xs
xsm
sm
md
lg

หาวิถีกระสุน! ล่ามือยิง“สนธิ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“คดีฆาตกรรม” หรือคดีลอบสังหารด้วยอาวุธปืน หลายคนคงสงสัยถึงวิธีการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ต้องมีการนำเส้นเชือก หรือแท่งเหล็กที่เป็นเส้นตรงมาวัดทิศทางของกระสุนปืนว่าทำไปเพื่ออะไร และมีประโยชน์ในการคลี่คลายคดีและเอาผิดผู้ต้องหาได้อย่างไร ซึ่งวิธีการตรวจพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุเช่นนี้เรียกว่า “การหาวิถีกระสุน” โดยผู้เชี่ยวชาญของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะสาวไปถึงผู้ต้องหา พยาน และหลักฐาน ที่จะนำไปประกอบการตัดสินในชั้นศาลได้อย่างดี

ทำไมจึงต้องตรวจหาวิถีกระสุน?...ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การตรวจหาวิถีกระสุนเพื่อเป็นการหาว่า คนร้ายยิงอย่างไร จากจุดไหน และทราบพฤติการขณะลงมือได้ โดยเมื่อทราบจุดที่คนร้ายลงมือยิงแล้วก็จะพบร่องรอย หลักฐานในจุดที่คนร้ายลงมือได้ ในกรณีที่เป็นการซุ่มยิงดักยิง โดยอาจพบร่องรอยที่คนร้ายทิ้งไว้ เช่น รอยเท้า ก้นบุหรี่ ที่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวคนร้าย โดยการตรวจดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ

ส่วนกรณีที่คนร้ายใช้ยานพาหนะในการลงมือ ก็จะทำให้ทราบทิศทางในการเคลื่อนที่ของคนร้ายว่ามาจากจุดใด และเมื่อลงมือแล้วหลบหนีไปทางใด อีกทั้งยังสามารถนำมาคำนวณระยะเวลาในการก่อเหตุ และการสืบหาพยานที่เห็นเหตุการณ์จากทิศทางการลงมือของคนร้าย รวมทั้งการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับใคร โดยจากหลักฐานทั้งหมดจะโยงใยจนสามารถสร้างเป็นภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุให้ตำรวจที่ทำคดีได้เห็นชัดเจนมากขึ้น ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

จากหลักฐานที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานรวบรวมได้ทั้งหมดตามที่กล่าวมา โดยเริ่มจากการตรวจหาวิถีกระสุนคนร้ายนี้ก็จะนำไปสู่กระบวนการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่มีมาตรฐานที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานเพื่อเอาผิด ยืนยันตัวคนร้ายและพฤติการณ์ขณะก่อเหตุได้ในชั้นศาล

สำหรับการตรวจหาวิถีกระสุนนั้น ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า โดยปกติลูกกระสุนจะวิ่งเป็นเส้นตรง เราจึงสามารถตรวจสอบเส้นทางยิงได้โดยการนำเชือก ลวดเส้นตรง หรือเลเซอร์ มาเป็นตัววัดทิศทางจากจุดที่ปลอกกระสุนตก เชื่อมโดยใช้หลักการ 2 จุดกับบริเวณที่คนร้ายใช้อาวุธปืน หากมีหลายนัดก็ต้องเชื่อมโยงให้ได้ทุกจุดตาม

วิธีดังกล่าวเพราะคนร้ายอาจมีมากกว่า 1 คน ก็จะทำให้ทราบได้ รวมทั้งลักษณะของรูกระสุนในจุดเกิดเหตุก็จะสามารถนำมาตรวจเพื่อระบุชนิดของลูกกระสุนได้

ยกตัวอย่าง...คดีดังๆ ที่ถูกคลี่คลายด้วยการตรวจวิถีกระสุนก็เคยปรากฏมาแล้วในคดี “ไบโอคลินิก” ที่คนร้ายลอบยิงนางรวีวรรณ เสตะรัต เหยื่อศัลยกรรมจนเสียชีวิต จนนำไปสู่การจับมือปืนที่ลงมือและสาวไปถึงผู้บงการ นพ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของไบโอคลีนิคชื่อดังซึ่งเป็นผู้ต้องหาในการจ้างวานฆ่า และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นศาล

มาถึงคดีดังระดับโลก กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถ “นายสนธิ ลิ้มมทองกุล” ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ทางชุดสืบสวนก็ได้นำวิธีการตรวจหาวิถีกระสุนมาใช้ในการคลี่คลายคดีเช่นกัน และถือเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามจับกุมตัว คนร้ายผู้ก่อเหตุ

โดยคดีนี้ เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1,พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.พฐ. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ทำการปิดถนนสามเสน บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช จุดเกิดเหตุ เพื่อทำการจำลองเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล

ทั้งนี้ ในการจำลองเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ พฐ.ได้ใช้รถตำรวจจอดไว้ในจุดเดียวกับรถยนต์ของนายสนธิ ในวันเกิดเหตุ และตรวจสอบรอยกระสุนบนพื้นถนน ซึ่งพบว่ามีรอยกระสุนที่ไม่เข้าเป้าหมาย 15 รอย จึงได้ใช้วิธีมาร์กจุดกะเทาะของกระสุนที่พบบนพื้นถนนก่อนใช้เชือกโยงเพื่อหาวิถีกระสุนของคนร้ายว่ามาจากทิศทางใด

โดย พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การจำลองเหตุการณ์มีเป้าหมายหลักเพื่อหาวิถีกระสุนของคนร้ายว่ามาจากจุดใดกันแน่ รวมทั้งจุดที่รถผู้เสียหายและรถคนร้ายจอดอยู่เพื่อนำมาประมวลเข้ากับวัตถุพยานที่พบในที่เกิดเหตุ รวมทั้งคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เพื่อกำหนดกรอบการสอบสวนให้แคบลง

ทั้งนี้ เชื่อว่าผลการจำลองเหตุการณ์น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ดังนั้น การที่คนร้ายลงมือฆาตกรรม หรือลอบสังการด้วยอาวุธปืน จึงถือเป็นการทิ้งหลักฐานชั้นดีจำนวนมากในที่เกิดเหตุที่จะสามารถนำมาตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่มีหลักการน่าเชื่อถือ และนำไปใช้ในชั้นศาลได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากมีการดำเนินการอย่างจริงจัง และตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าคดีลอบสังหาร “นายสนธิ” อาจจะนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น