ASTVผู้จัดการรายวัน - ทิปโก้ชี้พิษเศรษฐกิจกระทบตลาดเครื่องดื่มปีหน้าโตแค่ 5% หวั่นส่งออกกระทบหนัก โหนกระแสสุขภาพปรับแผนโฟกัสภายในประเทศแทนรายได้ต่างประเทศหด พร้อมระเบิดแคธิกอรี่ใหม่ ปีหน้าตั้งเป้าโตเกิน 10%
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปีหน้าที่ถดถอย ซึ่งคาดการณ์ว่าจีดีพีเติบโต 0-2% คาดว่าจะกระทบต่อตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 7,000 ล้านบาทเติบโตลดลง โดยไตรมาส 4 ปีนี้ กำลังซื้อลดลง ทั้งนี้ตลาดน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโต 5% ส่วนน้ำผลไม้ 40% เติบโต 20% และน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% ติดลบ
ส่วนตลาดส่งออกปีหน้ามีปัจจัยลบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะส่งกระทบต่อการทำตลาดต่างประเทศ ทำให้ราคาต่อหน่วยลดลง เช่น สัปะรดกระป๋องส่งไปขายต้องลดราคาลงเหลือ 12 เหรียญ จากปกติขาย 15 เหรียญ ทำให้บริษัทปรับสัดส่วนการส่งออกลดลงจาก 50% เป็น 40% และในประเทศ 50% เป็น 60%
แนวทางการตลาดปีหน้าบริษัทเน้นรักษาส่วนแบ่งตลาด ด้วยการรักษาฐานลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ด้วยการพัฒนารสชาติ รักษาคุณภาพสินค้า รวมถึงบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งโดยบริษัทนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ภายใต้การทำตลาดอย่างรอบคอบ ซึ่งปีหน้าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 4-5 รายการ อาทิ กลุ่มเนเจอร์อัพ น้ำผลไม้ และประการสำคัญ แตกแคธิกอรี่ใหม่ ทั้งนี้เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% ซึ่งปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่ง 53% จากมูลค่า 3,500 ล้านบาท จากเดิมมีส่วนแบ่ง 47-48% ส่วนน้ำผลไม้ 40% ครองส่วนแบ่ง 29% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนตลาดต่างประเทศบริษัทจะขยายตลาดใหม่ๆเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะตะวันออกกลาง มีกำลังซื้อสูง เป็นต้น
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มนอกเหนือจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม ในปีหน้ามีอัตราการเติบโต 5% เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม กาแฟ และน้ำอัดลม เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ต้องการเครื่องดื่มที่มีโภชนาการตอบสนองเฉพาะเจาะจง ทำให้มีผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่เปิดตัวสินค้าลงตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มากขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปีหน้า เติบโตขึ้นอยู่กับการวางคอนเซปต์ของสินค้าที่ดีอาจส่งผลให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้ในอนาคต พฤติกรรมของผู้บริโภคจะแบ่งแยกชัดเจน คือ น้ำผลไม้ 100% ดื่มเพื่อสุขภาพ ส่วนน้ำผลไม้ 40% ดื่มเพื่อความสดชื่น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จากการทุ่มงบกว่า 1,200 ล้านบาท สร้างโรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ 40 ไร่ มีกำลังการผลิต 130 ล้านลิตรต่อปี โดยโรงงานดังกล่าวบรรจุปลอดเชื้อแบบเย็น ซึ่งในปีหน้านี้บริษัทจะสื่อสารเรื่องดังกล่าวแก่ผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทโยกกำลังการผลิตประจวบคีรีขันธ์ มาไว้ที่โรงงานพระนครศรีอยุธยา 70% จากปัจจุบันกำลังผลิต 20% ทั้งนี้โรงงานดังกล่าวสามารถรองรับกำลังการผลิต 5 ปี สำหรับผลประกอบการปีนี้ทิปโก้ เอฟแอนด์บี เติบโต 18% คาดว่า สิ้นปีตัวเลขยอดขายตกประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโตเกิน 10% ส่วนทิปโก้โดยรวมตั้งเป้าโต 5%
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปีหน้าที่ถดถอย ซึ่งคาดการณ์ว่าจีดีพีเติบโต 0-2% คาดว่าจะกระทบต่อตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 7,000 ล้านบาทเติบโตลดลง โดยไตรมาส 4 ปีนี้ กำลังซื้อลดลง ทั้งนี้ตลาดน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโต 5% ส่วนน้ำผลไม้ 40% เติบโต 20% และน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% ติดลบ
ส่วนตลาดส่งออกปีหน้ามีปัจจัยลบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะส่งกระทบต่อการทำตลาดต่างประเทศ ทำให้ราคาต่อหน่วยลดลง เช่น สัปะรดกระป๋องส่งไปขายต้องลดราคาลงเหลือ 12 เหรียญ จากปกติขาย 15 เหรียญ ทำให้บริษัทปรับสัดส่วนการส่งออกลดลงจาก 50% เป็น 40% และในประเทศ 50% เป็น 60%
แนวทางการตลาดปีหน้าบริษัทเน้นรักษาส่วนแบ่งตลาด ด้วยการรักษาฐานลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ด้วยการพัฒนารสชาติ รักษาคุณภาพสินค้า รวมถึงบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งโดยบริษัทนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ภายใต้การทำตลาดอย่างรอบคอบ ซึ่งปีหน้าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 4-5 รายการ อาทิ กลุ่มเนเจอร์อัพ น้ำผลไม้ และประการสำคัญ แตกแคธิกอรี่ใหม่ ทั้งนี้เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% ซึ่งปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่ง 53% จากมูลค่า 3,500 ล้านบาท จากเดิมมีส่วนแบ่ง 47-48% ส่วนน้ำผลไม้ 40% ครองส่วนแบ่ง 29% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนตลาดต่างประเทศบริษัทจะขยายตลาดใหม่ๆเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะตะวันออกกลาง มีกำลังซื้อสูง เป็นต้น
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มนอกเหนือจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม ในปีหน้ามีอัตราการเติบโต 5% เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม กาแฟ และน้ำอัดลม เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ต้องการเครื่องดื่มที่มีโภชนาการตอบสนองเฉพาะเจาะจง ทำให้มีผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่เปิดตัวสินค้าลงตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มากขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปีหน้า เติบโตขึ้นอยู่กับการวางคอนเซปต์ของสินค้าที่ดีอาจส่งผลให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้ในอนาคต พฤติกรรมของผู้บริโภคจะแบ่งแยกชัดเจน คือ น้ำผลไม้ 100% ดื่มเพื่อสุขภาพ ส่วนน้ำผลไม้ 40% ดื่มเพื่อความสดชื่น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จากการทุ่มงบกว่า 1,200 ล้านบาท สร้างโรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ 40 ไร่ มีกำลังการผลิต 130 ล้านลิตรต่อปี โดยโรงงานดังกล่าวบรรจุปลอดเชื้อแบบเย็น ซึ่งในปีหน้านี้บริษัทจะสื่อสารเรื่องดังกล่าวแก่ผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทโยกกำลังการผลิตประจวบคีรีขันธ์ มาไว้ที่โรงงานพระนครศรีอยุธยา 70% จากปัจจุบันกำลังผลิต 20% ทั้งนี้โรงงานดังกล่าวสามารถรองรับกำลังการผลิต 5 ปี สำหรับผลประกอบการปีนี้ทิปโก้ เอฟแอนด์บี เติบโต 18% คาดว่า สิ้นปีตัวเลขยอดขายตกประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโตเกิน 10% ส่วนทิปโก้โดยรวมตั้งเป้าโต 5%