ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติคัดสรรคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 คณะ ในสัดส่วนวุฒิสภา และผู้ทรงคุณวุฒิ
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไพรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานซึ่งที่พิจารณาการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของวุฒิสภา 9 คน แบ่งเป็น ส.ว.7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน
ปรากฏว่าที่ประชุมได้ลงคะแนนเลือกในสัดส่วน ส.ว.จากรายชื่อผู้แสดงความจำนงสมัครเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ 18 คน ให้เหลือจำนวน 7 คน คือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้82คะแนน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ได้ 79 คะแนน นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ได้ 77 คะแนน นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ได้ 77 คะแนน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ได้ 73 คะแนน นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุงได้ 68 คะแนน นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ได้ 67 คะแนน ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกจากรายชื่อ 12 คน ให้เหลือ 2 คน ปรากฏว่า นายประสงค์ศักดิ์ บุญเดช ได้ 51 คะแนน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ส.ร.ได้ 54 คะแนน
จากนั้นได้เลือกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในส่วนสัดส่วนวุฒิสภา 9 คน แบ่งเป็น ส.ว.7 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน โดยที่ประชุมได้เลือกจากรายชื่อผู้แสดงความจำนงสมัครเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม จำนวน16 คน ให้เหลือ 7 คน คือ พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ได้ 75 คะแนน นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ได้ 70 คะแนน นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ได้ 70 คะแนน นายสิงห์ชัย ทุ่งทองได้ 69 คะแนน นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล ได้ 66 คะแนน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ได้ 65 คะแนนและ พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ได้ 61 คะแนน สัดส่วน ผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกจาก 6 คน เหลือ 2 คน คือ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ได้ 77 คะแนน พล.ต.อ.ล้วน ปานรศทิพ ได้ 62 คะแนน
“ชัย-ประสบสุข” พร้อมนั่ง ประธานแก้ไข รธน.-สอบสลาบม็อบเสื้อแดง
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีวุฒิสภาเลือกบุคคลเป็น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ว่า ขั้นตอนต่อไปประธาวุฒิสภาจะต้องส่งรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นผู้พิจารณาต่อไป เพราะในสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาในการลงนามแต่งตั้งคณะกรรมกรทั้งสองชุด พร้อมทั้งกรอบอำนาจหน้าที่ อย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าจะลงนามแต่งตั้งได้ภายในวันที่ 4 พ.ค.นี้ เพื่อให้คณะกรรมการได้เริ่มทำงานต่อไปด้วยความรวดเร็ว
ส่วนการตั้งประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่ายได้มีมติร่วมกันว่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาในการตัดสินใจหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการและสามารถทำให้การทำงานของคณะกรรมการสามารคขับเคลื่อนต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์ในการหาทางออกของวิกฤติบ้านเมืองในขณะนี้ ส่วนจะเป็นใครนั้น ก็สุดแล้วแต่ประธานจะพิจารณา เชื่อว่าการตัดสินใจของนายชัย จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการทั้งสองชุดเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ไม่มีชื่อของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ด้วย นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลของนายเสนาะ เพราะเป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการเสนอรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาเป็นคณะกรรมการ เชื่อว่าคงไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีสมาชิกปฏิเสธนายเสนาะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รายงานข่าวจากสภาเปิดเผยว่า การหาตัวบุคคลที่เหมาะสมเป็นประธานคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนั้น นายชัย ได้วางกรอบคนที่จะเป็นประธานคณะกรรการมาจากวุฒิสภาและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อความเป็นกลางและน่าเชื่อถือ โดยทั้งหมดนายชัยจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 4 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า หากหาบุคคลมาเป็นประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดไม่ได้ นายชัย จะรับเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ส่วนประธานคณะกรรมการสอบเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง จะมอบให้นายประสบสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานคณะกรรมการ
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไพรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานซึ่งที่พิจารณาการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของวุฒิสภา 9 คน แบ่งเป็น ส.ว.7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน
ปรากฏว่าที่ประชุมได้ลงคะแนนเลือกในสัดส่วน ส.ว.จากรายชื่อผู้แสดงความจำนงสมัครเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ 18 คน ให้เหลือจำนวน 7 คน คือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้82คะแนน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ได้ 79 คะแนน นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ได้ 77 คะแนน นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ได้ 77 คะแนน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ได้ 73 คะแนน นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุงได้ 68 คะแนน นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ได้ 67 คะแนน ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกจากรายชื่อ 12 คน ให้เหลือ 2 คน ปรากฏว่า นายประสงค์ศักดิ์ บุญเดช ได้ 51 คะแนน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ส.ร.ได้ 54 คะแนน
จากนั้นได้เลือกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในส่วนสัดส่วนวุฒิสภา 9 คน แบ่งเป็น ส.ว.7 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน โดยที่ประชุมได้เลือกจากรายชื่อผู้แสดงความจำนงสมัครเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุม จำนวน16 คน ให้เหลือ 7 คน คือ พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ได้ 75 คะแนน นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ได้ 70 คะแนน นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ได้ 70 คะแนน นายสิงห์ชัย ทุ่งทองได้ 69 คะแนน นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล ได้ 66 คะแนน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ได้ 65 คะแนนและ พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ได้ 61 คะแนน สัดส่วน ผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกจาก 6 คน เหลือ 2 คน คือ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ได้ 77 คะแนน พล.ต.อ.ล้วน ปานรศทิพ ได้ 62 คะแนน
“ชัย-ประสบสุข” พร้อมนั่ง ประธานแก้ไข รธน.-สอบสลาบม็อบเสื้อแดง
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีวุฒิสภาเลือกบุคคลเป็น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ว่า ขั้นตอนต่อไปประธาวุฒิสภาจะต้องส่งรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นผู้พิจารณาต่อไป เพราะในสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาในการลงนามแต่งตั้งคณะกรรมกรทั้งสองชุด พร้อมทั้งกรอบอำนาจหน้าที่ อย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าจะลงนามแต่งตั้งได้ภายในวันที่ 4 พ.ค.นี้ เพื่อให้คณะกรรมการได้เริ่มทำงานต่อไปด้วยความรวดเร็ว
ส่วนการตั้งประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของวิปทั้ง 3 ฝ่ายได้มีมติร่วมกันว่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาในการตัดสินใจหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการและสามารถทำให้การทำงานของคณะกรรมการสามารคขับเคลื่อนต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์ในการหาทางออกของวิกฤติบ้านเมืองในขณะนี้ ส่วนจะเป็นใครนั้น ก็สุดแล้วแต่ประธานจะพิจารณา เชื่อว่าการตัดสินใจของนายชัย จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการทั้งสองชุดเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ไม่มีชื่อของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ด้วย นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลของนายเสนาะ เพราะเป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการเสนอรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาเป็นคณะกรรมการ เชื่อว่าคงไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีสมาชิกปฏิเสธนายเสนาะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รายงานข่าวจากสภาเปิดเผยว่า การหาตัวบุคคลที่เหมาะสมเป็นประธานคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนั้น นายชัย ได้วางกรอบคนที่จะเป็นประธานคณะกรรการมาจากวุฒิสภาและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อความเป็นกลางและน่าเชื่อถือ โดยทั้งหมดนายชัยจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 4 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า หากหาบุคคลมาเป็นประธานคณะกรรมการทั้งสองชุดไม่ได้ นายชัย จะรับเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ส่วนประธานคณะกรรมการสอบเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง จะมอบให้นายประสบสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานคณะกรรมการ
