ข่าวปฏิบัติการไล่ล่าอย่างไม่ลดละนักโทษชายหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร” ประเมินแล้วคงยากจะจับได้ไล่ทัน ด้วยที่เหลี่ยมแพรวพราว และถุงเงินแม้ร่อยหรอก็ยังพอจะยกโคตรตระกูลเผ่นไปเสพสุขได้ให้สุดหล้าฟ้าเขียว
เผลอๆป่านนี้จะใช้วิธีตามถนัด ซิกแซกแปรทุนเป็นพาสปอร์ตซักเล่ม จากเผ่าใดเผาหนึ่งในทวีปแอฟริกา ได้ชื่อเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ นุ่งผ้าเตี่ยว ถือหอกถือทวน ปากร้องวู้ๆๆๆ อย่าง เนียนๆ อยู่กับเผ่าไหนแล้วก็ไม่รู้?
เอาเป็นว่า ที่ไล่ล่าไม่ยาก ก็ต้อง“ทรราชตัวลูก” จักรภพ เพ็ญแข ที่ถึงยังไงก็ไปได้ไม่ไกลจากเมืองแสงสีศิวิไลซ์ พื้นที่ไม่มีบูธขายเครื่องประทินผิว หน้าขาวนวล และสถานบันเทิงระบายความใคร่ ประเภทสปา หรือบาร์ผู้ชายขายตัวคงอยู่ไม่ได้
เพราะ“เปิดตูด”โกยแนบไปตั้งแต่ม็อบเสื้อแดง ที่ตัวเองปลุกปั่นก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง พอทหารเอาจริงเข้าหน่อย เล่นบท“พรางชมพู” มุดหนีลงรู ยังมีหน้าออกมาให้สัมภาษณ์สื่อหัวนอก เย้ยทางการไทย จะเปิด“ปฏิบัติการตัวตุ่น” อยู่ในรู ปลุกผู้คนจับอาวุธเข้าสู้กับรัฐบาล
ประกาศแนวรบชัดเจน สู้แบบ“ผู้ก่อการร้าย”เต็มตัว
ตรงนี้ขอเป็นสปายติดตามความเคลื่อนไหว ของ“นักรบหน้าผ่อง”ไปตั้งฐานบัญชาการอยู่ซอกหลืบไหน มาให้หน่วยงานทางการไทยไปติดตามไล่ล่าตัวมารับผิดตามกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุด ที่สายข่าวแจ้ง เห็นตูดไหวๆ หน้าละม้ายคล้ายนายจักรภพ กำลังป่ายปีนขึ้นเรือประมงลำโต มุ่งตรงไปสู่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อไม่กี่วันมานี้
หลังจากเมื่อคืนวันที่12 เมษายน วันแดงเดือดถึงขั้นขีดสุด ขณะที่ทหารก็ล้อมปราบกะเผด็จศึกกลุ่มแดงคลั่งที่ตั้งเวทีอยู่ข้างทำเนียบฯ “จักรภพ” อาศัยช่วงชุลมุน ตีฝ่าวงล้อมของเพื่อนฝูงเพื่อนอุดมการณ์ “สู้แล้วรวย” ออกไป แบบใครถามก็ไม่ยอมตอบว่าจะไปไหน-ไม่ยอมชวน ?
ที่ว่า เผ่นเข้าชายแดนเขมรบ้าง ผ่านสิงคโปร์บ้าง มุดทางฝั่งพม่าก็มี แต่ที่แท้“จักรภพ”ไปไหนไม่ไกล นั่งรถลงใต้ ไปปักหลักอยู่ที่จังหวัดตรัง ปลายจมูกทางการไทย ใกล้แค่นี้เอง
อาศัยเส้นสายคนรู้จัก แวะหลบภัยที่ไม่สามารถหลบกรรมที่ทำโฉดชั่วต่อบ้านเมืองได้ อยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่อำเภอปะเหลียน รีสอร์ตที่เจ้าของเป็นอดีตคนติดสีกากี นายตำรวจเก่า
ซุ่มอยู่แต่ในที่พัก ส่วนการต่อสายออนไลน์เจ้าของรีสอร์ตช่วยอำนวยความสะดวก จนสามารถซ่าได้ไม่หยุด เปิดปากให้สัมภาษณ์ข้ามซีกโลก โจมตีรัฐบาลทางการไทยได้หลายวัน หลายสื่อ อวดอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยเทียมๆ ปลุกเร้าชาวเสื้อแดง-จะจับอาวุธขึ้นสู้
กว่าจะมีคนรู้ คนเห็น “จักรภพ” โดดขึ้นเรือที่รอรับ บ่ายหน้าไปต่อที่เกาะดังของมาเลเซีย เพื่อรอย้ายถิ่นจรจัดอีกครั้งในเร็วๆนี้
หากทราบความเคลื่อนไหวอีกเมื่อไร รับรองจะรีบมารายงานต่อทีมปฏิบัติการไล่ล่านักรบ“แดงแต๋วแหวว”แน่ๆ
จบจากเรื่องของ “นักรบหน้าผ่อง” ที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมือง ก็มาว่ากันถึงสถานการณ์ “อาณาจักรแห่งความกลัว” รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านอยู่ในบ้านเมืองของเราในยามนี้ จากปฏิบัติการโฉด “หมาลอบกัด” ที่กระทำกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
การสืบสวนสอบสวนที่ขีดวงจนใกล้จะถึงตัว “ไอ้เหี้ยม” ผู้บงการตัวใหญ่แล้ว จะ“สีไหน”จำพวกที่มักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่สนวิธีการ หรือจะเป็นการสมคบคิดการฆ่า“กฐินหมู่” ไม่นานก็จะได้รู้กัน
“ประดาบ”ก็ย่อม“เลือดเดือด”
และต้องขอบอกว่า เป้าหมายที่ผู้บงการต้องการให้กลายเป็น “เหยื่อสังหาร”ไม่ได้มีแค่ สนธิ ลิ้มทองกุล รายเดียว เพราะชื่อที่อยู่ในแฟ้มสังหาร “โป้งปิดบัญชี” ของชาวคณะทมิฬ กระหายเลือดหิวอำนาจ
ไม่หมดแค่นี้
ข้อมูลที่ได้รับมา ตรงกับปากคำที่ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ช่วงปฏิบัติภารกิจอยู่ในต่างประเทศ ระบุที่อยู่ในเป้าหมายก่อเหตุสะเทือนขวัญ หมายเอาชีวิตอีก 4 ราย
นอกจาก “สนธิ” ยังมีนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ-กษิต ภิรมย์ แม้กระทั่ง กรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ก็คืออีกหนึ่งเป้าหมาย กระทั่งแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ใช่แค่ “ส.” ที่อยู่ในข่ายต้องระวังตัวเช่นกัน
ไม่ใช่มุกเก่าๆ หวังสร้างภาพเป็นแน่ กับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่วันนี้ตื่นตัว ถึงขั้นปรับเปลี่ยนจัดทีมงานรักษาความปลอดภัยแบบโละกันยกชุด และแสดงออกหลายครั้งทำให้เห็นได้ว่า
วันนี้เกิดความหวาดหวั่นกับ “ข่าวลับ”ที่มีการแจ้งเตือนมากันบ้างแล้ว
เรื่อง“ลอบสังหาร”ไม่ใช่แค่ล้อเล่น!
อย่างที่อภิสิทธิ์ ย้ำกันหลายครั้งหลายครา ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจากการปองร้าย ทั้งต่อหน้า จากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มุ่งหวังเอากันให้ตายมาสองครั้งสองครา ทั้งที่พัทยา และที่กระทรวงมหาดไทย
จับสัญญาณการเล่าเหตุระทึกขวัญต่างกรรมต่างวาระแล้ว ต้องบอกว่า “อภิสิทธิ์” ระแวง “ไส้ศึก” จากคนในที่แวดล้อมใกล้ตัว
“อภิสิทธิ์”ก็รู้แล้วใครเป็นใคร “ตำรวจ”คนไหน “สีแดง” จากการประสบเหตุที่พัทยา และต่อมาเมื่อถูกรุมไล่ล่า ไล่ฆ่าของกลุ่มคน “เสื้อแดงคลั่ง” ที่กระทรวงมหาดไทย
การซัดตรงๆกลางวงประชุมครม. ว่ามี “รถทหาร”มาจอดขวาง ตอนที่รถที่ตัวเองนั่งพยายามเคลื่อนตัวหนีจากกลุ่มม็อบออกจากกระทรวงมหาดไทย พุ่งเป้าข้องสงสัยไปยัง “สีเขียว”
รถยนต์กองทัพที่เหมือนมาอารักขา แต่ดันมาปิดกั้นทางออก เพื่อเปิด“ประตูมรณะ” อำนวยความสะดวกให้ “มัจจุราชแดง” รถคันนั้น สังกัดไหน หน่วยงานใด คงสืบเสาะจนรู้แล้ว
ที่หวาดระแวง คนใกล้ตัว โดยเฉพาะในบางรายของ “ทีมรปภ.นายกฯ” ชุดเดิม สงสัยว่าจะมี “คนเสื้อแดง” ที่ไร้ซึ่งสำนึกในการทำหน้าที่ของตัวเองปะปน “แฝงตัว” อยู่ไม่ใช่น้อย
จึงได้มีการจัดชุดรักษาความปลอดภัยใหม่ เป็นกำลังทหารจากกรมทหารราบราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) จากค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี รวม 40 นาย รวมทั้งหน่วยล่วงหน้า จาก ร.21 รอ.
ดูหน่วยงานสังกัดที่มา ที่ระดมเข้ามาทำหน้าที่แทนชุดรปภ.ทีมเดิม จากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) แม้จะวางใจได้ไม่เต็มร้อย อย่างที่มีการมองกันว่า ชุดรปภ.ทีมใหม่ ก็ทำให้ “อภิสิทธิ์”เหมือน“ลูกไก่” อยู่ใน“กำมือ” ของทหาร
ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ไม่สามารถไว้วางใจใครได้!
แต่ก็ยังดีที่มีอีกหน่วยเข้ามาเสริม “ทหารอากาศโยธิน” จากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) จากกองทัพอากาศ ที่ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. จัดส่ง มาเพิ่มการอารักขาให้ผู้นำ ตั้งแต่หลังเหตุล้อมกรอบที่กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งร่วมปราบการจลาจลจากม็อบเสื้อแดง
โดยแม่ทัพฟ้ารายนี้ รับประกันได้ในความเป็นนายทหารหาญผู้ยึดถือความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และราชบัลลังก์ มีความเป็นมืออาชีพ เคารพการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสูง
ทั้งนี้ นอกจากปรับเปลี่ยนทีม รปภ. ทั้งที่ติดตามนายกฯ อารักขาภายในทำเนียบฯ หรือสำหรับรักษาความปลอดภัยให้รัฐมนตรีในเป้าหมายอีกหลายรายแล้ว ล่าสุดยังมีการสั่งซื้อ “รถกันกระสุน” มาเพิ่มเติม
นอกจากตัวนายกฯจะใช้รถกันกระสุนประจำตำแหน่ง รถเบนซ์ ที่จัดซื้อมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 3 คัน ที่สมรรถนะ ประสิทธิภาพ เยี่ยมยอดแค่ไหนคงได้เห็นกันทางจอทีวีแล้ว ล่าสุด ยังเตรียมการสั่งซื้อรถ ยี่ห้อฟอร์ด ติดตั้งกระจกกันกระสุน เสริมตัวถังเหล็กทั้งคัน และยางรถยนต์ชนิดพิเศษ ราคามากกว่า 10 ล้านบาท เพิ่มเติมประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยคนสำคัญในรัฐบาล เป็นความจำเป็น และคุ้มค่าในการยกระดับความปลอดภัยถึงขั้นขีดสุดของคนในรัฐบาล
เพราะวันนี้ “อภิสิทธิ์” รู้แล้วว่าใครเป็นใคร จะต้องต่อสู้ทั้งภัยจากอดีตผู้นำประเทศที่ไม่มีวันลด ละ เลิก การการจ้องเวรพยาบาท กับ “จิตอาฆาต” ต่อผืนแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
แต่ยังต้องเผชิญกับ บรรดา “เสือซุ่ม”ที่ซุกซ่อนเขี้ยวเล็บ จับจ้องสายตารอขย้ำอยู่ในมุมมืด
เภทภัยอันตราย กระสุนห่าใหญ่มีสิทธิถึงตัวอย่างที่มีตัวอย่างให้เห็น และเป็นไปได้ทุกเมื่อ อย่างที่ “อภิสิทธิ์” เองรู้ตัวมาตั้งแต่ช่วงที่ประสบเหตุที่พัทยา ก่อนวันชุมนุมคนเสื้อแดงแล้วด้วยซ้ำ ถึงสัญญาณอันตรายที่ได้รับ จะมาถึงในไม่ช้า
และเป็นนายกฯอภิสิทธิ์เอง ที่เป็นคนยกหูต่อสายด่วน โทรแจ้ง เตือนนายกษิต ให้ “ระวังตัว” เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นเป้าหมายสังหาร เหมือนรัฐมนตรีอีกหลายราย ล้วนแล้วแต่อยู่ใน“บัญชีฆ่า”
ในเกมลอบสังหาร ตามที่“ผู้บงการใหญ่” ต้องการ“ชีวิต”ใครสักคน มาสังเวย เพื่อให้เป็นไปตามแผนการนั้น!
เผลอๆป่านนี้จะใช้วิธีตามถนัด ซิกแซกแปรทุนเป็นพาสปอร์ตซักเล่ม จากเผ่าใดเผาหนึ่งในทวีปแอฟริกา ได้ชื่อเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ นุ่งผ้าเตี่ยว ถือหอกถือทวน ปากร้องวู้ๆๆๆ อย่าง เนียนๆ อยู่กับเผ่าไหนแล้วก็ไม่รู้?
เอาเป็นว่า ที่ไล่ล่าไม่ยาก ก็ต้อง“ทรราชตัวลูก” จักรภพ เพ็ญแข ที่ถึงยังไงก็ไปได้ไม่ไกลจากเมืองแสงสีศิวิไลซ์ พื้นที่ไม่มีบูธขายเครื่องประทินผิว หน้าขาวนวล และสถานบันเทิงระบายความใคร่ ประเภทสปา หรือบาร์ผู้ชายขายตัวคงอยู่ไม่ได้
เพราะ“เปิดตูด”โกยแนบไปตั้งแต่ม็อบเสื้อแดง ที่ตัวเองปลุกปั่นก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง พอทหารเอาจริงเข้าหน่อย เล่นบท“พรางชมพู” มุดหนีลงรู ยังมีหน้าออกมาให้สัมภาษณ์สื่อหัวนอก เย้ยทางการไทย จะเปิด“ปฏิบัติการตัวตุ่น” อยู่ในรู ปลุกผู้คนจับอาวุธเข้าสู้กับรัฐบาล
ประกาศแนวรบชัดเจน สู้แบบ“ผู้ก่อการร้าย”เต็มตัว
ตรงนี้ขอเป็นสปายติดตามความเคลื่อนไหว ของ“นักรบหน้าผ่อง”ไปตั้งฐานบัญชาการอยู่ซอกหลืบไหน มาให้หน่วยงานทางการไทยไปติดตามไล่ล่าตัวมารับผิดตามกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุด ที่สายข่าวแจ้ง เห็นตูดไหวๆ หน้าละม้ายคล้ายนายจักรภพ กำลังป่ายปีนขึ้นเรือประมงลำโต มุ่งตรงไปสู่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อไม่กี่วันมานี้
หลังจากเมื่อคืนวันที่12 เมษายน วันแดงเดือดถึงขั้นขีดสุด ขณะที่ทหารก็ล้อมปราบกะเผด็จศึกกลุ่มแดงคลั่งที่ตั้งเวทีอยู่ข้างทำเนียบฯ “จักรภพ” อาศัยช่วงชุลมุน ตีฝ่าวงล้อมของเพื่อนฝูงเพื่อนอุดมการณ์ “สู้แล้วรวย” ออกไป แบบใครถามก็ไม่ยอมตอบว่าจะไปไหน-ไม่ยอมชวน ?
ที่ว่า เผ่นเข้าชายแดนเขมรบ้าง ผ่านสิงคโปร์บ้าง มุดทางฝั่งพม่าก็มี แต่ที่แท้“จักรภพ”ไปไหนไม่ไกล นั่งรถลงใต้ ไปปักหลักอยู่ที่จังหวัดตรัง ปลายจมูกทางการไทย ใกล้แค่นี้เอง
อาศัยเส้นสายคนรู้จัก แวะหลบภัยที่ไม่สามารถหลบกรรมที่ทำโฉดชั่วต่อบ้านเมืองได้ อยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่อำเภอปะเหลียน รีสอร์ตที่เจ้าของเป็นอดีตคนติดสีกากี นายตำรวจเก่า
ซุ่มอยู่แต่ในที่พัก ส่วนการต่อสายออนไลน์เจ้าของรีสอร์ตช่วยอำนวยความสะดวก จนสามารถซ่าได้ไม่หยุด เปิดปากให้สัมภาษณ์ข้ามซีกโลก โจมตีรัฐบาลทางการไทยได้หลายวัน หลายสื่อ อวดอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยเทียมๆ ปลุกเร้าชาวเสื้อแดง-จะจับอาวุธขึ้นสู้
กว่าจะมีคนรู้ คนเห็น “จักรภพ” โดดขึ้นเรือที่รอรับ บ่ายหน้าไปต่อที่เกาะดังของมาเลเซีย เพื่อรอย้ายถิ่นจรจัดอีกครั้งในเร็วๆนี้
หากทราบความเคลื่อนไหวอีกเมื่อไร รับรองจะรีบมารายงานต่อทีมปฏิบัติการไล่ล่านักรบ“แดงแต๋วแหวว”แน่ๆ
จบจากเรื่องของ “นักรบหน้าผ่อง” ที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมือง ก็มาว่ากันถึงสถานการณ์ “อาณาจักรแห่งความกลัว” รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านอยู่ในบ้านเมืองของเราในยามนี้ จากปฏิบัติการโฉด “หมาลอบกัด” ที่กระทำกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
การสืบสวนสอบสวนที่ขีดวงจนใกล้จะถึงตัว “ไอ้เหี้ยม” ผู้บงการตัวใหญ่แล้ว จะ“สีไหน”จำพวกที่มักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่สนวิธีการ หรือจะเป็นการสมคบคิดการฆ่า“กฐินหมู่” ไม่นานก็จะได้รู้กัน
“ประดาบ”ก็ย่อม“เลือดเดือด”
และต้องขอบอกว่า เป้าหมายที่ผู้บงการต้องการให้กลายเป็น “เหยื่อสังหาร”ไม่ได้มีแค่ สนธิ ลิ้มทองกุล รายเดียว เพราะชื่อที่อยู่ในแฟ้มสังหาร “โป้งปิดบัญชี” ของชาวคณะทมิฬ กระหายเลือดหิวอำนาจ
ไม่หมดแค่นี้
ข้อมูลที่ได้รับมา ตรงกับปากคำที่ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ช่วงปฏิบัติภารกิจอยู่ในต่างประเทศ ระบุที่อยู่ในเป้าหมายก่อเหตุสะเทือนขวัญ หมายเอาชีวิตอีก 4 ราย
นอกจาก “สนธิ” ยังมีนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ-กษิต ภิรมย์ แม้กระทั่ง กรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ก็คืออีกหนึ่งเป้าหมาย กระทั่งแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ใช่แค่ “ส.” ที่อยู่ในข่ายต้องระวังตัวเช่นกัน
ไม่ใช่มุกเก่าๆ หวังสร้างภาพเป็นแน่ กับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่วันนี้ตื่นตัว ถึงขั้นปรับเปลี่ยนจัดทีมงานรักษาความปลอดภัยแบบโละกันยกชุด และแสดงออกหลายครั้งทำให้เห็นได้ว่า
วันนี้เกิดความหวาดหวั่นกับ “ข่าวลับ”ที่มีการแจ้งเตือนมากันบ้างแล้ว
เรื่อง“ลอบสังหาร”ไม่ใช่แค่ล้อเล่น!
อย่างที่อภิสิทธิ์ ย้ำกันหลายครั้งหลายครา ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจากการปองร้าย ทั้งต่อหน้า จากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มุ่งหวังเอากันให้ตายมาสองครั้งสองครา ทั้งที่พัทยา และที่กระทรวงมหาดไทย
จับสัญญาณการเล่าเหตุระทึกขวัญต่างกรรมต่างวาระแล้ว ต้องบอกว่า “อภิสิทธิ์” ระแวง “ไส้ศึก” จากคนในที่แวดล้อมใกล้ตัว
“อภิสิทธิ์”ก็รู้แล้วใครเป็นใคร “ตำรวจ”คนไหน “สีแดง” จากการประสบเหตุที่พัทยา และต่อมาเมื่อถูกรุมไล่ล่า ไล่ฆ่าของกลุ่มคน “เสื้อแดงคลั่ง” ที่กระทรวงมหาดไทย
การซัดตรงๆกลางวงประชุมครม. ว่ามี “รถทหาร”มาจอดขวาง ตอนที่รถที่ตัวเองนั่งพยายามเคลื่อนตัวหนีจากกลุ่มม็อบออกจากกระทรวงมหาดไทย พุ่งเป้าข้องสงสัยไปยัง “สีเขียว”
รถยนต์กองทัพที่เหมือนมาอารักขา แต่ดันมาปิดกั้นทางออก เพื่อเปิด“ประตูมรณะ” อำนวยความสะดวกให้ “มัจจุราชแดง” รถคันนั้น สังกัดไหน หน่วยงานใด คงสืบเสาะจนรู้แล้ว
ที่หวาดระแวง คนใกล้ตัว โดยเฉพาะในบางรายของ “ทีมรปภ.นายกฯ” ชุดเดิม สงสัยว่าจะมี “คนเสื้อแดง” ที่ไร้ซึ่งสำนึกในการทำหน้าที่ของตัวเองปะปน “แฝงตัว” อยู่ไม่ใช่น้อย
จึงได้มีการจัดชุดรักษาความปลอดภัยใหม่ เป็นกำลังทหารจากกรมทหารราบราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) จากค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี รวม 40 นาย รวมทั้งหน่วยล่วงหน้า จาก ร.21 รอ.
ดูหน่วยงานสังกัดที่มา ที่ระดมเข้ามาทำหน้าที่แทนชุดรปภ.ทีมเดิม จากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) แม้จะวางใจได้ไม่เต็มร้อย อย่างที่มีการมองกันว่า ชุดรปภ.ทีมใหม่ ก็ทำให้ “อภิสิทธิ์”เหมือน“ลูกไก่” อยู่ใน“กำมือ” ของทหาร
ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ไม่สามารถไว้วางใจใครได้!
แต่ก็ยังดีที่มีอีกหน่วยเข้ามาเสริม “ทหารอากาศโยธิน” จากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) จากกองทัพอากาศ ที่ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. จัดส่ง มาเพิ่มการอารักขาให้ผู้นำ ตั้งแต่หลังเหตุล้อมกรอบที่กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งร่วมปราบการจลาจลจากม็อบเสื้อแดง
โดยแม่ทัพฟ้ารายนี้ รับประกันได้ในความเป็นนายทหารหาญผู้ยึดถือความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และราชบัลลังก์ มีความเป็นมืออาชีพ เคารพการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสูง
ทั้งนี้ นอกจากปรับเปลี่ยนทีม รปภ. ทั้งที่ติดตามนายกฯ อารักขาภายในทำเนียบฯ หรือสำหรับรักษาความปลอดภัยให้รัฐมนตรีในเป้าหมายอีกหลายรายแล้ว ล่าสุดยังมีการสั่งซื้อ “รถกันกระสุน” มาเพิ่มเติม
นอกจากตัวนายกฯจะใช้รถกันกระสุนประจำตำแหน่ง รถเบนซ์ ที่จัดซื้อมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 3 คัน ที่สมรรถนะ ประสิทธิภาพ เยี่ยมยอดแค่ไหนคงได้เห็นกันทางจอทีวีแล้ว ล่าสุด ยังเตรียมการสั่งซื้อรถ ยี่ห้อฟอร์ด ติดตั้งกระจกกันกระสุน เสริมตัวถังเหล็กทั้งคัน และยางรถยนต์ชนิดพิเศษ ราคามากกว่า 10 ล้านบาท เพิ่มเติมประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยคนสำคัญในรัฐบาล เป็นความจำเป็น และคุ้มค่าในการยกระดับความปลอดภัยถึงขั้นขีดสุดของคนในรัฐบาล
เพราะวันนี้ “อภิสิทธิ์” รู้แล้วว่าใครเป็นใคร จะต้องต่อสู้ทั้งภัยจากอดีตผู้นำประเทศที่ไม่มีวันลด ละ เลิก การการจ้องเวรพยาบาท กับ “จิตอาฆาต” ต่อผืนแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
แต่ยังต้องเผชิญกับ บรรดา “เสือซุ่ม”ที่ซุกซ่อนเขี้ยวเล็บ จับจ้องสายตารอขย้ำอยู่ในมุมมืด
เภทภัยอันตราย กระสุนห่าใหญ่มีสิทธิถึงตัวอย่างที่มีตัวอย่างให้เห็น และเป็นไปได้ทุกเมื่อ อย่างที่ “อภิสิทธิ์” เองรู้ตัวมาตั้งแต่ช่วงที่ประสบเหตุที่พัทยา ก่อนวันชุมนุมคนเสื้อแดงแล้วด้วยซ้ำ ถึงสัญญาณอันตรายที่ได้รับ จะมาถึงในไม่ช้า
และเป็นนายกฯอภิสิทธิ์เอง ที่เป็นคนยกหูต่อสายด่วน โทรแจ้ง เตือนนายกษิต ให้ “ระวังตัว” เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นเป้าหมายสังหาร เหมือนรัฐมนตรีอีกหลายราย ล้วนแล้วแต่อยู่ใน“บัญชีฆ่า”
ในเกมลอบสังหาร ตามที่“ผู้บงการใหญ่” ต้องการ“ชีวิต”ใครสักคน มาสังเวย เพื่อให้เป็นไปตามแผนการนั้น!