“....สิ่งที่ผมอยากเสนอก็คือว่า กระผมได้ขอทุกพรรคการเมืองนะครับ และก็ไม่ขัดข้องที่ท่านสมาชิกวุฒิสภาจะมาร่วมด้วย ก็อยากจะเชิญท่านมาร่วมด้วยก็คือว่า ประเด็นคับข้องใจ หรือข้อคิดเห็นต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใดที่คิดว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นธรรม เอามาวางกันไว้ตรงหน้าให้เห็นทั้งหมดได้ไหมครับ สองอาทิตย์ ผมฟังแล้วขอเสนอต่อเลยว่า สองอาทิตย์วางไว้ให้ใครครับ ผมก็เสนอว่าท่านประธานรัฐสภา และวิปสามฝ่าย เอาข้อเสนอมาดูแล้วร่วมกันตัดสินใจว่าจะเดินอย่างไรต่อ จะใช้กลไกไหน จะไปสถาบันพระปกเกล้าไหม หรือจะให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หรือสภาฯ เป็นเจ้าภาพเอง หรือจะไปประชาพิจารณ์หรือจะไปประชามติ จะตั้งคณะกรรมการพิเศษผมรับได้ทั้งสิ้นครับ แล้วให้กลไกนี้ทำงานไปครับ เมื่อทำงานไปแล้วนำไปสู่การแก้ไขกติกา เป็นที่ยอมรับกับสภาพของการเมืองให้ลดความรุนแรงความขัดแย้งลงไปแล้ว ถ้าวันนั้นบอกว่าเอาล่ะมีกติกาใหม่แล้วต้องยุบสภาฯ ผมยินดีครับ ไม่มีปัญหาเลยครับ....”
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ /รัฐสภา 23 เม.ย.2552
นี่คือส่วนหนึ่งของสปีชที่ผมขอร่วมยืนยันว่าดีที่สุดของนายกฯ อภิสิทธิ์ นับแต่เป็นนายกฯ มา 4 เดือนเศษ เป็นคำพูดของบุคคลระดับนายกฯ ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ “เฉียดตาย” มา 3 ครั้งในห้วงเวลาไม่กี่วัน
มิใช่เพราะเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว หากแต่ใครได้ฟังในค่ำคืนนั้นก็ย่อมจะสัมผัสได้ว่าเป็นคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจ รื่นไหลไม่ติดขัด ไม่มีนำเสียงเล่นลิ้นหากแต่จริงใจจริงจัง...
เข้าทำนองว่า สุดยอดของแผน สุดยอดของเกม ไม่ใช่กระบวนท่าหรือวิชาไหมฟ้าที่ไหนหรอก หากแต่คือ...ความจริงและความจริงใจนั่นเอง ยิ่งถ้าความจริง ความจริงใจนั้นถูกต้องดีงามด้วยแล้วต้องบอกว่า...สุดยอดสุดๆ
คืนนั้นโดยสรุปนายกฯ เสนอตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรก เพื่อประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วง “สงกรานต์เลือด” ชุดที่สอง เพื่อแก้ไขกฎหมาย – รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก่อนที่จะยุบสภาฯเลือกตั้งกันใหม่...
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสะดุดมาครั้งหนึ่งแล้วว่าด้วยการปฏิรูปทางการเมือง โดยมอบให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพ และทางสถาบันมอบหมายให้ ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ เป็นประธาน บางฝ่ายโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเจ้าเก่าดูเหมือนจะไม่ร่วมสังฆกรรมโดยอ้างเหตุผลว่า ศ.ดร.สุจิตเป็นบุคคลที่เข้าร่วมกับขบวนการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพราะไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
เหตุการณ์ผ่านไปหลายสัปดาห์...สุดท้ายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ศ.ดร.สุจิตได้ประกาศถอนตัวเรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้ว
ผมไม่แน่ใจว่า คณะกรรมการพิเศษที่วิป 3 ฝ่ายได้ออกแบบขึ้นมาจะสามารถดำเนินการให้เป็นจริงตามข้อเสนอของนายกฯ อภิสิทธิ์จะสะดุดหยุดลงอีกหรือเปล่า เพราะท่าทีของพรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะไม่เล่นด้วยสักเท่าใดนัก บ้างก็ว่า..นี่คือเกมซื้อเวลาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ บ้างก็ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญก็ได้แต่ต้องใช้ร่างแก้ไขฉบับ “หมอเหวง” ที่เคยเสนอไปแล้วเท่านั้น...
มองภาพรวมแล้ว แม้ว่าเราจะเพิ่งผ่าน “สงกรานต์เลือด” วิกฤตสุดๆ ของประเทศมาหมาดๆ ก็ตาม แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายนัก
1) เพราะการเล่นเกม ตั้งแง่ของพรรคเพื่อไทย
2) การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากที่จะควบคุม กำหนดเฉพาะประเด็นที่เรียกกันว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตย” หากแต่นักการเมืองจำนวนหนึ่งมุ่งต่อรองประเด็นการนิรโทษกรรมความผิดทางการเมืองด้วย โดยเฉพาะการขอให้ปลดปล่อย 220 นักการเมืองที่ถูกเว้นวรรคหรือตัดสิทธิ ซึ่งประเด็นนี้มีกลุ่มพลังนอกสภาฯ พร้อมที่จะต่อต้านคัดค้านอยู่แล้ว
ฯลฯ
ในชั้นนี้ นาทีนี้ผมอยากเสนอความคิดเห็นผ่านไปยังพรรคเพื่อไทยด้วยน้ำใสใจจริงว่า น่าจะเลือกหนทางร่วมมือกับรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมขบวนแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยด่วนที่สุด ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งในแต่ละประการผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบายความให้ยืดยาวเยิ่นเย้อ..
1) สถานการณ์ของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นับวันจะยิ่งย่ำแย่ เพราะรังแต่จะทำลายตัวเอง ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของทักษิณกำลังใกล้อวสาน การณ์กำลังจะกลายเป็นว่า โลกกำลังล้อมทักษิณ เป้าหมายการลี้ภัยทางการเมืองกำลังจบสิ้น
2) การต่อสู้ใต้ดิน ตลอดจนแนวคิดการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คิดได้แต่ทำได้ยาก รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลทรราชที่เข่นฆ่าประชาชน
3) ถ้าเลือกตั้งใหม่ภายในเวลาที่ไม่นานเกินไปหรือภายในปีนี้ คะแนนนิยม คะแนนสงสารที่ประชาชนยังมีต่อทักษิณยังน่าจะเหนียวแน่นอยู่บ้าง โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งหรือเป็นแชมป์เลือกตั้งยังพอมี
4) สถานการณ์เศรษฐกิจภายในปีนี้ยังไม่ดีแน่นอน พรรคเพื่อไทยสามารถนำไปโฆษณาหาเสียงโจมตีได้บ้างว่า ฝีมือของรัฐบาลอภิสิทธิ์สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ถึงแม้พรรคเพื่อไทยไม่มีทักษิณมาลงเลือกตั้งด้วย แต่ทักษิณจะเป็นที่ปรึกษาให้พรรคเพื่อไทย..
5) การปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป มีโอกาสมากที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนจะปฏิบัติการ “นอกใจ” หรือปันใจไปอยู่พรรคภูมิใจไทย และไปลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทยในที่สุด พรรคเพื่อไทยต้องรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ล็อก” เงื่อนเวลาการย้ายพรรคให้ได้
ฯลฯ
อีกร้อยแปดเหตุผลที่ผมเห็นว่า...พรรคเพื่อไทยควรเข้าร่วมขบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องพ่วงประเด็นการนิรโทษกรรม 220 นักการเมืองเข้าไปด้วย เพราะจะทำให้ปัญหาบานปลาย และหากมองกันอย่างถึงที่สุดการปลดปล่อย 220 ชีวิตออกมา จะทำให้เกิดความยุ่งยากปั่นป่วนในพรรค ตั้งแต่พื้นที่สมัคร ส.ส.ตลอดจนตำแหน่ง –บทบาทในพรรค
ครับ ต้องแบบที่ “ท่านอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ณ บ้านเลขที่ 111 ว่าไว้นั่นแหละ..ในชั้นนี้ต้องแยกการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการนิรโทษกรรมก่อน
กล่าวโดยสรุปก็คือว่า....ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งก็ต้องกลับไปสู่สนามเลือกตั้ง เพราะหนทางอื่นมืดมิด ยิ่งสู้นอกสภาฯ ตามเกมทักษิณยิ่งกลายเป็นผู้ร้ายทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำลายบ้านเมือง พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ 26 มี.ค. – 14 เม.ย. 2552 ของการต่อสู้ภายใต้การชูธง “โค่นล้มอำมาตย์” มันคือการก้าวพลาด และพ่ายแพ้ทางการเมืองครั้งใหญ่ มันคือการทำลายพรรค ทำลายตัวเองและทำลายบ้านเมืองครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทยและคนชื่อทักษิณในนามของกองทัพคนเสื้อแดง...
ถ้าพรรคเพื่อไทยรักทักษิณ รักบ้านรักเมือง รักสถาบันมหากษัตริย์ ก็บอกให้ทักษิณหยุดพัก..หยุดรบกับประเทศของตัวเอง ส่วนบรรดาท่านส.ส.ไทยรักไทยก็หันมาตรวจสอบการปฏิบัติราชการบริหารแผ่นดินของรัฐบาล หันมาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เดินหน้าไปอย่างรอบคอบ รวดเร็ว ไม่ให้เป็นเพียงการซื้อเวลาของรัฐบาลอย่างที่พวกท่านกล่าวหา...
นี่คือทางสวรรค์ ไม่ใช่ทางนรกอย่างแน่นอน!!
samr_rod@hotmil.com
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ /รัฐสภา 23 เม.ย.2552
นี่คือส่วนหนึ่งของสปีชที่ผมขอร่วมยืนยันว่าดีที่สุดของนายกฯ อภิสิทธิ์ นับแต่เป็นนายกฯ มา 4 เดือนเศษ เป็นคำพูดของบุคคลระดับนายกฯ ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ “เฉียดตาย” มา 3 ครั้งในห้วงเวลาไม่กี่วัน
มิใช่เพราะเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว หากแต่ใครได้ฟังในค่ำคืนนั้นก็ย่อมจะสัมผัสได้ว่าเป็นคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจ รื่นไหลไม่ติดขัด ไม่มีนำเสียงเล่นลิ้นหากแต่จริงใจจริงจัง...
เข้าทำนองว่า สุดยอดของแผน สุดยอดของเกม ไม่ใช่กระบวนท่าหรือวิชาไหมฟ้าที่ไหนหรอก หากแต่คือ...ความจริงและความจริงใจนั่นเอง ยิ่งถ้าความจริง ความจริงใจนั้นถูกต้องดีงามด้วยแล้วต้องบอกว่า...สุดยอดสุดๆ
คืนนั้นโดยสรุปนายกฯ เสนอตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรก เพื่อประมวลตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วง “สงกรานต์เลือด” ชุดที่สอง เพื่อแก้ไขกฎหมาย – รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก่อนที่จะยุบสภาฯเลือกตั้งกันใหม่...
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสะดุดมาครั้งหนึ่งแล้วว่าด้วยการปฏิรูปทางการเมือง โดยมอบให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพ และทางสถาบันมอบหมายให้ ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ เป็นประธาน บางฝ่ายโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเจ้าเก่าดูเหมือนจะไม่ร่วมสังฆกรรมโดยอ้างเหตุผลว่า ศ.ดร.สุจิตเป็นบุคคลที่เข้าร่วมกับขบวนการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพราะไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
เหตุการณ์ผ่านไปหลายสัปดาห์...สุดท้ายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ศ.ดร.สุจิตได้ประกาศถอนตัวเรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้ว
ผมไม่แน่ใจว่า คณะกรรมการพิเศษที่วิป 3 ฝ่ายได้ออกแบบขึ้นมาจะสามารถดำเนินการให้เป็นจริงตามข้อเสนอของนายกฯ อภิสิทธิ์จะสะดุดหยุดลงอีกหรือเปล่า เพราะท่าทีของพรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะไม่เล่นด้วยสักเท่าใดนัก บ้างก็ว่า..นี่คือเกมซื้อเวลาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ บ้างก็ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญก็ได้แต่ต้องใช้ร่างแก้ไขฉบับ “หมอเหวง” ที่เคยเสนอไปแล้วเท่านั้น...
มองภาพรวมแล้ว แม้ว่าเราจะเพิ่งผ่าน “สงกรานต์เลือด” วิกฤตสุดๆ ของประเทศมาหมาดๆ ก็ตาม แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายนัก
1) เพราะการเล่นเกม ตั้งแง่ของพรรคเพื่อไทย
2) การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากที่จะควบคุม กำหนดเฉพาะประเด็นที่เรียกกันว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตย” หากแต่นักการเมืองจำนวนหนึ่งมุ่งต่อรองประเด็นการนิรโทษกรรมความผิดทางการเมืองด้วย โดยเฉพาะการขอให้ปลดปล่อย 220 นักการเมืองที่ถูกเว้นวรรคหรือตัดสิทธิ ซึ่งประเด็นนี้มีกลุ่มพลังนอกสภาฯ พร้อมที่จะต่อต้านคัดค้านอยู่แล้ว
ฯลฯ
ในชั้นนี้ นาทีนี้ผมอยากเสนอความคิดเห็นผ่านไปยังพรรคเพื่อไทยด้วยน้ำใสใจจริงว่า น่าจะเลือกหนทางร่วมมือกับรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมขบวนแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยด่วนที่สุด ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งในแต่ละประการผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบายความให้ยืดยาวเยิ่นเย้อ..
1) สถานการณ์ของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นับวันจะยิ่งย่ำแย่ เพราะรังแต่จะทำลายตัวเอง ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของทักษิณกำลังใกล้อวสาน การณ์กำลังจะกลายเป็นว่า โลกกำลังล้อมทักษิณ เป้าหมายการลี้ภัยทางการเมืองกำลังจบสิ้น
2) การต่อสู้ใต้ดิน ตลอดจนแนวคิดการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คิดได้แต่ทำได้ยาก รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลทรราชที่เข่นฆ่าประชาชน
3) ถ้าเลือกตั้งใหม่ภายในเวลาที่ไม่นานเกินไปหรือภายในปีนี้ คะแนนนิยม คะแนนสงสารที่ประชาชนยังมีต่อทักษิณยังน่าจะเหนียวแน่นอยู่บ้าง โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งหรือเป็นแชมป์เลือกตั้งยังพอมี
4) สถานการณ์เศรษฐกิจภายในปีนี้ยังไม่ดีแน่นอน พรรคเพื่อไทยสามารถนำไปโฆษณาหาเสียงโจมตีได้บ้างว่า ฝีมือของรัฐบาลอภิสิทธิ์สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ถึงแม้พรรคเพื่อไทยไม่มีทักษิณมาลงเลือกตั้งด้วย แต่ทักษิณจะเป็นที่ปรึกษาให้พรรคเพื่อไทย..
5) การปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป มีโอกาสมากที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนจะปฏิบัติการ “นอกใจ” หรือปันใจไปอยู่พรรคภูมิใจไทย และไปลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทยในที่สุด พรรคเพื่อไทยต้องรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ล็อก” เงื่อนเวลาการย้ายพรรคให้ได้
ฯลฯ
อีกร้อยแปดเหตุผลที่ผมเห็นว่า...พรรคเพื่อไทยควรเข้าร่วมขบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องพ่วงประเด็นการนิรโทษกรรม 220 นักการเมืองเข้าไปด้วย เพราะจะทำให้ปัญหาบานปลาย และหากมองกันอย่างถึงที่สุดการปลดปล่อย 220 ชีวิตออกมา จะทำให้เกิดความยุ่งยากปั่นป่วนในพรรค ตั้งแต่พื้นที่สมัคร ส.ส.ตลอดจนตำแหน่ง –บทบาทในพรรค
ครับ ต้องแบบที่ “ท่านอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ณ บ้านเลขที่ 111 ว่าไว้นั่นแหละ..ในชั้นนี้ต้องแยกการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการนิรโทษกรรมก่อน
กล่าวโดยสรุปก็คือว่า....ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งก็ต้องกลับไปสู่สนามเลือกตั้ง เพราะหนทางอื่นมืดมิด ยิ่งสู้นอกสภาฯ ตามเกมทักษิณยิ่งกลายเป็นผู้ร้ายทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำลายบ้านเมือง พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ 26 มี.ค. – 14 เม.ย. 2552 ของการต่อสู้ภายใต้การชูธง “โค่นล้มอำมาตย์” มันคือการก้าวพลาด และพ่ายแพ้ทางการเมืองครั้งใหญ่ มันคือการทำลายพรรค ทำลายตัวเองและทำลายบ้านเมืองครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทยและคนชื่อทักษิณในนามของกองทัพคนเสื้อแดง...
ถ้าพรรคเพื่อไทยรักทักษิณ รักบ้านรักเมือง รักสถาบันมหากษัตริย์ ก็บอกให้ทักษิณหยุดพัก..หยุดรบกับประเทศของตัวเอง ส่วนบรรดาท่านส.ส.ไทยรักไทยก็หันมาตรวจสอบการปฏิบัติราชการบริหารแผ่นดินของรัฐบาล หันมาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เดินหน้าไปอย่างรอบคอบ รวดเร็ว ไม่ให้เป็นเพียงการซื้อเวลาของรัฐบาลอย่างที่พวกท่านกล่าวหา...
นี่คือทางสวรรค์ ไม่ใช่ทางนรกอย่างแน่นอน!!
samr_rod@hotmil.com