นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการ ปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง มีฝ่ายการเมืองมากเกินไปว่า ตัวองค์กรแค่จุดเริ่มต้น แต่กระบวนการในการดำเนินการต้องรับฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ตนหวังว่าผู้ทรงวุฒิ หรือบุคคลภายนอกที่เข้ามาร่วมคงเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของประเด็นและเปิดโอกาสให้หลายฝ่ายแสดงความคิดเห็น
ไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ไขกันเองในคน 400-500 คน หรือแม้แต่จะเป็นพันคนก็จะช่วยแก้ปัญหาสังคมไม่ได้ เพราะเรากำลังแก้ปัญหาให้กับคน 60 ล้านคน และคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมหากทำเพื่อแก้ปัญหาให้คนในหมู่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะใช้เวลา 7-8 เดือนทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกตินั้น ตนคิดว่า ใน 7-8 เดือนการประชุมอาเซียน+3+6 หรือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจคงจะชัดเจน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกด้วย ที่หลายฝ่ายค้านว่าต้นปีหน้ามีแนวโต้มดีขึ้น ดังนั้นช่วงนี้จึงถือว่าสำคัญที่อยากจะเกิดหน้าทำงานให้เต็มที่ ส่วนการแก้ปัญหาการเมืองก็คงอยู่กับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ ส่วนความคาดหวังในคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนั้น ตนคิดว่าถ้าเชื่อในระบอบประชาธิปไตย กลไกของรัฐสภาต้องทำตัวเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ ตอนนี้จึงขอโอกาสให้ทำงานกันไป และต้องฟังเสียงประชาชนด้วย
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวว่าหลังจากวุฒิสภาเลือกบุคคลเข้ามาเป็นคณะกรรมการฯได้ครบ 2 ชุดแล้ว ก็จะให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเป็นผู้พิจารณา ลงนามแต่งตั้งพร้อมทั้งกรอบอำนาจหน้าที่ อย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าจะลงนามแต่งตั้งได้ภายในวันที่ 4 พ.ค.นี้ เพื่อให้คณะกรรมการได้เริ่มทำงานต่อไปด้วยความรวดเร็ว
ส่วนการตั้งประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่ายได้มีมติร่วมกันว่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภ าในการตัดสินใจหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการและสามารถทำให้การทำงานของคณะกรรมการสามารคขับเคลื่อนต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์ในการหาทางออกของวิกฤติบ้านเมืองในขณะนี้ ส่วนจะเป็นใครนั้น ก็สุดแล้วแต่ประธานจะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากนายชัย ไม่สามารถหาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้ง 2 ชุดได้ นายชัย จะรับเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ส่วนประธานคณะกรรมการสอบเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง จะมอบให้นายประสบสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานคณะกรรมการ
ไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ไขกันเองในคน 400-500 คน หรือแม้แต่จะเป็นพันคนก็จะช่วยแก้ปัญหาสังคมไม่ได้ เพราะเรากำลังแก้ปัญหาให้กับคน 60 ล้านคน และคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมหากทำเพื่อแก้ปัญหาให้คนในหมู่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะใช้เวลา 7-8 เดือนทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกตินั้น ตนคิดว่า ใน 7-8 เดือนการประชุมอาเซียน+3+6 หรือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจคงจะชัดเจน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกด้วย ที่หลายฝ่ายค้านว่าต้นปีหน้ามีแนวโต้มดีขึ้น ดังนั้นช่วงนี้จึงถือว่าสำคัญที่อยากจะเกิดหน้าทำงานให้เต็มที่ ส่วนการแก้ปัญหาการเมืองก็คงอยู่กับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ ส่วนความคาดหวังในคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนั้น ตนคิดว่าถ้าเชื่อในระบอบประชาธิปไตย กลไกของรัฐสภาต้องทำตัวเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ ตอนนี้จึงขอโอกาสให้ทำงานกันไป และต้องฟังเสียงประชาชนด้วย
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวว่าหลังจากวุฒิสภาเลือกบุคคลเข้ามาเป็นคณะกรรมการฯได้ครบ 2 ชุดแล้ว ก็จะให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเป็นผู้พิจารณา ลงนามแต่งตั้งพร้อมทั้งกรอบอำนาจหน้าที่ อย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าจะลงนามแต่งตั้งได้ภายในวันที่ 4 พ.ค.นี้ เพื่อให้คณะกรรมการได้เริ่มทำงานต่อไปด้วยความรวดเร็ว
ส่วนการตั้งประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่ายได้มีมติร่วมกันว่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภ าในการตัดสินใจหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการและสามารถทำให้การทำงานของคณะกรรมการสามารคขับเคลื่อนต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์ในการหาทางออกของวิกฤติบ้านเมืองในขณะนี้ ส่วนจะเป็นใครนั้น ก็สุดแล้วแต่ประธานจะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากนายชัย ไม่สามารถหาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้ง 2 ชุดได้ นายชัย จะรับเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ส่วนประธานคณะกรรมการสอบเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง จะมอบให้นายประสบสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานคณะกรรมการ
