xs
xsm
sm
md
lg

เกมคลาสสิกใช้ “อำนาจ” สยบ “อำนาจ” !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จะด้วยเป็นเพราะสถานการณ์พาไป หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ กับการที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้อำนาจผ่านรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ มอบหมายให้ใช้ฝ่ายทหารเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาบวกสาม บวกหกที่จะมีขึ้นรอบใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนมิถุนายนนี้

โดยเริ่มนำร่องตั้งแต่การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในครั้งนี้แม้จะยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหน่วยงานหลัก แต่น่าสังเกตก็คือให้ทหารรับประกันความปลอดภัยอยู่ข้างหลังแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

ผิดกับทุกครั้งที่ให้ตำรวจออกหน้าลุยเดี่ยวๆ

ขณะเดียวกันแม้ว่าถ้าพิจารณากันโดยทั่วไปนี่อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องเรียกใช้บริการทหารเข้ามาดูแลเพื่อความมั่นใจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากเกิดเหตุความวุ่นวายตั้งแต่เมื่อครั้งการประชุมอาเซียนที่พัทยา เมื่อวันที่ 11 เมษายน จนวงประชุมล่มไม่เป็นท่า สร้างความเสียหายกับชาติบ้านเมืองจนประเมินไม่ได้

หรือเมื่อเกิดการจลาจลจากม็อบเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12-15 เมษายน จนมีการประกาศภาวะฉุกเฉินก็ใช้ทหารเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ จนทุกอย่างกลับคืนมาสู่สภาพปกติในเวลาอันรวดเร็ว

ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องให้ทหารดูแลรักษาความปลอดภัย หากดูจากผลงานที่ประจักษ์สายตาคนทั่วไปอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดีหากจะให้เข้าใจสถานการณ์ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และเป็นขั้นเป็นตอน เพราะรับรองว่างานนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปพิจารณากรณีเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายที่พัทยา และความพยายามในการทำร้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งรวมไปถึงเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยด้วย โดยเฉพาะในกรณีหลังนายกรัฐมนตรีถึงกับระบุตรงๆว่าเป็นการ “พยายามฆ่า”

แต่ก็รอดชีวิตมาได้อย่างเฉียดฉิว

จากนั้นถัดมาไม่นานคือวันศุกร์ที่ 17 เมษายน ก็เกิดกรณีความพยายามลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ด้วยอาวุธสงครามนานาชนิด โดยเกิดขึ้นกลางเมือง และที่สำคัญเป็นการก่อเหตุในช่วงที่มีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน

เกิดขึ้นท่ามกลางการวางกำลังทหารเต็มเมือง โดยเฉพาะทุกแยกสำคัญในเขตกรุงเทพฯชั้นใน แต่กลับกลายเป็นว่าในจุดเกิดเหตุกลับไม่มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ อีกทั้งบังเอิญว่ากล้องวงจรปิดก็ดันใช้การไม่ได้อย่างกะทันหัน

เมื่อปะติดปะต่อเชื่อมโยงกันให้ดีก็จะเป็นข้อพิรุธให้เห็นว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกัน เหมือนมีการวางแผนให้เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลังก็ย่อม “ไม่ธรรมดา” โดยเฉพาะทหารในกองทัพบางคนที่ทะเยอทะยาน ฉวยโอกาสในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย ก่อรัฐประหาร อ้างว่าเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์

แต่บังเอิญว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต แผนการไม่สำเร็จ ทั้ง อภิสิทธิ์และ สนธิ ไม่มีใครเสียชีวิต ทุกอย่างจึงพลิกกลับ ขณะเดียวกันสังคมก็หันมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรี กลางผนังทองแดงกำแพงเหล็กคุ้มกันให้อย่างดี ทำให้เกิดภาวะผู้นำ รังสีอำนาจตามธรรมชาติเกิดขึ้นทันทีเป็นทวีคูณ

เมื่อทุกอย่างมันพลิกผันรวดเร็วจนบางครั้งอาจตามไม่ทัน หรือถ้าไม่ปรับตัวให้กลมกลืนก็มีสิทธิ์พลาดท่าเสียทีอย่างไม่คาดหมายก็เป็นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตามองกันต่อไป

เมื่อเหตุการณ์ชุลมุนผ่านพ้นไป ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย แม้นาทีนี้จะไม่รู้แน่ชัดว่า “ไอ้โม่ง” ที่ถูกจับตามองว่าเป็น “ขุมอำนาจใหม่” นั้นคือใครกันแน่ ซึ่งจะต้องติดตามวิเคราะห์กันต่อไป แต่รับรองว่านับจากนาทีนี้เป็นต้นไปจะถูกสังคมกวาดมองอย่างไม่วางตาแน่นอน

เมื่อวกกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน ที่กำลังต้องพิสูจน์วัดใจกันอีกครั้งกับการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่จะเริ่มประเดิมตั้งแต่ปลายสัปดาห์เป็นต้นไป จากการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน

และคราวนี้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายคือฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลภายใต้การอำนวยการของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แต่มือไม้คนทำงานโดยตรงก็คือฝ่ายกองทัพที่นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพอื่นๆเป็นผู้รับผิดชอบชนิดที่เรียกว่าเต็มพรึบ

อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าพิจารณาก็คือการประชุมอาเซียนคราวนี้กองทัพภายใต้การกุมบังเหียนของ ประวิตร-อนุพงษ์ จะเข้ามาดูแลโดยตรง หากเกิดความผิดพลาดซ้ำรอยขึ้นมาอีกจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้แล้ว และที่สำคัญจะ “ลอยตัว” ก็ไม่ได้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาทั้งหมดไม่รู้ว่านี่คือวิธีใช้ “อำนาจ” สยบ “อำนาจ”หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่างานนี้พลาดไม่ได้แน่นอน !!

กำลังโหลดความคิดเห็น