ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – พันธมิตรฯ สงขลาประกาศหนุน สรส.สาขาหาดใหญ่ และขบวนการแรงงานนอกระบบและแรงงานข้ามชาติจัดงาน “วันกรรมการสากล” วันนี้(1 พ.ค.)อย่างยิ่งใหญ่ เผยไฮไลต์ อยู่ที่เวทีเสวนา “ร่วมฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ..สู่ทางออกของผู้ใช้แรงงาน” ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของผู้ใช้แรงงานและมวลชนคนเสื้อเหลืองถึงทิศทางการเมืองภาคประชาชน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเพื่อช่วยกันรังสรรค์การเมืองใหม่ เปิด 7 ข้อเรียกร้อง สร.รฟท.ที่ยื่นต่อรัฐบาลล้วนเป็นไปเพื่อชาติและประชาชน
นายสุมิตร นวลมณี รองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า วันนี้( 1 พ.ค.)ซึ่งเป็นวันกรรมกรสากล (MAY DAY 2009) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) สาขาหาดใหญ่ ได้ร่วมกับ ขบวนการแรงงานนอกระบบและแรงงานข้ามชาติ จะจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกกรรมกรผู้ใช้แรงงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลานั้น การจัดงานในครั้งนี้พันธมิตรฯ สงขลาพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการแจ้งข่าวให้แก่มวลชนพันธมิตรฯ ได้รับทราบแล้วเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
“ทั้ง 3 องค์กรที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานวันกรรมการสากลปีนี้ ทุกองค์กรต่างก็ถือเป็นคีย์หลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมของพันธมิตรฯ สงขลาเรามาตลอด ดังนั้น เราจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลืออะไรได้เราจะช่วยเหลือเต็มที่ ความจริงแล้วกิจกรรมรำลักวันกรรมกรสากลที่จะจัดขึ้น ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างสรรค์การเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงนั่นเอง ผมคิดว่าเรื่องนี้ผองพี่น้องพันธมิตรฯ เราเข้าใจดี”
ด้าน นายสาโรจน์ รักจันทร์ กรรมการ สรส.สาขาหาดใหญ่ และยังเป็นกรรมการพันธมิตรฯ สงขลาด้วย กล่าวว่า งานรำลักวันกรรมการสากลปีนี้ที่จะจัดขึ้นวันนี้( 1 พ.ค.) ณ ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ทางคณะผู้จัดมุ่งเน้นการทำกิจกรรมภาคใต้คำขวัญที่ว่า “สามัคคีกรรมกร ต้านทุนนิยมครอบโลก สร้างสังคมใหม่ ประชาธิปไตยประชาชน”ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ การแข่งขันกระชับมิตร การแสดงละครสะท้อนปัญหาแรงงาน การจัดริ้วขบวนและเคลื่อนขบวนรณรงค์รอบเมืองหาดใหญ่ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงวิชาการเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในหัวข้อ “ร่วมฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ...สู่ทางออกของผู้ใช้แรงงาน” การแสดงดนตรีของศิลปินในท้องถิ่นมากมาย เช่น วงดนตรีแสง ธรรมดา ภูเล ฅ.คนกู้ชาติ และ ม.ราชภัฏสงขลา ปิดท้ายด้วยหนังตะลุงแรงงาน
“ในส่วนของพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดยเลขาธิการ สรส.สาขาหาดใหญ่ และผู้แทนจากองค์กรต่างๆจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. นอกจากนี้ผู้ใช้แรงงานใน จ.สงขลาเราก็มีข้อเรียกร้องที่จะยื่นให้แก่แรงงานจังหวัดด้วยเช่นกัน และสิ่งที่น่าจะถือเป็นไฮไลต์ของการจัดงานก็คือ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงวิชาการ ซึ่งจะเป็นการพูดคุยกันถึงทิศทางการก้าวให้พ้นวิกฤตปัญหาของบ้านเมือง โดยจะครอบคลุมทั้งในเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง จึงเชื่อว่ารายการในช่วงนี้น่าจะไม่แค่ก่อประโยชน์และเป็นที่สนใจของพ่อแม่พี่น้องผู้ใช้แรงงานเท่านั้น แต่พี่น้องชาวเสื้อเหลืองที่ร่วมขับเคลื่อนกับพันธมิตรฯ มาตลอดก็ไม่ควรพลาด”
สำหรับประเทศไทยสังคมดั้งเดิมเป็นสังคมเกษตรกรรม ชาวไร่ชาวนาถูกกดขี่ขูดรีดจากระบบศักดินาและขุนนาง ต้องถูกเกณฑ์แรงงานไปเป็นไพร่หรือเป็นทาส เมื่อจักรวรรดินิยมอังกฤษบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ในปี พ.ศ.2398 เมืองสยามก็เริ่มมีโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มทุนข้ามชาติก็เริ่มเข้ามาแสวงหาผลกำไรจากการลงทุน ชาวไร่ชาวนาต้องอพยพไปเป็นคนงานรับจ้างในโรงงาน แล้วถูกกดขี่ขูดรีดจากกลุ่มนายทุนเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
ทั้งนี้ การจัดงานวันกรรมกรสากลครั้งแรกมีขึ้นในปี พ.ศ.2489 ในยุคของสหอาชีวะกรรมกร ครั้งต่อมาปี พ.ศ.2490 มีกรรมกรมาร่วมชุมนุมเดินขบวนถึง 1 แสนคน เป็นการจัดงานที่ปลูกฝังจิตสำนึกให้กรรมกรรวมพลังกันต่อสู้กับบรรดานายทุนที่กดขี่ขูดรีด หลังการยึดอำนาจในปี พ.ศ.2490 รัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดงาน จนในวันที่ 1 พ.ค.2499 จึงสามารถหวนกลับมาจัดงานได้อีกครั้ง แต่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวันแรงงานแห่งชาติในที่สุด
ดังนั้น วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีจึงถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่กรรมกรทั่วทั้งโลกต่างร่วมกันจัดกิจกรรมต่อเนื่องในวันกรรมกรสากลในประเทศไทย องค์กรแรงงานต่างๆ มีการจัดกิจกรรมและมีการยื่นข้อเรียกร้องวันกรรมกรสากลเป็นประจำทุกปี ซึ่งรูปแบบการจัดงานและรูปแบบของกิจกรรมก็แตกต่างหลากหลายกันออกไป
นายสาโรจน์ในอีกฐานะหนึ่งที่เป็นกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สร.รฟท.สาขาหาดใหญ่ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน สร.รฟท.ทั้ง 3 สาขาในภาคใต้คือ หาดใหญ่ ทุ่งส่งและชุมพร ได้ร่วมกันจัดงานวันแรงงานรถไฟโลก (INTERNATIONAL RAILWAY WORKES’S ACTION DAY) ขึ้นที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ซึ่งเป็นไปพร้อมๆ กับ สร.รฟท.และสาขาต่างๆ ได้ร่วมกันจัดขึ้นในหลายๆ จุดทั่วประเทศ และมีการยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ประกอบด้วย
1.รัฐบาลต้องลงทุนในการจัดซื้อจัดหา รถจักร รถพ่วงโดยเร็ว เพื่อนำมาให้บริการกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งสร้างระบบรางคู่ทั่วประเทศโดยด่วนที่สุด เพื่อประหยัดพลังงานและพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน รวมทั้งต้องสร้างทางรถไฟให้เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
2.รัฐต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 (มาตรา 43 ) อย่างเคร่งครัด เพราะเมื่อรัฐควบคุมราคาเมื่อเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน รัฐต้องเคร่งครัดในการจ่ายเงินชดเชยให้การรถไฟฯ ที่ให้บริการแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการรถไฟ
3.รัฐต้องดำเนินการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง รวมทั้งการจัดการกับผู้ที่ฉ้อโกงที่ดินของการรถไฟฯ เช่น ที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งปรับปรุงราคาค่าเช่าที่ดินให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่นที่ดินบริเวณสามเหลี่ยมพหลโยธิน ซึ่งบริษัทเซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนาเช่าจากการรถไฟฯ ต้องใช้มาตรฐานการให้เช่าเช่นเดียวกับกรณีห้างมาบุญครองเช่าที่ดินจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4.รัฐต้องยกเลิกนโยบายการแปรรูปการรถไฟฯ เช่น แยกการรถไฟฯ ออกเป็นบริษัทอาณัติสัญญาณ บริษัทล้อเลื่อน และให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ เพราะมีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการเดินรถต้องเป็นพนักงานของการรถไฟฯ ที่ได้รับการฝึกฝนให้มีความชำนาญมาอย่างดีเท่านั้น และให้ถือความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่รัฐต้องจัดเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชน
5.รัฐต้องยกเลิกการจ้างงานแบบชั่วคราว เป็นการจ้างงานแบบถาวร โดยเร่งบรรจุพนักงานให้เพียงพอต่ออัตรากำลังในการปฏิบัติงาน เพื่อประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน
6.รัฐต้องไม่ละเมิดสิทธิของสมาชิกสหภาพแรงงานและคนงานทุกๆ คน
7.รัฐต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ผู้บริหารการรถไฟฯ และผู้แทนของรัฐบาลทำข้อตกลงกับผู้แทนสหภาพฯ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 โดยเคร่งครัด เพราะเป็นข้อตกลงที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
