xs
xsm
sm
md
lg

ศก.ฟาดหางเสื้อโปโลยอดตก10%ธีซิซดันยีนส์กระหน่ำส่วนลด80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพงศ์ศักดิ์ โชติธาดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีซิซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ เสื้อผ้า แบรนด์ เบเวอร์ลี่ ฮิลส์ โปโล คลับ หรือ BHPC  ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเสื้อผ้าถือว่าตกลงไปมาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยในส่วนของบริษัท ที่ดูแลแบรนดBHPC พบว่าไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ยอดขายตกลงจากที่วางเป้าหมายไว้ประมาณ 10% หรือเฉลี่ยควรจะมีการเติบที่ 20% แต่ลดลงเล็กน้อย ขณะที่ยอดขายต่อใบเสร็จยังไม่ตกลงนัก ลูกค้ายังมีการซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไป แต่ความถี่ในการซื้ออาจจะลดลงเล็กน้อย

ล่าสุดเพื่อกระตุ้นตลาดและเพิ่มยอดขายของBHPC  ในไตรมาสสองช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้ทางบริษัทได้มีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ในกลุ่มกางเกงยีนส์สำหรับผู้ชาย โดยอีก 1 เดือนหลังจากนั้น จะเปิดตัวกางเกงยีนส์สำหรับผู้หญิงตามมา ซึ่งการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่นี้ ทางบริษัทยังได้ร่วมกับทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย”BHPC All Teams Privilege Sales”มอบส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้าควบคู่กันด้วย โดยลูกค้าจ่ายเพียง 1,590 บาท รับสิทธ์ซื้อสินค้ารวมมูลค่าได้ถึง 2,000-4,000 บาท โดยส่วนลดครั้งนี้ ถือเป็นการลดราคาสูงสุดถึง 80% จากยอดราคาจำหน่ายจริง เริ่มตั้งแต่1-13 พ.ค. 2552 ณ ห้างเดอะมอลล์ สาขา รามคำแหง, ท่าพระ, งามวงศ์วาน, บางแค, บางกะปิ,นครราชสีมา, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เชื่อว่าจะมียอดขายราว 20 ล้านบาท

อีกทั้งจะมีการออกคอลเล็กชั่นใหม่ๆและกลุ่มสินค้าแอทเซทเซอรี่ เข้ามากระตุ้นตลาดไปจนถึงปลายปี เชื่อว่าจะผลักดันให้ยอดขายของ BHPC ในสิ้นปีเติบโตขึ้น 20% จาก 300 ล้านบาทในปีก่อนได้ โดยยอดขายหลักในปีนี้จะมาจากกลุ่มเสื้อยืดและกางเกงยีนส์เป็นหลัก ขณะที่ปีก่อนBHPC มียอดขายหลักมาจากเสื้อยืด มีการเติบโตของยอดขายกว่าเท่าตัวเทียบจากปี 2549 เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวแบรนด์ในประเทศไทยเพียง 3 ปี จากปัจจุบัน  BHPC วางจำหน่ายเฉพาะในห้างสรรพสินค้ารวมกว่า 34 จุดขาย วางโพซิชั่นของสินค้าจับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบน ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป โดยปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในรูปแบบชอปจำนวน 2-3 ชอป โดยขณะนี้กำลังพิจารณาเลือกสถานที่ที่เหมาะสม

นอกจากนี้ในช่วงปลายปี 2552 ทางบริษัทเตรียมที่จะรีลอนท์แบรนด์เสื้อผ้า Dalmatiner จากประเทศเยอรมัน อีก 1 แบรนด์ หลังจากได้มีการซื้อแบรนด์ดังกล่าวมาจากบริษัทที่ได้ไลเซ่นแบรนด์นี้อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงปีก่อนที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้บริษัทได้มีการขายสินค้าเดิมให้หมดก่อน พร้อมทั้งเก็บคืน เพื่อทำการรีลอนด์ใหม่ช่วงปลายปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 50 ล้านบาทในการทำการตลาด ตั้งเป้าไว้ภายใน 2 ปี จะวางจำหน่ายให้ครบ 40 จุดขาย  
กำลังโหลดความคิดเห็น