นับจากวันที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือ เอเอสทีวีผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามนานาชนิดนับร้อยนัด แล้วรอดตายราวปาฏิหาริย์ โดยเหตุเกิดเมื่อตอนเช้ามืดวันศุกร์ที่ 17 เมษายน และเมื่อมาถึงวันนี้ (1 พฤษภาคม) เวลาผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์ ดูเหมือนว่าการสืบหาตัวคนร้ายมีความคืบหน้ามากขึ้น
ถึงขนาดที่ สนธิ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ “บ้านพระอาทิตย์” หลังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน โดยเชื่อมั่น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองอธิบดีกรมตำรวจในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดี ว่า “เชื่อมั่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” พร้อมมั่นใจว่าไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาชัดเจนว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้วหรือไม่ หรือแนวทางการสอบสวนไปทางไหน โดยระหว่างร่วมการแถลงข่าวดังกล่าว พล.ต.อ.ธานี ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด เพียงแต่กล่าวย้ำว่า กำลังเร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวนอย่าง เต็มที่
อย่างไรก็ดี ระหว่างที่กำลังใจจดใจจ่อรอผลการคลี่คลายคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะมีการจับกุมใครบ้าง คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอ เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ “มือทำงาน” คนสำคัญได้ออกมาแย้มให้ฟัง ย้ำข่าวดีอีกไม่เกิน 7 วัน ซึ่งก็ใกล้จะครบกำหนดเข้ามาทุกทีแล้ว
ดังนั้นในระหว่างนี้ก็ขอคั่นรายการด้วยถ้อยแถลงเปิดใจของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่อธิบายว่ามีดีอะไรนักถึงได้รอดมาได้ เนื่องจากตลอดเวลาหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบยิง ปรากฏเป็นภาพข่าวอย่างครึกโครม เห็นสภาพรถที่ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดนับร้อยนัด มีแต่คนพูดกันว่า “ไม่น่ารอด” แต่เมื่อรอดมาได้ก็ต้องถามต่อว่า “แขวนพระอะไร”
แต่คำตอบที่ได้ยินจากปากก็คือ “ผมแขวนพระคุณงามความดีและพระบารมี” พร้อมทั้งให้คติเตือนใจใช้สัจธรรมพิสูจน์ให้เห็นว่า “ใครก็ตามที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็จะได้รับการคุ้มครอง” และรู้สึกดี ถ้ามีคนหันมาเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือมีข้อเปรียบเทียบกรณี “ผู้กว้างขวาง” รายหนึ่งในอดีตในวันที่ถูกยิงตาย อมพระสมเด็จราคาเป็นล้านอยู่ในปาก แต่ยังไม่สามารถปกป้องชีวิตเอาไว้ได้
แม้ว่าในแต่ละเหตุการณ์ย่อมมีองค์ประกอบและปัจจัยหลายอย่างเข้ามา แต่สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ยึดมั่นก็คือ “คุณงามความดี” หรือมักกล่าวกันว่าคนดีย่อม “ตกน้ำไ ม่ ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ สนธิ ลิ้มทองกุล แม้อีกด้านหนึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่รอดชีวิตมาได้ แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ย่อมเป็นตัวอย่าง เป็นกำลังใจให้กับคนอื่นที่ทำความดี ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มีกำลังใจ ยึดมั่นในสิ่งถูกต้องต่อไป ไม่คลอนแคลน
เพราะในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นยังมีคนอื่นร่วมชะตากรรมมาด้วย ทั้งคนขับรถ คนติดตาม ทั้งหมดล้วนรอดตายราวปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่มีส่วนยืนยันได้ก็คือ “ความดีย่อมแผ่ไปคุ้มครองคนอื่น” อีกด้วย
อย่างไรก็ตามนาทีนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สังคมก็ต้องให้ความสนใจ จับตาความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว และนี่อาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของคนที่ผ่านนาทีชีวิตมาแล้ว และวันนี้(1 พ.ค.) เวลาเที่ยงยังมีนัดเปิดใจ เผยเบื้องหลังสาเหตุลอบสังหารแบบหมดเปลือก
แต่ยืนยันหนักแน่นล่วงหน้าเอาไว้ก่อนว่าเรื่อง “ปลีกวิเวก” เอาตัวรอดนั้นไม่มีแน่นอน วางใจได้ !!
ถึงขนาดที่ สนธิ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ “บ้านพระอาทิตย์” หลังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน โดยเชื่อมั่น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองอธิบดีกรมตำรวจในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดี ว่า “เชื่อมั่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” พร้อมมั่นใจว่าไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาชัดเจนว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้วหรือไม่ หรือแนวทางการสอบสวนไปทางไหน โดยระหว่างร่วมการแถลงข่าวดังกล่าว พล.ต.อ.ธานี ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด เพียงแต่กล่าวย้ำว่า กำลังเร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวนอย่าง เต็มที่
อย่างไรก็ดี ระหว่างที่กำลังใจจดใจจ่อรอผลการคลี่คลายคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะมีการจับกุมใครบ้าง คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอ เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ “มือทำงาน” คนสำคัญได้ออกมาแย้มให้ฟัง ย้ำข่าวดีอีกไม่เกิน 7 วัน ซึ่งก็ใกล้จะครบกำหนดเข้ามาทุกทีแล้ว
ดังนั้นในระหว่างนี้ก็ขอคั่นรายการด้วยถ้อยแถลงเปิดใจของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่อธิบายว่ามีดีอะไรนักถึงได้รอดมาได้ เนื่องจากตลอดเวลาหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบยิง ปรากฏเป็นภาพข่าวอย่างครึกโครม เห็นสภาพรถที่ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดนับร้อยนัด มีแต่คนพูดกันว่า “ไม่น่ารอด” แต่เมื่อรอดมาได้ก็ต้องถามต่อว่า “แขวนพระอะไร”
แต่คำตอบที่ได้ยินจากปากก็คือ “ผมแขวนพระคุณงามความดีและพระบารมี” พร้อมทั้งให้คติเตือนใจใช้สัจธรรมพิสูจน์ให้เห็นว่า “ใครก็ตามที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็จะได้รับการคุ้มครอง” และรู้สึกดี ถ้ามีคนหันมาเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือมีข้อเปรียบเทียบกรณี “ผู้กว้างขวาง” รายหนึ่งในอดีตในวันที่ถูกยิงตาย อมพระสมเด็จราคาเป็นล้านอยู่ในปาก แต่ยังไม่สามารถปกป้องชีวิตเอาไว้ได้
แม้ว่าในแต่ละเหตุการณ์ย่อมมีองค์ประกอบและปัจจัยหลายอย่างเข้ามา แต่สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ยึดมั่นก็คือ “คุณงามความดี” หรือมักกล่าวกันว่าคนดีย่อม “ตกน้ำไ ม่ ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ สนธิ ลิ้มทองกุล แม้อีกด้านหนึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่รอดชีวิตมาได้ แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ย่อมเป็นตัวอย่าง เป็นกำลังใจให้กับคนอื่นที่ทำความดี ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มีกำลังใจ ยึดมั่นในสิ่งถูกต้องต่อไป ไม่คลอนแคลน
เพราะในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นยังมีคนอื่นร่วมชะตากรรมมาด้วย ทั้งคนขับรถ คนติดตาม ทั้งหมดล้วนรอดตายราวปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่มีส่วนยืนยันได้ก็คือ “ความดีย่อมแผ่ไปคุ้มครองคนอื่น” อีกด้วย
อย่างไรก็ตามนาทีนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สังคมก็ต้องให้ความสนใจ จับตาความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว และนี่อาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของคนที่ผ่านนาทีชีวิตมาแล้ว และวันนี้(1 พ.ค.) เวลาเที่ยงยังมีนัดเปิดใจ เผยเบื้องหลังสาเหตุลอบสังหารแบบหมดเปลือก
แต่ยืนยันหนักแน่นล่วงหน้าเอาไว้ก่อนว่าเรื่อง “ปลีกวิเวก” เอาตัวรอดนั้นไม่มีแน่นอน วางใจได้ !!
