ส่งมาตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อเปรียบเทียบอาวุธที่คนร้ายใช้ในคดีนี้ด้วย ส่วนอาวุธสงครามที่ให้ส่งมาตรวจก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่พบอาวุธที่เกี่ยวข้องกับคดีเลย ถ้าเจอก็คงจับคนร้ายได้แล้ว

“ไม่ เพราะการทำงานต้องมีความรอบคอบ จะมีประโยชน์อะไรหากเร่งรีบแล้วจับใครมาก็ไม่ทราบว่าใช่คนร้ายหรือไม่ แต่คดีนี้จะเสร็จก่อนเกษียณราชการอีก 4 เดือนหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่พยานหลักฐาน ถ้ารอถึง 4 เดือนก็ช้ามากใครเขาจะรอ ถ้าได้พยานหลักฐานสำคัญก็อาจเสร็จเร็ว ถ้าไม่ได้ก็ต้องดำเนินการต่อไป” พล.ต.อ.ธานี กล่าวปฏิเสธเมื่อถูกถามว่า คดีนี้ถือว่าไม่คืบหน้า

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ขณะนี้ตำรวจทราบตัวคนร้ายแล้วหาหลักฐาน หรือหาหลักฐานเพื่อสาวไปยังคนร้าย พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า การทำงานของตำรวจถ้าไม่มีหลักฐานก็จะถูกต่อว่าไปจับใครมา ทุกวันนี้ต้องดูที่พยานหลักฐานเพื่อนำไปขอหมายจับ ส่วนกรณีที่หากไม่พบอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ลงมือจะไม่สามารถนำไปสู่การจับกุมได้หรือไม่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ว่าของกลางที่คนร้ายใช้ทำผิดก็ถือเป็นหลักฐานที่แน่นหนามั่นคง ไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าตำรวจไปจับแพะอีก

พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงกลุ่มมือปืนที่ถูกจับตาว่าเป็นผู้ก่อเหตุว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลแต่ยังไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่าเป็นกลุ่มใด ส่วนที่มีการระบุว่ากระสุนปืนเป็นของทหาร พล.ร.9 ได้ถามไปยังกองทัพให้ตรวจสอบแล้ว ต้องรอให้ตอบมาก่อน

รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ออกมาแถลงข่าวถึงกรณีถูกยิงด้วยว่า เราก็รับฟัง แต่ต้องตรวจสอบ บางคนก็มาให้ข่าวทางโน้นทางนี้เราก็รับฟัง แต่ก็ต้องตรวจสอบว่าจริงเท็จอย่างไร เป็นแนวทางการสืบสวนอยู่แล้ว เราต้องดูความเป็นไปได้ ก่อนที่จะพูดถึงคนบงการเราต้องจับคนร้ายให้ได้ก่อน แล้วค่อยสาวไปว่าเป็นของใคร ตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจมีการหารือเพื่อป้องกันการก่อเหตุทำร้ายนายสนธิ ซ้ำอีกหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ ที่ 25 เม.ย.ที่ได้ไปประชุมเรื่องนี้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้สั่งการในเรื่องการป้องกันการกระทำผิดอย่างเต็มที่ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาถือว่าการป้องกันไม่ดี ยังจับคนร้ายไม่ได้ด้านการปราบปรามก็ไม่ได้ผล หากเกิดเหตุอีกก็ต้องรับผิดชอบแล้วทีนี้ ถือว่าการป้องกันล้มเหลว ต้องดำเนินการตามสัดส่วนสั่งการไปแล้วในที่ประชุม เป็นเรื่องปกติของตำรวจระบบงานต้องป้องกันให้ดี หรือเมื่อเกิดเหตุแล้วก็ต้องจับคนร้ายให้ได้ ถ้าคนใส่ใจในการทำหน้าที่

"อนุพงษ์"ขู่ฟ้องโยงเอี่ยวคดี

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ)เปิดเผยถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องว่า ทุกประเด็นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ เราพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพื่อให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการได้ หากตำรวจขอความร่วมมือมากองทัพพร้อมจะให้ความร่วมมือ หากไปถึงบุคคลใดก็ต้องถูกดำเนินคดี

เมื่อถามว่า นายสนธิ ระบุมีทหาร ยศ จ.ส.อ. เป็นผู้ปฏิบัติการกองทัพตรวจสอบอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามหลักการตำรวจจะทำเรื่องแจ้งมาว่าเป็นใคร ก็ต้องดำเนินการตามหลักการและมีวิธีการตามขั้นตอนสืบสวนสอบสวน เมื่อถามว่า นายสนธิ ปักใจเชื่อว่า การลอบสังหารมีกองทัพอยู่เบื้องหลัง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากมีใครในกองทัพทำความผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าใครทั้งสิ้น เมื่อถามถึงกระสุนปืนยิงนายสนธิ มีสัญลักษณ์อาร์ทีเอตรวจสอบทราบหรือยังว่าเป็นของหน่วยใด พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นตัวเรื่อง แต่เตรียมข้อมูลไว้

เมื่อถามว่า มีการเชื่อมความสัมพันธ์ของท่านกับคุณหญิงวิระยา ชวกุล ว่าอาจมีส่วนในการลอบสังหารครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่ใช่ท่านผู้หญิง ต้องไปถามท่านผู้หญิงเอง ผมไม่เคยได้ยินคำถามนี้ว่ามาจากไหน หากถามเรื่องท่านผู้หญิงก็ต้องถามท่านผู้หญิง”

เมื่อถามว่า นายสนธิ พยายามผูกโยงว่าท่านเกี่ยวข้องกับการสังหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ใครก็แล้วแต่ที่กล่าวหาผม ผมจะใช้สิทธิตามกฎหมาย หากท่านพูดท่านต้องรับผิดชอบ รวมทั้งสื่อหากเขาไม่ได้พูดแล้วสื่อนำเสนอก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ หากไปโยงกับท่านอื่นผมพูดแล้วจะเป็นประเด็น อย่าเอาผมไปโยงกับใคร”

เมื่อถามว่า เป็นการบีบให้ท่านหาคนผิดมาให้ได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “หากสมมุติว่าผมทำได้ ก็ต้องทำ หากใครมีความผิดแล้ว ผมให้การสนับสนุนได้ก็ต้องเอามา หากผมไปจับส่งเดชไม่มีหลักฐานไม่มีอำนาจจะไปทำได้อย่างไร หากแจ้งมาก็ต้องสนับสนุนทุกอย่างในการหาคนผิดให้ได้" เมื่อถามว่า นายสนธิ พยายามโยงเรื่องอำนาจใหม่ระหว่างกองทัพกับกลุ่มการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน ตนไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น