นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งข้าพเจ้า ได้แนะท่านมาตลอด ด้วยความรักชาติและจริงใจต่อท่านนายกฯ แต่วันนี้รู้สึกเสียดาย เชื่อว่าท่านคงไม่มีเวลาได้อ่าน ได้ตริตรอง ท่านนายกฯ จึงได้เป็นผู้นำเสนอเปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ฝ่ายต่างๆ เสนอมาว่า จะแก้ไขประเด็นใดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียที่ท่านนายกฯ ยังมองไม่เห็นว่า การทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน สร้างความเห็นถูกทางการเมืองโดยธรรม สู่ความยิ่งใหญ่ของชาติ นั้นควรจะทำอย่างไร
ประเทศทั่วโลกต่างก็ถือว่า ความมั่นคงของชาติเป็นกฎหมายสูงสุด แม้จะบัญญัติหรือไม่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ตาม แต่ผู้ปกครองไทย นักวิชาการ สื่อมวลชน สอนกันมาผิดๆ อย่างร้ายแรงว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และรัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยขัดแย้งกับเรื่องรัฐธรรมนูญทุกฉบับ นับแต่ฉบับแรกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และการครอบงำให้เห็นผิดอย่างร้ายกาจที่สุดคือ สร้างอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญตั้งอยู่กลางใจเมือง แล้วตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คนโดยทั่วไปเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญคือประชาธิปไตย ผู้มีปัญญาต่างก็ประจักษ์กันแล้วว่า แนวคิดหรือลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นลัทธิเผด็จการที่ซ่อนเร้นอย่างร้ายกาจที่สุด สอนให้เชื่อว่า รัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย คือ ลัทธิอุบาทว์ที่ทำลายชาติของตนเอง สร้างความเห็นผิดทางการเมืองมาตลอดร่วม 77 ปี กระทั่งมีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก คิดดูเถิด ตรองดูเถิด ผู้ปกครองชุดไหนๆ ก็ยังจมปลักอยู่กับลัทธิรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ มีแต่เพียงด้านวิธีการปกครอง (Methods of Government) แต่ขาดด้านหลักการปกครอง (Principle of Government) หมายความว่ามีแต่หนทาง (วิธีการ) แต่ไม่มีจุดมุ่งหมายสภาพเป็นเช่นนี้แล้วจะนำพาประเทศชาติไปทางไหน มันจึงนำไปตกเหวทุกครั้งไป สับสนไปหมด ความขัดแย้งทางการเมืองของชนในชาติก็ขยายกว้างขึ้นๆ แต่ก็เป็นความขัดแย้งอยู่ในวงจรอุบาทว์ อยู่ในวงจรของความเห็นผิดอย่างร้ายกาจ คือทุกฝ่ายต่างก็มีแนวคิดรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง
ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือ “รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” ประเทศเผด็จการคอมมิวนิสต์ ก็มีรัฐธรรมนูญ การทำให้ถูกต้องคือ ก่อนอื่นต้องร่วมมือกันเสนอ ผลักดันสถาปนาระบอบหรือหลักการปกครองขึ้นมาก่อน หลักการเป็นอย่างไร ระบอบก็เป็นอย่างนั้น จากนั่นจึงร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง จึงจะเป็นภารกิจที่ถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ตกไปได้ง่ายๆ แต่ผู้ปกครองกลับมองไม่เห็น เป็นเพราะอะไร ช่วยกันถามหน่อยเถิด
ปัญญาง่ายๆ เรามาหาฝ่ายที่ทำถูกต้องกันดีกว่าไหม ร่วมกันสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ จะเป็นเหตุให้ผ่านพ้นลัทธิรัฐธรรมนูญอันชั่วร้ายสู่หลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรม
ดวงอาทิตย์ มาก่อนดาวเคราะห์
พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรม ก่อนพระวินัย
พระพุทธเจ้า มาก่อนพระอรหันตสาวก
จุดมุ่งหมาย ต้องมาก่อนมรรควิธี
ยุทธศาสตร์ ต้องมาก่อนยุทธวิธี
ประมุขแห่งรัฐ ต้องมาก่อนนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี มาก่อนรัฐมนตรี
ธรรม ปรัชญา ต้องมาก่อนการเมือง
การเมือง ต้องมาก่อนรัฐศาสตร์
รัฐศาสตร์ ต้องมาก่อนนิติศาสตร์
หลักการปกครอง ต้องมาก่อนวิธีการปกครอง นี่คือสัมพันธภาพที่ถูกต้องโดยธรรม ฉันใด
หลักการปกครอง (ระบอบ) ต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญฉันนั้น
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ของง่ายๆ แต่ผู้ปกครองไทยเห็นผิด จมปลักอยู่กับลัทธิรัฐธรรมนูญ มายาวนานร่วม 77 ปีแล้ว จึงเป็นภารกิจอันยิ่งยวดของผู้นำโดยธรรม ที่มีสัมมาทิฐิ ที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความถูกต้องขึ้นในแผ่นดิน ก่อนสิ่งใดทั้งหมดคือการผลักดัน สถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม หรือการสถาปนาระบอบโดยธรรม ให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน จนกระทั่งประชาชนเข้าใจเรื่องหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ โดยธรรม แยกออกจากรัฐธรรมนูญให้ได้เสียก่อน จึงค่อยคิดแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครองฯ ในภายหลัง ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ชัดว่า
ดาวเคราะห์ทั้งหลาย ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ ก็ต้องพินาศ
วัว ถ้าไม่มีหลักผูก ก็คงเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย
ดอกไม้ ถ้าไม่มีด้ายร้อยไว้ ก็กระจัดกระจายสับสน
การเมือง การปกครองใดไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม จะนำซึ่งความพินาศมาให้อย่างไม่รู้จบสิ้น
การเมือง การปกครอง ที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม มันจึงเป็นระบอบเผด็จการอย่างหนึ่ง ที่ซ่อนเร้นอย่างร้ายกาจที่สุด สร้างความสับสนโกลาหลขนานใหญ่เป็นวงจรโคตรอุบาทว์ครอบงำชาติ จะเป็นเหตุให้ประเทศชาติวิบัติหายนะหนักยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น
ปัญญาอันเป็นแก่นแท้ของชาติชาวไทยร่วม 94.75% นับถือพระพุทธศาสนาและเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาแต่โบราณกาล จึงควรพิจารณาหลักการและวิธีการของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าสอนพระธรรมก่อน (ระบอบ) ต่อเมื่อสาวกมากขึ้นจึงค่อยๆบัญญัติพระวินัย (ธรรมนูญ) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามข้อเท็จจริงที่สาวกบางรูปปฏิบัติอันไม่สมควรแก่สมณสารูป
สมมติว่า ถ้าพระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยก่อนป่านนี้พระพุทธศาสนาก็คงไม่เกิดขึ้นมาในโลกเป็นแน่แท้ ฉันใด การบัญญัติและแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีหลักการปกครองมาก่อน ก็คือความพินาศ ฉันนั้น
ดังนั้น การเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ดังกล่าว โดยจัดความสัมพันธ์อย่างถูกต้อง คือ
1) สร้างหลักการปกครองโดยธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาก่อน
2) จัดทำวิธีการปกครอง ได้แก่รัฐธรรมนูญ หมวดและมาตราต่างๆ ขึ้นมาภายหลัง โดยมาตราต่างๆ จะต้องไม่ขัดกับหลักการปกครองนั้นๆ
การจัดความสัมพันธ์ของระบอบการเมืองโดยธรรม มีความสัมพันธ์ 2 ส่วนระหว่างด้านหลักการปกครองกับด้านวิธีการปกครอง หรือระหว่างด้านจุดมุ่งหมายการปกครอง กับด้านมรรควิธีการปกครอง คือเมื่อมีหลักการปกครอง วิธีการปกครองก็ต้องขึ้นต่อหลักการปกครองเสมอไป หรือหลักการเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดวิธีการที่ถูกต้อง “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงมี”
อีกนัยหนึ่งด้านหลักการเป็นด้านปฐมภูมิ และด้านวิธีการเป็นด้านทุติยภูมิ หรือหลักการเป็นเหตุ ส่วนวิธีการเป็นผล
แบบอย่างจากต่างประเทศ
ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างระบอบประชาธิปไตย โดยมีรูปการปกครองระบบประธานาธิบดี ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยใช้เวลาสร้างระบอบประมาณ 14 ปี จึงจะได้ร่างรัฐธรรมนูญเฟสเดอรัลสเตท (Federal state) เป็นผลสำเร็จ (ค.ศ. 1776 – 1789)
ประเทศมาเลเซีย ผู้นำและประชาชนร่วมกันปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชาติและได้เอกราชจากประเทศอังกฤษ ปี 2497 (1957) สร้างระบอบประชาธิปไตยแบบมาเลเซีย ใช้เวลาถึง 8 ปี ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2506 (1963) ประเทศก็ราบรื่นก้าวหน้ามาตลอด กระทั่งก้าวหน้ากว่าประเทศไทย อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งที่เป็นประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็เพราะเขาสร้างระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและสำเร็จนั่นเอง และมีข้อสังเกตว่า นับแต่ พ. ศ. 2506 เป็นต้นมา 46 ปีแล้ว ประเทศมาเลเซียไม่เคยมีกบฏ หรือรัฐประหารเลย
ประเทศลาว พรรคคอมมิวนิสต์ลาวได้รับชัยชนะในสงครามปฏิวัติ ในปี 2518 (1975) พรรคคอมมิวนิสต์ลาวได้สร้างระบอบการเมืองสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบลาว และกำหนดระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบลาว ใช้เวลาถึง 16 ปี โดยประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี 2534 (1991) และมีข้อสังเกตว่า จนถึงปัจจุบันประเทศลาวยังไม่เคยมีกบฏ หรือรัฐประหารเกิดขึ้นเลย
เป็นที่ชัดเจนว่าการเมืองการปกครองไทยที่เป็นอยู่ ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศในแต่ละชุดล้วนไม่มีเสถียรภาพ แก้เหตุวิกฤตชาติไม่ได้ เว้นแต่ผู้มีอำนาจโดยธรรม ใช้อำนาจแก้ไขจัดความสัมพันธ์ของระบอบการเมืองให้ถูกต้องโดยธรรม ก็จะทำให้การเมืองไทยเป็นไปอย่างราบรื่น รัฐบาลจะมีเสถียรภาพ การแก้เหตุแห่งปัญหาทั้งปวงก็จะสำเร็จลงได้ ทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ร่มเย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ น่าจะเข้าใจนะ หรือว่า “มีอำนาจ มีโอกาส แต่ขาดปัญญา ซ้ำรอยเดิม ย้ำรอยวงจรอุบาทว์ กันต่อไป”
ประเทศทั่วโลกต่างก็ถือว่า ความมั่นคงของชาติเป็นกฎหมายสูงสุด แม้จะบัญญัติหรือไม่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ตาม แต่ผู้ปกครองไทย นักวิชาการ สื่อมวลชน สอนกันมาผิดๆ อย่างร้ายแรงว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และรัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยขัดแย้งกับเรื่องรัฐธรรมนูญทุกฉบับ นับแต่ฉบับแรกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และการครอบงำให้เห็นผิดอย่างร้ายกาจที่สุดคือ สร้างอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญตั้งอยู่กลางใจเมือง แล้วตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คนโดยทั่วไปเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญคือประชาธิปไตย ผู้มีปัญญาต่างก็ประจักษ์กันแล้วว่า แนวคิดหรือลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นลัทธิเผด็จการที่ซ่อนเร้นอย่างร้ายกาจที่สุด สอนให้เชื่อว่า รัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย คือ ลัทธิอุบาทว์ที่ทำลายชาติของตนเอง สร้างความเห็นผิดทางการเมืองมาตลอดร่วม 77 ปี กระทั่งมีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก คิดดูเถิด ตรองดูเถิด ผู้ปกครองชุดไหนๆ ก็ยังจมปลักอยู่กับลัทธิรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ มีแต่เพียงด้านวิธีการปกครอง (Methods of Government) แต่ขาดด้านหลักการปกครอง (Principle of Government) หมายความว่ามีแต่หนทาง (วิธีการ) แต่ไม่มีจุดมุ่งหมายสภาพเป็นเช่นนี้แล้วจะนำพาประเทศชาติไปทางไหน มันจึงนำไปตกเหวทุกครั้งไป สับสนไปหมด ความขัดแย้งทางการเมืองของชนในชาติก็ขยายกว้างขึ้นๆ แต่ก็เป็นความขัดแย้งอยู่ในวงจรอุบาทว์ อยู่ในวงจรของความเห็นผิดอย่างร้ายกาจ คือทุกฝ่ายต่างก็มีแนวคิดรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง
ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือ “รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” ประเทศเผด็จการคอมมิวนิสต์ ก็มีรัฐธรรมนูญ การทำให้ถูกต้องคือ ก่อนอื่นต้องร่วมมือกันเสนอ ผลักดันสถาปนาระบอบหรือหลักการปกครองขึ้นมาก่อน หลักการเป็นอย่างไร ระบอบก็เป็นอย่างนั้น จากนั่นจึงร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง จึงจะเป็นภารกิจที่ถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ตกไปได้ง่ายๆ แต่ผู้ปกครองกลับมองไม่เห็น เป็นเพราะอะไร ช่วยกันถามหน่อยเถิด
ปัญญาง่ายๆ เรามาหาฝ่ายที่ทำถูกต้องกันดีกว่าไหม ร่วมกันสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ จะเป็นเหตุให้ผ่านพ้นลัทธิรัฐธรรมนูญอันชั่วร้ายสู่หลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรม
ดวงอาทิตย์ มาก่อนดาวเคราะห์
พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรม ก่อนพระวินัย
พระพุทธเจ้า มาก่อนพระอรหันตสาวก
จุดมุ่งหมาย ต้องมาก่อนมรรควิธี
ยุทธศาสตร์ ต้องมาก่อนยุทธวิธี
ประมุขแห่งรัฐ ต้องมาก่อนนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี มาก่อนรัฐมนตรี
ธรรม ปรัชญา ต้องมาก่อนการเมือง
การเมือง ต้องมาก่อนรัฐศาสตร์
รัฐศาสตร์ ต้องมาก่อนนิติศาสตร์
หลักการปกครอง ต้องมาก่อนวิธีการปกครอง นี่คือสัมพันธภาพที่ถูกต้องโดยธรรม ฉันใด
หลักการปกครอง (ระบอบ) ต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญฉันนั้น
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ของง่ายๆ แต่ผู้ปกครองไทยเห็นผิด จมปลักอยู่กับลัทธิรัฐธรรมนูญ มายาวนานร่วม 77 ปีแล้ว จึงเป็นภารกิจอันยิ่งยวดของผู้นำโดยธรรม ที่มีสัมมาทิฐิ ที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความถูกต้องขึ้นในแผ่นดิน ก่อนสิ่งใดทั้งหมดคือการผลักดัน สถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม หรือการสถาปนาระบอบโดยธรรม ให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน จนกระทั่งประชาชนเข้าใจเรื่องหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ โดยธรรม แยกออกจากรัฐธรรมนูญให้ได้เสียก่อน จึงค่อยคิดแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครองฯ ในภายหลัง ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ชัดว่า
ดาวเคราะห์ทั้งหลาย ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ ก็ต้องพินาศ
วัว ถ้าไม่มีหลักผูก ก็คงเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย
ดอกไม้ ถ้าไม่มีด้ายร้อยไว้ ก็กระจัดกระจายสับสน
การเมือง การปกครองใดไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม จะนำซึ่งความพินาศมาให้อย่างไม่รู้จบสิ้น
การเมือง การปกครอง ที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม มันจึงเป็นระบอบเผด็จการอย่างหนึ่ง ที่ซ่อนเร้นอย่างร้ายกาจที่สุด สร้างความสับสนโกลาหลขนานใหญ่เป็นวงจรโคตรอุบาทว์ครอบงำชาติ จะเป็นเหตุให้ประเทศชาติวิบัติหายนะหนักยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น
ปัญญาอันเป็นแก่นแท้ของชาติชาวไทยร่วม 94.75% นับถือพระพุทธศาสนาและเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาแต่โบราณกาล จึงควรพิจารณาหลักการและวิธีการของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าสอนพระธรรมก่อน (ระบอบ) ต่อเมื่อสาวกมากขึ้นจึงค่อยๆบัญญัติพระวินัย (ธรรมนูญ) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามข้อเท็จจริงที่สาวกบางรูปปฏิบัติอันไม่สมควรแก่สมณสารูป
สมมติว่า ถ้าพระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยก่อนป่านนี้พระพุทธศาสนาก็คงไม่เกิดขึ้นมาในโลกเป็นแน่แท้ ฉันใด การบัญญัติและแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีหลักการปกครองมาก่อน ก็คือความพินาศ ฉันนั้น
ดังนั้น การเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ดังกล่าว โดยจัดความสัมพันธ์อย่างถูกต้อง คือ
1) สร้างหลักการปกครองโดยธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาก่อน
2) จัดทำวิธีการปกครอง ได้แก่รัฐธรรมนูญ หมวดและมาตราต่างๆ ขึ้นมาภายหลัง โดยมาตราต่างๆ จะต้องไม่ขัดกับหลักการปกครองนั้นๆ
การจัดความสัมพันธ์ของระบอบการเมืองโดยธรรม มีความสัมพันธ์ 2 ส่วนระหว่างด้านหลักการปกครองกับด้านวิธีการปกครอง หรือระหว่างด้านจุดมุ่งหมายการปกครอง กับด้านมรรควิธีการปกครอง คือเมื่อมีหลักการปกครอง วิธีการปกครองก็ต้องขึ้นต่อหลักการปกครองเสมอไป หรือหลักการเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดวิธีการที่ถูกต้อง “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงมี”
อีกนัยหนึ่งด้านหลักการเป็นด้านปฐมภูมิ และด้านวิธีการเป็นด้านทุติยภูมิ หรือหลักการเป็นเหตุ ส่วนวิธีการเป็นผล
แบบอย่างจากต่างประเทศ
ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างระบอบประชาธิปไตย โดยมีรูปการปกครองระบบประธานาธิบดี ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยใช้เวลาสร้างระบอบประมาณ 14 ปี จึงจะได้ร่างรัฐธรรมนูญเฟสเดอรัลสเตท (Federal state) เป็นผลสำเร็จ (ค.ศ. 1776 – 1789)
ประเทศมาเลเซีย ผู้นำและประชาชนร่วมกันปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชาติและได้เอกราชจากประเทศอังกฤษ ปี 2497 (1957) สร้างระบอบประชาธิปไตยแบบมาเลเซีย ใช้เวลาถึง 8 ปี ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2506 (1963) ประเทศก็ราบรื่นก้าวหน้ามาตลอด กระทั่งก้าวหน้ากว่าประเทศไทย อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งที่เป็นประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็เพราะเขาสร้างระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและสำเร็จนั่นเอง และมีข้อสังเกตว่า นับแต่ พ. ศ. 2506 เป็นต้นมา 46 ปีแล้ว ประเทศมาเลเซียไม่เคยมีกบฏ หรือรัฐประหารเลย
ประเทศลาว พรรคคอมมิวนิสต์ลาวได้รับชัยชนะในสงครามปฏิวัติ ในปี 2518 (1975) พรรคคอมมิวนิสต์ลาวได้สร้างระบอบการเมืองสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบลาว และกำหนดระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบลาว ใช้เวลาถึง 16 ปี โดยประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี 2534 (1991) และมีข้อสังเกตว่า จนถึงปัจจุบันประเทศลาวยังไม่เคยมีกบฏ หรือรัฐประหารเกิดขึ้นเลย
เป็นที่ชัดเจนว่าการเมืองการปกครองไทยที่เป็นอยู่ ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศในแต่ละชุดล้วนไม่มีเสถียรภาพ แก้เหตุวิกฤตชาติไม่ได้ เว้นแต่ผู้มีอำนาจโดยธรรม ใช้อำนาจแก้ไขจัดความสัมพันธ์ของระบอบการเมืองให้ถูกต้องโดยธรรม ก็จะทำให้การเมืองไทยเป็นไปอย่างราบรื่น รัฐบาลจะมีเสถียรภาพ การแก้เหตุแห่งปัญหาทั้งปวงก็จะสำเร็จลงได้ ทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ร่มเย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ น่าจะเข้าใจนะ หรือว่า “มีอำนาจ มีโอกาส แต่ขาดปัญญา ซ้ำรอยเดิม ย้ำรอยวงจรอุบาทว์ กันต่อไป”