ผู้จัดการรายวัน – ซันโตรี่ เร่งล้างภาพลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 ปี สู่ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย ปีหน้าจ่อคิวขนสินค้าแดนปลาดิบ 2-3 ตัวระเบิดตลาด กาแฟ ชา น้ำผสมวิตามิน อัดฉีดกว่า 100 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ “ดาการะ” ลงสมรภูมิฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 800 ล้านบาท ตั้งเป้า 1 ปี ผู้นำตลาดโค่นอะมิโน โอเค –บีอิ้ง ลั่นผนึกทิปโก้ 3ปีขยายอาเซียน
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทแม่ตกลงให้บริษัท ซันโตรี่ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด หรือบริษัทลูกในสัดส่วนถือหุ้น 50:50% เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ล่าสุดทั้งสองบริษัทได้ดำเนินการตลาดในเชิงรุก โดยตั้งเป้าหมายขยายตลาดร่วมกันในอาเซียนช่วง 3 ปีนี้ อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ฯลฯ
แผนตลาดในไทย บริษัทวางแผนปรับภาพลักษณ์ซันโตรี่ใหม่ จากที่ผ่านมาผู้บริโภคไทยมองว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาสู่ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ใน 1 ปีภาพลักษณ์ดังกล่าวจะมีความชัดเจน เนื่องจากเป้าหมายซันโตรี่และทิปโก้ ต้องการขยายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย จากปัจจุบันทิศทางการดำเนินธุรกิจซันโตรี่ในประเทศญี่ปุ่น โครงสร้างหลักเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและอาหารสัดส่วน 55% เหล้า 36% และฟูดส์เซอร์วิส 8% จากรายได้ 4 แสนล้านบาท
โดยวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 ตัวในปีหน้า โดยการนำผลิตภัณฑ์ของซันโตรี่ ที่มีในประเทศญี่ปุ่นมาร่วมกันพัฒนาสอดคล้องกับตลาดในประเทศไทย ตลาดที่บริษัทจะเปิดตัวสินค้า อาทิ กาแฟพรีเมียมภายใต้แบรนด์บอส น้ำผสมวิตามิน ชาอูล่ง และชาเขียว เป็นต้น แนวทางตลาดจะเป็นการเปิดตัวเพียงรสชาติเดียวหรือหลัก เพื่อตอบโจทย์การเป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์
ล่าสุดทิปโก้และซันโตรี่ได้ร่วมกันพัฒนาสินค้า โดยทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ “ดาการะ” รสเกรฟ ฟรุ๊ต เพียงสูตรเดียวลงตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน เริ่มวางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด ขนาด 300 มล.ราคา 18บาท เมื่อเทียบกับดาการะญี่ปุ่น ขนาด 500 มล. ราคา 180 เยน เกือบ 60บาท ซึ่งจะมีภาพยนตร์โฆษณา ประชาสัมพันธ์และพรีเซ็นเตอร์ การจัดกิจกรรม โปรโมชัน และการแจกสินค้าตัวอย่าง และจากการเปิดตัวดาการะด้วยดีกรีซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันดับ 3 ในตลาดญี่ปุ่นครองส่วนแบ่ง 13.2% บริษัทตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำตลาดในปีแรก จากปัจจุบันผู้นำที่มีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน คือ อะมิโน โอเค และบีอิ้ง จากมูลค่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 800 ล้านบาท ปีนี้เติบโตไม่ถึง 10%
**ซันโตรี่ตั้งป้อมขยายตปท.เต็มสูบ
นายอาคิโอะ นากาโน่ ผู้จัดการสำนักงาน ผู้แทนสำนักงานกรุงเทพ บริษัท ซันโตรี่ จำกัด กล่าวว่า สภาพการขยายตัวเศรษฐกิจในญี่ปุ่นเริ่มทรงตัว โดยจีดีพีของประเทศเติบโต 2-3% ผู้ประกอบการจึงต้องขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่นเดียวกับซันโตรี่ซึ่งต้องการขยายตลาดต่างประเทศ วางเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 12% เป็น 50% ส่วนในประเทศ 88% เป็น 50% ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของซันโตรี่ เน้นกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และอาศัยจุดแข็ง 4 ประการ ได้แก่ 1.การวิจัยและพัฒนา 2.การพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง 3.การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ4.เทคโนโลยีการผลิต เข้าไปขยายตลาด
“การปรับตัวสู่ธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ของซันโตรี่ในญี่ปุ่น เนื่องจากเทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาแรง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลาดไม่โต โดยอัตราการบริโภคต่อคนต่อหัวลดลง เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกลุ่มเครื่องดื่มและอาหารของบริษัทซันโตรี่เติบโต 3.8% และปัจจุบันซันโตรี่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจนอนแอลกอฮอล์อันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่ง 20% รองจากผู้นำตลาดโค้กครองส่วนแบ่ง 30% ส่วนอันดับ 3 คิริน ราว 12% จากตัวเลขในเชิงปริมาณ 1.7 พันล้านลัง”
สำหรับภาพรวมฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทย ยังอยู่ระหว่างการสร้างตลาด ซึ่งผลิตภัณฑ์โดยมากยังเป็นฟังก์ชันนัลประเภทเพื่อความงาม และส่วนใหญ่ยังติดในเรื่องของรสชาติ ส่วนประเทศญี่ปุ่นตลาดฟังก์ชันนัล ดริงก์ประเภทการสร้างสมดุลย์ร่างกายเป็นตลาดใหญ่ และพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าความอร่อย ส่วนในด้านของการโฆษณาฟังก์ชันนัลดริงก์ในญี่ปุ่น มีการควบคุมโดยห้ามโฆษณาเกินความจริง เช่น รักษาโรคได้ เมื่อเทียบกับประเทศไทยการโฆษณามีการควบคุมการสื่อสารที่เข้มงวดมากกว่า อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และกำลังจะเติบโต
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทแม่ตกลงให้บริษัท ซันโตรี่ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด หรือบริษัทลูกในสัดส่วนถือหุ้น 50:50% เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ล่าสุดทั้งสองบริษัทได้ดำเนินการตลาดในเชิงรุก โดยตั้งเป้าหมายขยายตลาดร่วมกันในอาเซียนช่วง 3 ปีนี้ อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ฯลฯ
แผนตลาดในไทย บริษัทวางแผนปรับภาพลักษณ์ซันโตรี่ใหม่ จากที่ผ่านมาผู้บริโภคไทยมองว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาสู่ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ใน 1 ปีภาพลักษณ์ดังกล่าวจะมีความชัดเจน เนื่องจากเป้าหมายซันโตรี่และทิปโก้ ต้องการขยายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย จากปัจจุบันทิศทางการดำเนินธุรกิจซันโตรี่ในประเทศญี่ปุ่น โครงสร้างหลักเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและอาหารสัดส่วน 55% เหล้า 36% และฟูดส์เซอร์วิส 8% จากรายได้ 4 แสนล้านบาท
โดยวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 ตัวในปีหน้า โดยการนำผลิตภัณฑ์ของซันโตรี่ ที่มีในประเทศญี่ปุ่นมาร่วมกันพัฒนาสอดคล้องกับตลาดในประเทศไทย ตลาดที่บริษัทจะเปิดตัวสินค้า อาทิ กาแฟพรีเมียมภายใต้แบรนด์บอส น้ำผสมวิตามิน ชาอูล่ง และชาเขียว เป็นต้น แนวทางตลาดจะเป็นการเปิดตัวเพียงรสชาติเดียวหรือหลัก เพื่อตอบโจทย์การเป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์
ล่าสุดทิปโก้และซันโตรี่ได้ร่วมกันพัฒนาสินค้า โดยทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ “ดาการะ” รสเกรฟ ฟรุ๊ต เพียงสูตรเดียวลงตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน เริ่มวางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด ขนาด 300 มล.ราคา 18บาท เมื่อเทียบกับดาการะญี่ปุ่น ขนาด 500 มล. ราคา 180 เยน เกือบ 60บาท ซึ่งจะมีภาพยนตร์โฆษณา ประชาสัมพันธ์และพรีเซ็นเตอร์ การจัดกิจกรรม โปรโมชัน และการแจกสินค้าตัวอย่าง และจากการเปิดตัวดาการะด้วยดีกรีซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันดับ 3 ในตลาดญี่ปุ่นครองส่วนแบ่ง 13.2% บริษัทตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำตลาดในปีแรก จากปัจจุบันผู้นำที่มีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน คือ อะมิโน โอเค และบีอิ้ง จากมูลค่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 800 ล้านบาท ปีนี้เติบโตไม่ถึง 10%
**ซันโตรี่ตั้งป้อมขยายตปท.เต็มสูบ
นายอาคิโอะ นากาโน่ ผู้จัดการสำนักงาน ผู้แทนสำนักงานกรุงเทพ บริษัท ซันโตรี่ จำกัด กล่าวว่า สภาพการขยายตัวเศรษฐกิจในญี่ปุ่นเริ่มทรงตัว โดยจีดีพีของประเทศเติบโต 2-3% ผู้ประกอบการจึงต้องขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่นเดียวกับซันโตรี่ซึ่งต้องการขยายตลาดต่างประเทศ วางเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 12% เป็น 50% ส่วนในประเทศ 88% เป็น 50% ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของซันโตรี่ เน้นกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และอาศัยจุดแข็ง 4 ประการ ได้แก่ 1.การวิจัยและพัฒนา 2.การพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง 3.การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ4.เทคโนโลยีการผลิต เข้าไปขยายตลาด
“การปรับตัวสู่ธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ของซันโตรี่ในญี่ปุ่น เนื่องจากเทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาแรง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลาดไม่โต โดยอัตราการบริโภคต่อคนต่อหัวลดลง เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกลุ่มเครื่องดื่มและอาหารของบริษัทซันโตรี่เติบโต 3.8% และปัจจุบันซันโตรี่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจนอนแอลกอฮอล์อันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่ง 20% รองจากผู้นำตลาดโค้กครองส่วนแบ่ง 30% ส่วนอันดับ 3 คิริน ราว 12% จากตัวเลขในเชิงปริมาณ 1.7 พันล้านลัง”
สำหรับภาพรวมฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทย ยังอยู่ระหว่างการสร้างตลาด ซึ่งผลิตภัณฑ์โดยมากยังเป็นฟังก์ชันนัลประเภทเพื่อความงาม และส่วนใหญ่ยังติดในเรื่องของรสชาติ ส่วนประเทศญี่ปุ่นตลาดฟังก์ชันนัล ดริงก์ประเภทการสร้างสมดุลย์ร่างกายเป็นตลาดใหญ่ และพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าความอร่อย ส่วนในด้านของการโฆษณาฟังก์ชันนัลดริงก์ในญี่ปุ่น มีการควบคุมโดยห้ามโฆษณาเกินความจริง เช่น รักษาโรคได้ เมื่อเทียบกับประเทศไทยการโฆษณามีการควบคุมการสื่อสารที่เข้มงวดมากกว่า อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และกำลังจะเติบโต