ทิปโก้ จ่อคิวปรับการสื่อสาร”ดาการะ” หวังเข็นติดตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ พร้อมชะลอขนสินค้าใหม่จากแดนปลาดิบลงไทย หลังเศรษฐกิจพ่นพิษไม่เอื้อการทำสินค้าใหม่ ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ดาวรุ่งเริ่มชะลอตัว โชว์ออร่า-อควอเร่ ไตรมาสแรกโตพรวด 20%
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในปีนี้ คาดว่าจะทรงตัวหรือมีอัตราการเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากพบว่าผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์ที่อยู่ในตลาด ไม่ค่อยดำเนินกิจกรรมการตลาดมากนัก หรือกระทั่งเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ โดยแต่ละแบรนด์ระมัดระวังการใช้งบการตลาดมากนัก เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย และไม่ค่อยทดลองสินค้าใหม่มากนัก
สำหรับการทำตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ภายใต้แบรนด์”ดาการะ”หลังจากเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ผ่านการสื่อจากภาพยนตร์โฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าภายใต้คอนเซปต์” 3-In and 3-Out” หรือ “ขจัด 3 ตัวร้าย พร้อมเสริม 3 คุณประโยชน์” ภายใต้การทุ่มงบ 50 ล้านบาท พบว่า การสื่อสารของสินค้ายังไม่ชัดเจน ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนการปรับการสื่อสารดาการะให้มีความชัดเจนสู่กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้การทำตลาดในเชิงรุกดาการะ คงต้องรอดูสภาพเศรษฐกิจด้วย
“ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ไม่ดีมากนัก ทำให้การเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่นั้น มองว่าสภาพตลาดในเวลานี้ยังไม่เหมาะสม”
นายวิวัฒน์ กล่าวถึงน้ำแร่ภายใต้แบรนด์”ออร่า” และ”อควอเร่”ถือว่าทั้งสองแบรนด์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่าตลาดรวมมูลค่า 600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้กระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดน้ำแร่มีอัตราการเติบโตในช่วงหลายปีที่ ผ่านมา อย่างไรก็ตามการทำตลาดน้ำแร่ บริษัทไม่ได้ทุ่มงบการตลาดมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่สามารถเ ติบโตได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 25% เป็น 26-27%
สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว หลังจากก่อนหน้านี้ตั้งเป้ามีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยปัจจุบันกลุ่มผลไม้ทิปโก้ เป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ซึ่งสิ้นปีนี้ ตั้งเป้ารักษาผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 49% ส่วนอันดับ 2 มาลี 18-19% และยูนิฟ 15-16% จากมูลค่าตลาด 2,400 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่สร้างรายได้หลักอันดับ 2 คือ น้ำแร่ตามด้วยเนเจอร์ อัพ และเครื่องดื่งฟังก์ชันนัลดริงก์
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในปีนี้ คาดว่าจะทรงตัวหรือมีอัตราการเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากพบว่าผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์ที่อยู่ในตลาด ไม่ค่อยดำเนินกิจกรรมการตลาดมากนัก หรือกระทั่งเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ โดยแต่ละแบรนด์ระมัดระวังการใช้งบการตลาดมากนัก เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย และไม่ค่อยทดลองสินค้าใหม่มากนัก
สำหรับการทำตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ภายใต้แบรนด์”ดาการะ”หลังจากเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ผ่านการสื่อจากภาพยนตร์โฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าภายใต้คอนเซปต์” 3-In and 3-Out” หรือ “ขจัด 3 ตัวร้าย พร้อมเสริม 3 คุณประโยชน์” ภายใต้การทุ่มงบ 50 ล้านบาท พบว่า การสื่อสารของสินค้ายังไม่ชัดเจน ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนการปรับการสื่อสารดาการะให้มีความชัดเจนสู่กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้การทำตลาดในเชิงรุกดาการะ คงต้องรอดูสภาพเศรษฐกิจด้วย
“ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ไม่ดีมากนัก ทำให้การเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่นั้น มองว่าสภาพตลาดในเวลานี้ยังไม่เหมาะสม”
นายวิวัฒน์ กล่าวถึงน้ำแร่ภายใต้แบรนด์”ออร่า” และ”อควอเร่”ถือว่าทั้งสองแบรนด์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่าตลาดรวมมูลค่า 600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้กระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดน้ำแร่มีอัตราการเติบโตในช่วงหลายปีที่ ผ่านมา อย่างไรก็ตามการทำตลาดน้ำแร่ บริษัทไม่ได้ทุ่มงบการตลาดมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่สามารถเ ติบโตได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 25% เป็น 26-27%
สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว หลังจากก่อนหน้านี้ตั้งเป้ามีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยปัจจุบันกลุ่มผลไม้ทิปโก้ เป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ซึ่งสิ้นปีนี้ ตั้งเป้ารักษาผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 49% ส่วนอันดับ 2 มาลี 18-19% และยูนิฟ 15-16% จากมูลค่าตลาด 2,400 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่สร้างรายได้หลักอันดับ 2 คือ น้ำแร่ตามด้วยเนเจอร์ อัพ และเครื่องดื่งฟังก์ชันนัลดริงก์