เอเจนซี/ เอเอฟพี – องค์การอนามัยโลกสั่งเพิ่มระดับการเตือนภัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก เป็นระดับที่ 5 จากทั้งหมด 6 ระดับแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่า เสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจริง มี 9 รายในขณะนี้ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก 8 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย
** อนามัยโลกเพิ่มระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก
องค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จากระดับ 4 เป็นระดับที่ 5 แล้ว หลังจากตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์ในอย่างน้อย 2 ประเทศแล้ว คือ เม็กซิโก และ สหรัฐฯ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ ใกล้จะกลายเป็นโรคระบาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
การประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากเด็กชายวัย 23 เดือน ชาวเม็กซิกันเสียชีวิตที่มลรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นอกประเทศเม็กซิโก
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องหลังการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันพุธ (29) ให้ทุกประเทศดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน เช่น เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการควบคุมการติดเชื้อ เนื่องจากองค์การอนามัยโลก พบว่า อัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะช้าลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ ในการรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดและเป็นครั้งแรกที่สามารถติดตามการแพร่ระบาดได้แบบนาทีต่อนาที ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ให้มีอันตรายมากยิ่งขึ้นหรือลดน้อยลงได้ทุกเวลา
ขณะเดียวกัน ดร.เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกครั้งนี้ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็สามารถแพร่กระจายไปได้เกือบทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่น่ากลัวมากที่สุดของโลก นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อ “เอช5เอ็น1” หรือเชื้อไข้หวัดนกเมื่อปี 2003 เป็นต้นมา
โดยในขณะนี้ มีรายงานว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 11 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมนี ออสเตรีย เปรู และ สวิตเซอร์แลนด์
ส่วนกรณีของประเทศคอสตาริกา ซึ่งเมื่อวันพุธ (29) ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นหญิงวัย 21 ปี คนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโกนั้น ล่าสุด มาเรีย ลุยซา อาบิลา รัฐมนตรีสาธารณสุขคอสตาริกา ได้ออกมาแถลงข่าวที่กรุงซาน โฮเซ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ โดยระบุว่า ยังต้องรอผลการตรวจซ้ำรอบที่ 2 ซึ่งได้ส่งไปให้กับห้องทดลองในสหรัฐฯก่อน จึงจะสามารถยืนยันได้ว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จริงหรือไม่
** ผู้นำเม็กซิโกวอนประชาชนอย่าออกนอกบ้าน
ประธานาธิบดี เฟลิเป กัลเดรอน อิโนโฮซา ของเม็กซิโก ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ เรียกร้องให้ชาวเม็กซิกันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเรือน ตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากไม่มีสถานที่ใดที่จะปลอดภัย และปราศจากจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้ดีกว่าภายในบ้านของตัวเอง โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำเม็กซิโกออกแถลงการณ์ผ่านสถานี โทรทัศน์ทั่วประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กัลเดรอน ยังได้ขอร้องให้ภาคธุรกิจ และหน่วยงานของรัฐบาลส่วนใหญ่ ปิดทำการชั่วคราวในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ พร้อมย้ำว่า ในขณะนี้ทางการเม็กซิโกมียาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ในคลังยาราว 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอสำหรับชาวเม็กซิกัน หากเกิดการระบาดขั้นรุนแรงขึ้นในประเทศ
คำแถลงของกัลเดรอน มีขึ้นหลังจากที่ โฮเซ อังเกล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโก ออกมาเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก ซึ่งก่อนหน้ามี รายงานว่า มีทั้งสิ้น 176ราย นั้น ในจำนวนนี้มีเพียง 8 ราย ที่ได้รับคำยืนยันจากผลตรวจในห้องปฏิบัติการขององค์การอนามัยโลกแล้วว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชายชาวบังกลาเทศ ซึ่งมีอาชีพเป็นคนขายของตามท้องถนนที่เพิ่งเดินทางเข้าเม็กซิโกได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
ทางด้าน อกุสติน กิเยร์โม การ์สเตน รัฐมนตรีคลังของเม็กซิโก เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ น่าจะทำให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของเม็กซิโกในปีนี้ ลดลงประมาณ 0.3-0.5% หรือคิดเป็นเงินกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากขนาดเศรษฐกิจเม็กซิโกซึ่งมีมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
การ์สเตน ระบุว่า มาตรการปิดร้านอาหารทุกแห่ง รวมทั้งสถานที่สาธารณะต่างๆ ในเมืองหลวง ทำให้ภาคธุรกิจของกรุงเม็กซิโก ซิตีต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ หรือ3,500 ล้านบาทต่อวัน และส่งผลกระทบต่อแรงงานอีกราว 450,000 คน
นอกจากนั้น การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ยังสร้างความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของเม็กซิโก เนื่องจากในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังเม็กซิโกถึงประมาณ 23 ล้านคน
** ยอดผู้ติดเชื้อมะกันพุ่ง 91 ราย
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกกำลังแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐฯ โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้แล้วใน 11 มลรัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก โอไฮโอ อินดีแอนา นิว เจอร์ซีย์ แอริโซนา แมสซาชูเซตส์ มิชิแกน และเนวาดา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจาก 65 ราย เป็น 91 รายแล้ว
นอกจากนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ยังออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกรณีพบต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 9 รายในมลรัฐอิลลินอยส์ และอีก 6 รายในมลรัฐแมริแลนด์
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเด็กชาวเม็กซิกันวัย 23 เดือนในมลรัฐเทกซัส เมื่อวานนี้ (29) พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อควบคุมผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้
นอกจากนี้ โอบามา ยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นดำเนินการเฝ้าระวัง และแนะให้ปิดโรงเรียนถ้ามีคำยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานจะไม่มีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ที่มีความยาวถึง 3,169 กิโลเมตรอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้และถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
**เปรู-สวิตเซอร์แลนด์-เนเธอร์แลนด์ พบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้ว
ออสการ์ อูการ์เต รัฐมนตรีสาธารณสุขเปรู ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรายแรกในประเทศแล้ว เป็นสตรีชาวอาร์เจนตินา ซึ่งอาศัยอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ โดยสตรีผู้นี้เพิ่งเดินทางไปเม็กซิโกเมื่อไม่นานมานี้ และได้เดินทางเข้ามาในเปรูด้วยสายการบิน โกปา แอร์ไลน์ส ของปานามา
อูการ์เต อธิบายว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ต้องการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเธอที่ กรุงบัวเอโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา แต่มีอาการไข้ขึ้นสูงระหว่างการเดินทาง เครื่องบินลำดังกล่าวจึงต้องเปลี่ยนมาลงที่กรุงลิมา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเปรูแทน
นอกจากนั้น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเปรู ยังระบุว่า ทางการพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อชนิดนี้อีก 3 คน ซึ่งกำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์นั้น ฌอง หลุยส์ ซูเชร์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวานนี้ (30) โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากเม็กซิโก และกำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบาเดน ใกล้กับนครซูริค
ด้าน เนเธอร์แลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข แอ็บ คลิงค์ เผยว่า มีการยืนยันว่า พบเด็กวัย 3 ขวบติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หมูเมื่อเช้าวันนี้ (30) โดยเด็กคนดังกล่าวกำลังรักษาตัวที่บ้านโดยได้รับยาต้านไวรัส และมีอาการดี
ทั้งนี้ เด็กเพิ่งกลับมาจากเม็กซิโก หลังจากเดินทางไปที่นั่นกับพ่อและแม่ที่เม็กซิโก อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่ของเด็กไม่ได้แสดงอาการของโรคแต่อยางใด
**ทางการอียิปต์ยันการสั่งฆ่าหมูเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อับเดลเราะห์มาน ชาฮีเน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของอียิปต์ ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยระบุว่า การตัดสินใจสั่งฆ่าหมูทุกตัวในประเทศของรัฐบาลอียิปต์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แม้ทางองค์การอนามัยโลก จะออกมายืนยันว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะไม่เกี่ยวข้องกับหมูก็ตาม เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีการติดต่อจากคนสู่คน
อย่างไรก็ตาม โฆษกคนดังกล่าวยืนยันว่า ทางการอียิปต์จำเป็นต้องนำมาตรการนี้มาใช้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดยังคงลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ และองค์การอนามัยโลกเองก็เพิ่งยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 5 จากทั้งหมด 6 ระดับ
ขณะเดียวกัน ซาเบอร์ อับเดล อาซิซ กาลาล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเกษตรของอียิปต์ ออกมาระบุว่า การสั่งฆ่าหมูทั่วประเทศในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้ชาวอียิปต์มีสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากในขณะนี้หมูส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูปะปนกับมนุษย์ และสัตว์อีกนานาชนิดในพื้นที่เดียวกันอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องสั่งฆ่าหมูทั้งหมด ก่อนที่จะมีการสร้างฟาร์มที่ได้มาตรฐานและอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเป็นพิเศษเหมือนกับในยุโรป โดยให้สัญญาว่า ชาวอียิปต์จะสามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้อีกครั้งภายใน 2 ปีอย่างแน่นอน
อามิน อบาซา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอียิปต์ ระบุว่า การฆ่าหมูครั้งใหญ่น่าจะเริ่มต้นได้ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนในการฆ่า โดยสื่อท้องถิ่นระบุว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของหมูราว 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้าน โจเซฟ โดเมเนช หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัตวบาล ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ ชี้ว่า การที่อียิปต์สั่งฆ่าหมูทั้งประเทศมากถึง 250,000 ตัว ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหมู โดยทางเอฟเอโอพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของอียิปต์เพื่อยับยั้งแผนการฆ่าหมูแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ขณะเดียวกัน องค์การเพื่อสุขภาพสัตว์โลก หรือ โอไออี ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลกกว่า 174 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์จากสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อคัดค้านการสั่งฆ่าหมูของทางการอียิปต์ในครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ “ไม่สมเหตุสมผล”