กองพิสูจน์หลักฐานสรุปรายงานการตรวจวิถีกระสุนที่คนร้ายยิงถล่ม"สนธิ" เสร็จเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว เตรียมส่งมอบให้"ธานี" ระบุ มีอาก้า 3 กระบอกจากลพบุรี ระยอง และอุบลฯที่ส่งตรวจสอบ ขณะที่ ชุดสืบสวนชุดใหญ่ลงพื้นที่เมืองกาญจน์ แย้มรู้ตัวแล้ว ไม่ใช่การจ้างฆ่า แต่บังคับให้ฆ่า เป็นทีมคนมีสี ไม่ใช่มืออาชีพ เพื่อหวังตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้บงการใหญ่ เผยคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน ทหาร 2 นาย พลเรือน 1 สอบเข้ม
วานนี้(29 เม.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน(ผบก.พฐ.) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบวิถีกระสุนเพื่อคลี่คลายคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ขณะนี้ตำรวจทุกพื้นที่ ที่พบอาวุธปืนต้องสงสัยว่าอาจจะใช้ในการก่อเหตุยิงนายสนธิ ได้ทยอยส่งมาตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับรอยกระสุนบนรถของนายสนธิ ที่ถูกยิงแล้ว ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1-8 แต่ละสถานีว่าอาวุธปืนสงครามทั้งชนิด อาก้า เอชเค และเอ็ม 16 ที่ถูกนำมาใช้ยิง และปืนสงครามที่ยังไม่ถูกตรวจยึดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 52 จนถึงปัจจุบัน
"เมื่อวานนี้ได้ทำการตรวจสอบอาวุธปืนสงครามต้องสงสัยตำรวจพื้นที่ต่างๆ ส่งมาที่กองพิสูจน์หลักฐาน มีจำนวน 3 กระบอก เป็นต่างจังหวัดทั้งหมด คือ จ.ลพบุรี จ.ระยอง และจ.อุบลราชธานี โดยทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ทยอยตรวจปืนที่ส่งมาแล้ว"พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ และวิถีกระสุนจากรถยนต์ของนายสนธิ ที่ได้นำมาตรวจเกือบเสร็จสิ้นแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมทางกองพิสูจน์หลักฐานก็พร้อมที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้ พล.ต.อ.ธานี เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุมคนร้าย ส่วนที่เหลือคือต้องการข้อมูลจากในส่วนของผู้บาดเจ็บคือคนขับรถ และการ์ด มากที่สุด เพื่อนำมาพิสูจน์หาวิถีกระสุนสุดท้ายว่าคนร้ายยิงเข้ามาจากตรงจุดใดบ้าง ซึ่งได้รายงานปัญหานี้
ให้ พล.ต.อ.ธานี ทราบแล้วเพื่อสั่งการให้พนักงานสืบสวนสอบสวนประสานตรวจสอบรายละเอียดของบาดแผลผู้บาดเจ็บจากเจ้าตัว และแพทย์ต่อไป
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนการตรวจสอบบาดแผลเพื่อหาวิถีกระสุนจากนายสนธิ นั้น ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพราะเป็นบาดแผลที่เกิดจากสะเก็ดกระสุน ซึ่งไม่สามารถนำมาตรวจหาวิถีกระสุนได้
ส่วนความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีล่าสุด มีรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 -29 เม.ย.ไม่มีการประชุมใหญ่ชุดคลี่คลายคดี อันเนื่องมาจากชุดทำงานและสายสืบส่วนใหญ่ ถูกส่งลงไปยังพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เกือบครบชุด มีเพียงชุดสืบสวนชุดเดียวที่อยู่ในเขตนครบาล เพื่อเร่งคลี่คลายภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจับภาพรถกระบะมาสด้าไว้ได้ ซึ่งล่าสุด มีรายงานว่า ชุดสืบสวนชุดนี้ ได้ข้อสรุปแล้วว่า รถกระบะมาสด้าคันดังกล่าว ใครเป็นเจ้าของผู้ครอบครอง และอยู่ระหว่างการสืบสวน
ในเชิงลึกต่อไปว่า เจ้าของผู้ครอบครองรถกระบะมาสด้าคันดังกล่าว รู้จักและมีความสนิทชิดเชื้อกับทหารคนใดหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่ที่ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นั้น สามารถรู้ตัวคนร้าย ทั้งคนรับงาน ทีมยิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนมีสีแล้ว โดยรายงานข่าวระบุว่า แม้จะรู้ตัวทีมยิงแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะสามารถสาวถึงผู้บงการตัวใหญ่ได้ เนื่องจาก การใช้ทีมงานให้ลงมือสังหารนายสนธิ ในครั้งนี้ เป็นเพียงมือสมัครเล่น เพื่อจุดประสงค์ไม่ให้ต้องการสาวถึงผู้บงการตัวจริง ในขณะเดียวกัน ไม่ได้มีการจ้างวานในลักษณะเหมือนการจ้างวานมือปืนรับจ้างทั่วไป แต่เป็นการสั่งบังคับ
เสียมากกว่าว่า "งานนี้ต้องทำ" เพราะหากมีการจ้างวานใช้มือปืนอาชีพแล้ว ภายหลังจากเสร็จงาน ความเคลื่อนไหวต่างๆย่อมไม่สามารถหลุดลอดสายตาของตำรวจได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทีมชุดคลี่คลายคดียังตรวจพบว่า เดิมที มีการจ้างวานให้นายทหารคนดังคนหนึ่งเป็นผู้รับงาน แต่ทว่า นายทหารคนดังกล่าวปฏิเสธ โดยอ้างว่า ทีมของตนไม่มีศักยภาพเพียงพอ ประกอบกับ หากเป็นผู้รับงานสังหารนายสนธิ จริง คงถูกเพ่งเล็งจากหลายฝ่าย ในขณะเดียวกัน ชุดคลี่คลายคดียังพบข้อน่าสังเกต คือ เมื่อคนร้ายลงมือปฏิบัติการแล้ว ได้ขับรถมุ่งหน้ามายังสี่แยกบางลำภู แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปถึงบริเวณแยก 13 ห้าง มุ่งหน้าไปสี่แยกคอกวัว แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ขึ้นถนนบรมราชชนนี พุ่งตรงไปนั้น ชุดคลี่คลายคดีตั้งข้อสังเกตว่า เบื้องต้น หากรถคนร้ายมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดทั้งที่ยังมีอาวุธซุกซ่อนไปในรถจำนวนมาก หลังจากปฏิบัติการถล่มนายสนธิ เสร็จแล้ว จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเสี่ยงกับการถูกตรวจพบ เว้นเสียแต่ อาจมีใครคอยเปิดเส้นทางให้หลบหนี หรือหลังก่อเหตุแล้ว อาจจะหลบหนีเข้าไปกบดานยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะพากันแยกย้ายหนีไปภายหลัง
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ชุดสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ประกอบด้วย ทหาร 2 นาย และเป็นพลเรือน 1 คน แต่ไม่ระบุว่า สามารถนำตัวมาได้จากที่ใด ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 3 คน ถูกนำไปสอบสวนอย่างเข้มข้น ณ เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง
วานนี้(29 เม.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน(ผบก.พฐ.) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบวิถีกระสุนเพื่อคลี่คลายคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ขณะนี้ตำรวจทุกพื้นที่ ที่พบอาวุธปืนต้องสงสัยว่าอาจจะใช้ในการก่อเหตุยิงนายสนธิ ได้ทยอยส่งมาตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับรอยกระสุนบนรถของนายสนธิ ที่ถูกยิงแล้ว ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1-8 แต่ละสถานีว่าอาวุธปืนสงครามทั้งชนิด อาก้า เอชเค และเอ็ม 16 ที่ถูกนำมาใช้ยิง และปืนสงครามที่ยังไม่ถูกตรวจยึดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 52 จนถึงปัจจุบัน
"เมื่อวานนี้ได้ทำการตรวจสอบอาวุธปืนสงครามต้องสงสัยตำรวจพื้นที่ต่างๆ ส่งมาที่กองพิสูจน์หลักฐาน มีจำนวน 3 กระบอก เป็นต่างจังหวัดทั้งหมด คือ จ.ลพบุรี จ.ระยอง และจ.อุบลราชธานี โดยทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ทยอยตรวจปืนที่ส่งมาแล้ว"พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ และวิถีกระสุนจากรถยนต์ของนายสนธิ ที่ได้นำมาตรวจเกือบเสร็จสิ้นแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมทางกองพิสูจน์หลักฐานก็พร้อมที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้ พล.ต.อ.ธานี เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุมคนร้าย ส่วนที่เหลือคือต้องการข้อมูลจากในส่วนของผู้บาดเจ็บคือคนขับรถ และการ์ด มากที่สุด เพื่อนำมาพิสูจน์หาวิถีกระสุนสุดท้ายว่าคนร้ายยิงเข้ามาจากตรงจุดใดบ้าง ซึ่งได้รายงานปัญหานี้
ให้ พล.ต.อ.ธานี ทราบแล้วเพื่อสั่งการให้พนักงานสืบสวนสอบสวนประสานตรวจสอบรายละเอียดของบาดแผลผู้บาดเจ็บจากเจ้าตัว และแพทย์ต่อไป
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนการตรวจสอบบาดแผลเพื่อหาวิถีกระสุนจากนายสนธิ นั้น ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพราะเป็นบาดแผลที่เกิดจากสะเก็ดกระสุน ซึ่งไม่สามารถนำมาตรวจหาวิถีกระสุนได้
ส่วนความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีล่าสุด มีรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 -29 เม.ย.ไม่มีการประชุมใหญ่ชุดคลี่คลายคดี อันเนื่องมาจากชุดทำงานและสายสืบส่วนใหญ่ ถูกส่งลงไปยังพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เกือบครบชุด มีเพียงชุดสืบสวนชุดเดียวที่อยู่ในเขตนครบาล เพื่อเร่งคลี่คลายภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจับภาพรถกระบะมาสด้าไว้ได้ ซึ่งล่าสุด มีรายงานว่า ชุดสืบสวนชุดนี้ ได้ข้อสรุปแล้วว่า รถกระบะมาสด้าคันดังกล่าว ใครเป็นเจ้าของผู้ครอบครอง และอยู่ระหว่างการสืบสวน
ในเชิงลึกต่อไปว่า เจ้าของผู้ครอบครองรถกระบะมาสด้าคันดังกล่าว รู้จักและมีความสนิทชิดเชื้อกับทหารคนใดหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ชุดคลี่คลายคดีชุดใหญ่ที่ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นั้น สามารถรู้ตัวคนร้าย ทั้งคนรับงาน ทีมยิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนมีสีแล้ว โดยรายงานข่าวระบุว่า แม้จะรู้ตัวทีมยิงแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะสามารถสาวถึงผู้บงการตัวใหญ่ได้ เนื่องจาก การใช้ทีมงานให้ลงมือสังหารนายสนธิ ในครั้งนี้ เป็นเพียงมือสมัครเล่น เพื่อจุดประสงค์ไม่ให้ต้องการสาวถึงผู้บงการตัวจริง ในขณะเดียวกัน ไม่ได้มีการจ้างวานในลักษณะเหมือนการจ้างวานมือปืนรับจ้างทั่วไป แต่เป็นการสั่งบังคับ
เสียมากกว่าว่า "งานนี้ต้องทำ" เพราะหากมีการจ้างวานใช้มือปืนอาชีพแล้ว ภายหลังจากเสร็จงาน ความเคลื่อนไหวต่างๆย่อมไม่สามารถหลุดลอดสายตาของตำรวจได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทีมชุดคลี่คลายคดียังตรวจพบว่า เดิมที มีการจ้างวานให้นายทหารคนดังคนหนึ่งเป็นผู้รับงาน แต่ทว่า นายทหารคนดังกล่าวปฏิเสธ โดยอ้างว่า ทีมของตนไม่มีศักยภาพเพียงพอ ประกอบกับ หากเป็นผู้รับงานสังหารนายสนธิ จริง คงถูกเพ่งเล็งจากหลายฝ่าย ในขณะเดียวกัน ชุดคลี่คลายคดียังพบข้อน่าสังเกต คือ เมื่อคนร้ายลงมือปฏิบัติการแล้ว ได้ขับรถมุ่งหน้ามายังสี่แยกบางลำภู แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปถึงบริเวณแยก 13 ห้าง มุ่งหน้าไปสี่แยกคอกวัว แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ขึ้นถนนบรมราชชนนี พุ่งตรงไปนั้น ชุดคลี่คลายคดีตั้งข้อสังเกตว่า เบื้องต้น หากรถคนร้ายมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดทั้งที่ยังมีอาวุธซุกซ่อนไปในรถจำนวนมาก หลังจากปฏิบัติการถล่มนายสนธิ เสร็จแล้ว จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเสี่ยงกับการถูกตรวจพบ เว้นเสียแต่ อาจมีใครคอยเปิดเส้นทางให้หลบหนี หรือหลังก่อเหตุแล้ว อาจจะหลบหนีเข้าไปกบดานยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะพากันแยกย้ายหนีไปภายหลัง
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ชุดสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ประกอบด้วย ทหาร 2 นาย และเป็นพลเรือน 1 คน แต่ไม่ระบุว่า สามารถนำตัวมาได้จากที่ใด ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 3 คน ถูกนำไปสอบสวนอย่างเข้มข้น ณ เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง