รอยเตอร์/เอเอฟพี – องค์การอนามัยโลกสั่งเพิ่มระดับการเตือนภัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกเป็นระดับที่ 5 จากทั้งหมด 6 ระดับแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ว่า เสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจริง มี 9 รายในขณะนี้ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก 8 รายและสหรัฐอเมริกา 1 ราย ด้านประเทศที่พบผู้ติดไวรัสอันตรายนี้ก็เพิ่มเป็น 12 ประเทศ โดยที่ สวิตเซอร์แลนด์ เปรู และเนเธอร์แลนด์ ทยอยยืนยันล่าสุด
** อนามัยโลกเพิ่มระดับเตือนภัยหวัดเม็กซิโก
องค์การอนามัยโลก “WHI”ประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จากระดับ 4 เป็นระดับที่ 5 แล้ว หลังจากตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์ในอย่างน้อย 2 ประเทศแล้ว คือ เม็กซิโกและสหรัฐฯ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ กำลังจะกลายเป็นโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง (pandemic) อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
การประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากเด็กชายวัย 23 เดือนชาวเม็กซิกันเสียชีวิตที่มลรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นอกประเทศเม็กซิโก
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องหลังการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันพุธ (29) ให้ทุกประเทศดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน เช่น เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการควบคุมการติดเชื้อ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกพบว่า อัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะช้าลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าครั้งใด ๆ ในประวัติศาสตร์ ในการรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และเป็นครั้งแรกที่สามารถติดตามการแพร่ระบาดได้แบบนาทีต่อนาที ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ให้มีอันตรายมากยิ่งขึ้นหรือลดน้อยลงได้ทุกเวลา
ขณะเดียวกัน ดร.เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็สามารถแพร่กระจายไปได้เกือบทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่น่ากลัวมากที่สุดของโลก นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อ “ เอช5 เอ็น 1 ” หรือเชื้อไข้หวัดนกเมื่อปี 2003 เป็นต้นมา
ในขณะนี้ มีรายงานว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 12 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมัน ออสเตรีย เปรู สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์
ส่วนกรณีของประเทศคอสตาริกา ซึ่งเมื่อวันพุธ (29) ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้นั้น ล่าสุด มาเรีย ลุยซา อาบิลา รัฐมนตรีสาธารณสุขคอสตาริกา ได้ออกมาแถลงว่า ยังต้องรอผลการตรวจซ้ำรอบที่ 2 โดยได้ส่งไปให้กับห้องทดลองในสหรัฐฯแล้ว
** ผู้นำเม็กซิโกวอนประชาชนอย่าออกนอกบ้าน
ประธานาธิบดีเฟลิเป กัลเดรอน อิโนโฮซาของเม็กซิโกออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศเรียกร้องให้ชาวเม็กซิกันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเรือนตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากไม่มีสถานที่ใดที่จะปลอดภัย และปราศจากจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้ดีกว่าภายในบ้านของตัวเอง โดยถือเป็นครั้งแรกที่ประมุขเม็กซิโกออกมาปรากฏตัวแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กัลเดรอนยังได้ขอร้องให้ภาคธุรกิจ และหน่วยงานของรัฐบาลส่วนใหญ่ ปิดทำการชั่วคราวในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ พร้อมย้ำว่า ในขณะนี้ทางการเม็กซิโกมียาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ในคลังยาราว 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอสำหรับชาวเม็กซิกัน หากเกิดการระบาดขั้นรุนแรงขึ้นในประเทศ
คำแถลงของกัลเดรอน มีขึ้นหลังจากที่ โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโกออกมาเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกซึ่งก่อนหน้ามีรายงานว่ามีทั้งสิ้น 176ราย นั้น ในจำนวนนี้มีเพียง 8 ราย ที่ได้รับคำยืนยันจากผลตรวจในห้องปฏิบัติการขององค์การอนามัยโลกแล้วว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่จริงๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชายชาวบังกลาเทศซึ่งมีอาชีพเป็นคนขายของตามท้องถนนที่เพิ่งเดินทางเข้าเม็กซิโกได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
ทางด้าน อกุสติน กิเยร์โม การ์สเตน รัฐมนตรีคลังของเม็กซิโก เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ น่าจะทำให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของเม็กซิโกในปีนี้ ลดลงประมาณ 0.3-0.5 % หรือคิดเป็นเงินกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากขนาดเศรษฐกิจเม็กซิโกซึ่งมีมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
การ์สเตนระบุว่า มาตรการปิดร้านอาหารทุกแห่ง รวมทั้ง สถานที่สาธารณะต่างๆ ในเมืองหลวง ทำให้ภาคธุรกิจของกรุงเม็กซิโก ซิตีต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ หรือ3,500 ล้านบาทต่อวัน และส่งผลกระทบต่อแรงงานอีกราว 450,000 คน
นอกจากนั้น การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ยังสร้างความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของเม็กซิโก เนื่องจากในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังเม็กซิโกถึงประมาณ 23 ล้านคน
**ยอดผู้ติดเชื้ออเมริกันพุ่ง 91 ราย
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกกำลังแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐฯ โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้แล้วใน 11 มลรัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก โอไฮโอ อินดีแอนา นิว เจอร์ซีย์ แอริโซนา แมสซาชูเซตส์ มิชิแกน และเนวาดา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจาก 65 รายเป็น 91 รายแล้ว
นอกจากนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ยังออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกรณีพบต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 9 รายในมลรัฐอิลลินอยส์ และอีก 6 รายในมลรัฐแมริแลนด์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเด็กชาวเม็กซิกันวัย 23 เดือนในมลรัฐเทกซัสเมื่อวานนี้(29) พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อควบคุมผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้
นอกจากนี้ โอบามายังได้เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นดำเนินการเฝ้าระวัง และแนะให้ปิดโรงเรียนถ้ามีคำยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานจะไม่มีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกที่มีความยาวถึง 3,169 กิโลเมตรอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้และถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
**เปรู-สวิตเซอร์แลนด์-เนเธอร์แลนด์ พบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้ว
ออสการ์ อูการ์เต รัฐมนตรีสาธารณสุขเปรู ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรายแรกในประเทศแล้ว เป็นสตรีชาวอาร์เจนตินา ซึ่งอาศัยอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ โดยสตรีผู้นี้เพิ่งเดินทางไปเม็กซิโกเมื่อไม่นานมานี้ และได้เดินทางเข้ามาในเปรูด้วยสายการบิน โกปา แอร์ไลน์ส ของปานามา
อูการ์เต อธิบายว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ต้องการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเธอที่ประเทศอาร์เจนตินา แต่มีอาการไข้ขึ้นสูงระหว่างการเดินทาง เครื่องบินลำดังกล่าวจึงต้องเปลี่ยนมาลงที่กรุงลิมา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเปรูแทน
นอกจากนั้น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเปรู ยังระบุว่า ทางการพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 3 คน ซึ่งกำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์นั้น ฌอง หลุยส์ ซูเชร์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวานนี้ (30) โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโก และกำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบาเดน ใกล้กับนครซูริก
ด้านเนเธอร์แลนด์ รัฐมนตรีสาธารณสุข อับ คลินต์ แถลงว่า ผลการตรวจยืนยันว่าเด็กทารกวัย 3 ปีผู้หนึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ทารกผู้นี้พร้อมพ่อแม่เดินทางกลับเนเธอร์แลนด์ภายหลังไปชุมนุมรวมครอบครัวกันที่เม็กซิโกเมื่อวันที่ 27 เมษายน เวลานี้ทารกผู้นี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนพ่อแม่ไม่มีอาการว่าเป็นไข้
**ทางการอียิปต์ยันการสั่งฆ่าหมูเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อับเดลเราะห์มาน ชาฮีเน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของอียิปต์ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยระบุว่า การตัดสินใจสั่งฆ่าหมูทุกตัวในประเทศของรัฐบาลอียิปต์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แม้ทางองค์การอนามัยโลกจะออกมายืนยันว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะไม่เกี่ยวข้องกับหมูก็ตามเพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีการติดต่อจากคนสู่คน
อย่างไรก็ตาม โฆษกคนดังกล่าวยืนยันว่า ทางการอียิปต์จำเป็นต้องนำมาตรการนี้มาใช้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดยังคงลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ และองค์การอนามัยโลกเองก็เพิ่งยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 5 จากทั้งหมด 6 ระดับ
ขณะเดียวกันซาเบอร์ อับเดล อาซิซ กาลาล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเกษตรของอียิปต์ออกมาระบุว่า การสั่งฆ่าหมูทั่วประเทศในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้ชาวอียิปต์มีสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากในขณะนี้ หมูส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูปะปนกับมนุษย์ และสัตว์อีกนานาชนิดในพื้นที่เดียวกันอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องสั่งฆ่าหมูทั้งหมด ก่อนที่จะมีการสร้างฟาร์มที่ได้มาตรฐานและอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเป็นพิเศษเหมือนกับในยุโรป โดยให้สัญญาว่า ชาวอียิปต์จะสามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้อีกครั้งภายใน 2 ปีอย่างแน่นอน
อามิน อบาซา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอียิปต์ระบุว่า การฆ่าหมูครั้งใหญ่น่าจะเริ่มต้นได้ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนในการฆ่า โดยสื่อท้องถิ่นระบุว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของหมูราว 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านโจเซฟ โดเมเนช หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัตวบาล ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ ชี้ว่า การที่อียิปต์สั่งฆ่าหมูทั้งประเทศมากถึง 250,000 ตัว ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหมู โดยทางเอฟเอโอพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของอียิปต์เพื่อยับยั้งแผนการฆ่าหมูแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ขณะเดียวกัน องค์การเพื่อสุขภาพสัตว์โลก หรือ โอไออี ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลกกว่า 174 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์จากสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อคัดค้านการสั่งฆ่าหมูของทางการอียิปต์ในครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ “ไม่สมเหตุสมผล”
** อนามัยโลกเพิ่มระดับเตือนภัยหวัดเม็กซิโก
องค์การอนามัยโลก “WHI”ประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จากระดับ 4 เป็นระดับที่ 5 แล้ว หลังจากตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์ในอย่างน้อย 2 ประเทศแล้ว คือ เม็กซิโกและสหรัฐฯ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ กำลังจะกลายเป็นโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง (pandemic) อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
การประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากเด็กชายวัย 23 เดือนชาวเม็กซิกันเสียชีวิตที่มลรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นอกประเทศเม็กซิโก
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องหลังการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันพุธ (29) ให้ทุกประเทศดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน เช่น เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการควบคุมการติดเชื้อ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกพบว่า อัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะช้าลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าครั้งใด ๆ ในประวัติศาสตร์ ในการรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และเป็นครั้งแรกที่สามารถติดตามการแพร่ระบาดได้แบบนาทีต่อนาที ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ให้มีอันตรายมากยิ่งขึ้นหรือลดน้อยลงได้ทุกเวลา
ขณะเดียวกัน ดร.เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็สามารถแพร่กระจายไปได้เกือบทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่น่ากลัวมากที่สุดของโลก นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อ “ เอช5 เอ็น 1 ” หรือเชื้อไข้หวัดนกเมื่อปี 2003 เป็นต้นมา
ในขณะนี้ มีรายงานว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 12 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมัน ออสเตรีย เปรู สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์
ส่วนกรณีของประเทศคอสตาริกา ซึ่งเมื่อวันพุธ (29) ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้นั้น ล่าสุด มาเรีย ลุยซา อาบิลา รัฐมนตรีสาธารณสุขคอสตาริกา ได้ออกมาแถลงว่า ยังต้องรอผลการตรวจซ้ำรอบที่ 2 โดยได้ส่งไปให้กับห้องทดลองในสหรัฐฯแล้ว
** ผู้นำเม็กซิโกวอนประชาชนอย่าออกนอกบ้าน
ประธานาธิบดีเฟลิเป กัลเดรอน อิโนโฮซาของเม็กซิโกออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศเรียกร้องให้ชาวเม็กซิกันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเรือนตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากไม่มีสถานที่ใดที่จะปลอดภัย และปราศจากจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้ดีกว่าภายในบ้านของตัวเอง โดยถือเป็นครั้งแรกที่ประมุขเม็กซิโกออกมาปรากฏตัวแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กัลเดรอนยังได้ขอร้องให้ภาคธุรกิจ และหน่วยงานของรัฐบาลส่วนใหญ่ ปิดทำการชั่วคราวในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ พร้อมย้ำว่า ในขณะนี้ทางการเม็กซิโกมียาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ในคลังยาราว 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอสำหรับชาวเม็กซิกัน หากเกิดการระบาดขั้นรุนแรงขึ้นในประเทศ
คำแถลงของกัลเดรอน มีขึ้นหลังจากที่ โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโกออกมาเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกซึ่งก่อนหน้ามีรายงานว่ามีทั้งสิ้น 176ราย นั้น ในจำนวนนี้มีเพียง 8 ราย ที่ได้รับคำยืนยันจากผลตรวจในห้องปฏิบัติการขององค์การอนามัยโลกแล้วว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่จริงๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชายชาวบังกลาเทศซึ่งมีอาชีพเป็นคนขายของตามท้องถนนที่เพิ่งเดินทางเข้าเม็กซิโกได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
ทางด้าน อกุสติน กิเยร์โม การ์สเตน รัฐมนตรีคลังของเม็กซิโก เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ น่าจะทำให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของเม็กซิโกในปีนี้ ลดลงประมาณ 0.3-0.5 % หรือคิดเป็นเงินกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากขนาดเศรษฐกิจเม็กซิโกซึ่งมีมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
การ์สเตนระบุว่า มาตรการปิดร้านอาหารทุกแห่ง รวมทั้ง สถานที่สาธารณะต่างๆ ในเมืองหลวง ทำให้ภาคธุรกิจของกรุงเม็กซิโก ซิตีต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ หรือ3,500 ล้านบาทต่อวัน และส่งผลกระทบต่อแรงงานอีกราว 450,000 คน
นอกจากนั้น การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ยังสร้างความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของเม็กซิโก เนื่องจากในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังเม็กซิโกถึงประมาณ 23 ล้านคน
**ยอดผู้ติดเชื้ออเมริกันพุ่ง 91 ราย
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกกำลังแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐฯ โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้แล้วใน 11 มลรัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก โอไฮโอ อินดีแอนา นิว เจอร์ซีย์ แอริโซนา แมสซาชูเซตส์ มิชิแกน และเนวาดา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจาก 65 รายเป็น 91 รายแล้ว
นอกจากนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ยังออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกรณีพบต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 9 รายในมลรัฐอิลลินอยส์ และอีก 6 รายในมลรัฐแมริแลนด์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเด็กชาวเม็กซิกันวัย 23 เดือนในมลรัฐเทกซัสเมื่อวานนี้(29) พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อควบคุมผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้
นอกจากนี้ โอบามายังได้เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นดำเนินการเฝ้าระวัง และแนะให้ปิดโรงเรียนถ้ามีคำยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานจะไม่มีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกที่มีความยาวถึง 3,169 กิโลเมตรอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้และถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
**เปรู-สวิตเซอร์แลนด์-เนเธอร์แลนด์ พบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้ว
ออสการ์ อูการ์เต รัฐมนตรีสาธารณสุขเปรู ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรายแรกในประเทศแล้ว เป็นสตรีชาวอาร์เจนตินา ซึ่งอาศัยอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ โดยสตรีผู้นี้เพิ่งเดินทางไปเม็กซิโกเมื่อไม่นานมานี้ และได้เดินทางเข้ามาในเปรูด้วยสายการบิน โกปา แอร์ไลน์ส ของปานามา
อูการ์เต อธิบายว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ต้องการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเธอที่ประเทศอาร์เจนตินา แต่มีอาการไข้ขึ้นสูงระหว่างการเดินทาง เครื่องบินลำดังกล่าวจึงต้องเปลี่ยนมาลงที่กรุงลิมา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเปรูแทน
นอกจากนั้น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเปรู ยังระบุว่า ทางการพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 3 คน ซึ่งกำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์นั้น ฌอง หลุยส์ ซูเชร์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวานนี้ (30) โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโก และกำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบาเดน ใกล้กับนครซูริก
ด้านเนเธอร์แลนด์ รัฐมนตรีสาธารณสุข อับ คลินต์ แถลงว่า ผลการตรวจยืนยันว่าเด็กทารกวัย 3 ปีผู้หนึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ทารกผู้นี้พร้อมพ่อแม่เดินทางกลับเนเธอร์แลนด์ภายหลังไปชุมนุมรวมครอบครัวกันที่เม็กซิโกเมื่อวันที่ 27 เมษายน เวลานี้ทารกผู้นี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนพ่อแม่ไม่มีอาการว่าเป็นไข้
**ทางการอียิปต์ยันการสั่งฆ่าหมูเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อับเดลเราะห์มาน ชาฮีเน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของอียิปต์ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยระบุว่า การตัดสินใจสั่งฆ่าหมูทุกตัวในประเทศของรัฐบาลอียิปต์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แม้ทางองค์การอนามัยโลกจะออกมายืนยันว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะไม่เกี่ยวข้องกับหมูก็ตามเพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีการติดต่อจากคนสู่คน
อย่างไรก็ตาม โฆษกคนดังกล่าวยืนยันว่า ทางการอียิปต์จำเป็นต้องนำมาตรการนี้มาใช้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดยังคงลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ และองค์การอนามัยโลกเองก็เพิ่งยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 5 จากทั้งหมด 6 ระดับ
ขณะเดียวกันซาเบอร์ อับเดล อาซิซ กาลาล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเกษตรของอียิปต์ออกมาระบุว่า การสั่งฆ่าหมูทั่วประเทศในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้ชาวอียิปต์มีสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากในขณะนี้ หมูส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูปะปนกับมนุษย์ และสัตว์อีกนานาชนิดในพื้นที่เดียวกันอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องสั่งฆ่าหมูทั้งหมด ก่อนที่จะมีการสร้างฟาร์มที่ได้มาตรฐานและอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเป็นพิเศษเหมือนกับในยุโรป โดยให้สัญญาว่า ชาวอียิปต์จะสามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้อีกครั้งภายใน 2 ปีอย่างแน่นอน
อามิน อบาซา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอียิปต์ระบุว่า การฆ่าหมูครั้งใหญ่น่าจะเริ่มต้นได้ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนในการฆ่า โดยสื่อท้องถิ่นระบุว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของหมูราว 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านโจเซฟ โดเมเนช หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัตวบาล ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ ชี้ว่า การที่อียิปต์สั่งฆ่าหมูทั้งประเทศมากถึง 250,000 ตัว ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหมู โดยทางเอฟเอโอพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของอียิปต์เพื่อยับยั้งแผนการฆ่าหมูแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ขณะเดียวกัน องค์การเพื่อสุขภาพสัตว์โลก หรือ โอไออี ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลกกว่า 174 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์จากสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อคัดค้านการสั่งฆ่าหมูของทางการอียิปต์ในครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ “ไม่สมเหตุสมผล”