xs
xsm
sm
md
lg

เบิกจ่ายช้าช่วยพยุง"รากหญ้า" กอร์ปศักดิ์ยันตัดงบไม่กระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “กอร์ปศักดิ์” แจงตัดงบโครงการชุมชนพอพียงปี 53 ไม่กระทบรากหญ้า เหตุปี 52 ยังเบิกจ่ายล่าช้าจาก 2.1 หมื่นล้านบาท ได้แค่พันกว่าล้านบาท ชาวบ้านไม่เข้าใจโครงการ ดึง ธ.ก.ส.เข้าเป็นพี่เลี้ยง ขณะที่ ธ.ก.ส.เดินหน้านโยบายประกันราคาสินค้าเกษตรแทนรับจำนำ คาดสรุปได้ 1 เดือนชี้ช่วยแก้ปัญหาสินค้าค้างสต็อกและลดภาระขาดทุนของรัฐบาล

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับลดงบประมาณปี 2553 วงเงิน 2 แสนล้านบาทว่า จะไม่กระทบกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า มากนัก แม้ว่าจะมีการปรับลดงบในโครงการชุมชมพอเพียงหรือเอสเอ็มแอลเดิมวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท สำหรับ 8 หมื่นหมู่บ้าน เนื่องจากในปีงบประมาณ 2552 ที่ตั้งวงเงินไว้ 2.1 หมื่นล้านบาท นั้นล่าสุดมีการเบิกจ่ายไปเพียง 1 พันกว่าล้าบาทเท่านั้น ยังเหลืออีก 2 หมื่นล้านบาท จึงเห็นว่าในปี 2553 เนื่องจากงบประมาณมีจำกัดจึงไม่ยังไม่จำเป็นต้องตั้งงบส่วนนี้เพิ่ม

“ที่ผ่านมายังไม่เคยตั้งงบให้เอสเอ็มแอลครบทุกหมู่บ้านกว่า 8 หมื่นหมู่บ้าน มีปีงบประมาณ 2552 เท่านั้นที่ตั้งงบให้ครบทุกหมูบานแล้ว แต่การเบิกจ่ายเงินยังทำได้ล่าช้าเพราะการใช้เงินมีขอบเขตจำกัดมากขึ้นทำให้ชาวบ้านคิดไม่ออกว่าจะนำเงินไปใช้ทำอะไร “นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวและว่า ในส่วนนี้ขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเข้าไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้หมู่บ้าน เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับชุมชนอยู่แล้ว โดยหลังจากนี้คาดว่าใน 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีการเบิกจ่ายเงินออกไปได้มากกว่า 50%

อย่างไรก็ตาม การปรับลดงบประมาณปี 2553 นั้นจะไม่กระทบกับโครงการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่องอย่าง โครงการเรียนฟรีที่ใช้งบปีละกว่า 7 หมื่นล้านบาท โครงการเบี้ยยังชีพที่ใช้เงินปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท และไม่ได้เป้ฯการส่งสัญญาณที่ผิดต่อภาคเอกชน เพราะในส่วนของงบลงทุนนั้นไม่ได้มีการปรับลดลงแต่อย่างใด แต่การลงทุนจะมีรูปแบบที่หลากหลายเช่นขึ้นทั้งการใช้เงินกู้และการร่วมทุนกับภาคเอกชน

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการรักษาการแทนผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า หลังจากได้รับมอบหมายจาก รองนายกฯ ธ.ก.ส.จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมให้ข้อมูลความรู้กับทุกชุมชนเพื่อร่วมเขียวโครงการขอใช้เงินกู้จากหมู่บ้าน เพราก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าโครงการใดจึงจะเข้าข่ายคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง โดยโครงการที่จะทำได้เร็ว เช่น โครงการธนาคารต้นไม้ ซึ่งธ.ก.ส.จะผลักดันให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ประกันราคาสินค้าเกษตรยังอืด

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการประกาศราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อให้เกษตรกรทราบว่า เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว รัฐบาลจะรับซื้อที่ราคาเท่าใด โดยเป็นราคาที่ให้เกษตรกรมีกำไรประมาณ 10-20% หากเกษตรกรรู้ว่าไม่คุ้มค่า จะได้วางแผนการปลูกพืชอื่นที่ที่เหมาะสมแทน ซึ่งคาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ภายใน 1 เดือน และจะเริ่มต้นการรับจำนำรูปแบบใหม่กับมันสำปะหลังก่อน เพื่อช่วยลดภาระรัฐบาลในการทำโครงการรับจำนำ

พร้อมกันนี้ ยังมีแนวทางให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำนักศึกษาและผู้ตกงานที่ผ่านการอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพหลายพันคน ออกไปสำรวจพื้นที่เกษตรทั่วประเทศ เพื่อลงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นผู้มีสิทธิ์ในการรับจำนำสินค้า หากใครไม่มีชื่อ จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรับจำนำ เพื่อเป็นการป้องกันการสวมสิทธิ์

“การที่รัฐบาลต้องปรับรูปแบบการรับจำนำสินค้าเกษตรใหม่ทั้งหมดนั้น เพื่อคุมต้นทุนสินค้าในสต็อกที่รัฐรับซื้อ เนื่องจากเห็นว่าแนวทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ รัฐบาลตั้งราคารับจำนำไว้สูงกว่าตลาดกว่าเท่าตัว ทำให้สินค้าในสต็อกรัฐบาลมีต้นทุนที่สูง แม้จะระบายไปยังต่างประเทศ ก็ยังมีผลขาดทุน และขณะนี้อาจต้องเร่งระบายสต็อกข้าว เพื่อให้มีรายได้เข้ามาให้เร็วที่สุด และป้องกันปัญหาขาดทุนเหมือนที่ผ่านมา”

ด้านนายเอ็นนูกล่าวว่า การกำหนดราคาขั้นต่ำของสินค้าเกษตรจะเริ่มที่ข้าวและมันสำปะหลังก่อนเพราะมีคณะกรรมการกำกับดูแลอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะสรุปวิธีการดำเนินโครงการได้ภายในเดือนหน้า โดยหากราคาขายสูงกว่าราคาที่ประกันไว้รัฐก็ไม่ต้องมีภาระจ่ายชดเชย หากราคาต่ำกว่าจึงจะชดเชยส่วนต่างให้ ซึ่งต่อปีคาดว่าจะใช้เงินไม่นัก
กำลังโหลดความคิดเห็น