xs
xsm
sm
md
lg

“ปิยะพันธ์”ประเมินปีนี้ทอท.รายได้วูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-“ปิยะพันธ์”เผยวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ทำรายได้ทอท.ลดวูบ เหตุจำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินลดลง และยังมีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการลดค่าธรรมเนียมช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการบิน จี้เอ็มดีทอท.คนใหม่ เร่งปรับแผนลดรายจ่าย และหารายได้เพิ่ม ป้องกันไม่ให้ผลประกอบการปีนี้ขาดทุน
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยว่า ในปี 2552 ทอท.จะต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกและการเมืองภายในประเทศที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินลดลงและทำให้รายได้ในปี 2552 ลดลง ดังนั้น นโยบายเร่งด่วนที่จะมอบหมายให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท. คนใหม่ดำเนินการ คือ การปรับแผนลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ของทอท.เพื่อทำให้ผลประกอบการในปี 2552 ไม่ประสบกับผลขาดทุน
“ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้ทำแผนปรับลดรายจ่ายลงไปแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่สถานการณ์ปัจจุบัน บอร์ดทอท.มีนโยบายการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการบินทั้งการลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงอากาศยาน (Landing Fee) ค่าธรรมเนียมการจอดอากาศยาน (Parking Fee) ได้ทำให้รายได้ทอท.ลดลงไปกว่า 1,000 ล้านบาท และประมาณการรายได้ในปี 2552 อาจจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก จึงต้องปรับแผนใหม่”นายปิยะพันธ์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งคณะกรรมการทำแผนประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่ทอท.มีภาระเงินกู้ต่างประเทศสกุลเยนเพื่อลดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากภาวะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จะทำให้ผลประกอบการของทอท.ในปี 2552 ไม่ขาดทุน เพราะขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 6 เดือน แต่หากไม่ดำเนินการใดๆ ยอมรับว่า ปีนี้ทอท.ต้องขาดทุนกว่า 5,000 ล้านบาทแน่นอน
นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานแผนงานและการเงิน ทอท. กล่าวว่า ทอท.ได้ปรับแผนลดรายจ่ายของปี 2552 มาแล้ว 2 ครั้งประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากประมาณการรายได้ที่ลดลง แต่ปัจจุบันนอกจากรายได้ที่ลดลงจากการปรับลด Landing Fee และ Parking Fee เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจากวิกฤติต่างๆ แล้ว คาดว่ารายได้ในส่วนของเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารจะลดลงไปด้วย ดังนั้น จึงต้องปรับแผนลดรายจ่ายเพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมกับประมาณการรายได้ที่จะลดลง ซึ่งคาดว่าต้องลดรายจ่ายให้ได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับการทำแผนลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้น คณะทำงานจะประเมินผลจากแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ทอท.ได้สวอปเงินกู้จากสกุลเยนมาเป็นเงินบาทกว่า 78% แล้วจากเงินกู้กว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งการจะสวอปเงินกู้มาเป็นบาททั้งหมด 100% นั้น จะต้องดูในส่วนของอัตราดอกเบี้ยด้วยว่าจะมีความคุ้มค่าหรือไม่ เพราะอัตราดอกเบี้ย เงินบาทจะสูงถึง 5-6% ขณะที่เงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ 1% รวมถึงจะทำให้ทอท.สูญเสียโอกาสในการทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไรก็ตามจะต้องพิจารณาทุกปัจจัย และเลือกแนวทางที่ทำให้เกิดความสดดุลทางการเงินมากที่สุด
สำหรับผลประกอบการทอท.ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 7,321 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 22,010 ล้านบาท รายจ่าย 18,515 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 928 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น