ASTVผู้จัดการรายวัน – นายกฯขอความร่วมมือทุกประเทศอย่าให้พื้นที่ “นช.แม้ว” เป็นฐานสร้างความรุนแรงกระทบความมั่นคงของไทย ด้าน นสพ.นิการากัวแฉประธานาธิบดีตั้ง"ทูตพิเศษ"ยอดมั่ว ก่อนหน้า"นช.แม้ว"ก็เคยแต่งตั้งอีกหลายคนที่ชื่อฉาว “ชาวสมุทรสาคร” ฮือต้านแดงถ่อยใช้พื้นที่ก่อม็อบ 25 เม.ย.นี้ ยื่นหนังสือนายกฯจัดการ “ผบช.ภาค 7” ลงพื้นที่หารือผู้ว่าฯสมุทรสาครวางแผนรับมือ กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลให้อยู่ในกรอบของกฏหมาย ด้าน “ผบช.ภาค 6” นำทีมตรวจค้น 7 จุดล่าแกนนำ นปช.-เสื้อแดงหนีคดีตามหมายจับเตรียมหาช่องหนีออกพม่า
วานนี้ (23 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพนิช วิกฤษณเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่าประสานกับสหรัฐอาหรับเอมิเรต์ถึงการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดีอยู่ในคดีนี้มาดำเนินคดีในไทยว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างน้อยที่สุดก็ได้มีการขอความร่วมมือจากทุกประเทศอย่าให้ใช้พื้นที่เป็นฐานในการสร้างความไม่มีเสถียรภาพ หรือกระทบความมั่นคงของไทย
“โดยเฉพาะที่มีความเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ส่วนจะได้รับการตอบสนองแค่ไหนก็ต้องดูในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตามตามสนธิสัญญาขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน คงต้องใจเย็น ๆ อยู่ระหว่างการประสานกันอยู่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เทพเทือกชี้เจ๊เพ็ญผู้ก่อการร้ายเต็มตัว
นายสเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการขอตัว นช.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีว่า ก็พยายามทำ เมื่อถามว่าประเทศอาหรับเอมิเรตให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกระทรวงส่วนที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าต่อไปนี้จะลงสู้ใต้ดินนั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนั้นนายจักรภพ ก็เป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องดำเนินการติดตามตัวมาลงโทษ
นสพ.นิการากัวแฉประธานาธิบดี
ตั้ง"ทูตนช.แม้ว"ยอดมั่ว
หนังสือพิมพ์ "เอล นวยโบ เดียริโอ" ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาสเปน ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในนิการากัว รายงานผ่านเว็บไซต์ของตนโดยระบุว่า การที่ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ซาเบดรา ได้ประกาศแต่งตั้งทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีโทษจำคุกจากประเทศไทยให้ดำรงตำแหน่งเป็น "เอกอัครราชทูตพิเศษ" แล้วถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งภายในและภายนอกนิการากัวนั้น อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีออร์เตกา ตัดสินใจแต่งตั้ง "บุคคลซึ่งมีปัญหากับกระบวนการยุติธรรม" ในต่างประเทศให้มาเป็นเอกอัครราชทูตพิเศษของประเทศนี้
เอล นวยโบ เดียริโอ บอกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2008 ออร์เตกาก็ได้แต่งตั้ง อัลบาโร โรเบโล กอนซาเลซ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงธนาคารแห่งหนึ่งในสเปน จนได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลให้เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษเช่นกัน
นอกจากนั้น ออร์เตกา ยังแต่งตั้ง โลเรนโซ ซานซ์ อดีตประธานสโมสรฟุตบอล "ราชันชุดขาว "
เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษให้กับนิการากัวเช่นกัน แม้ว่า ซานซ์จะถูกทางการสเปนกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมฉ้อฉลทางธุรกิจก็ตาม
ทางด้าน โฮเซ ปายาอิส ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมและกิจการกฎหมายของรัฐสภานิการากัว ก็ออกมาวิจารณ์การแต่งตั้งทูตพิเศษของประธานาธิบดีออร์เตกาในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า ออร์เตกามักทำการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตพิเศษ โดยไม่คำนึงถึงธรรมเนียมประเพณีทางการทูต และไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างนิการากัวกับมิตรประเทศ
ปายาอิส ยังระบุว่า กรณีของการแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร และอัลบาโร โรเบโล กอนซาเลซ เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษของนิการากัวนั้น เขาเห็นว่า บุคคลทั้ง 2 ไม่น่าจะมีสถานะทางการทูตที่สมบูรณ์ตามขอบข่ายของ "อนุสัญญาเวียนนา" ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ปี 1961ซึ่งถือเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่นานาชาติให้การยอมรับแต่อย่างใด
ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมและกิจการกฎหมายของรัฐสภานิการากัว ยังแสดงความกังวลถึงการที่ออร์เตกามักให้สิทธิ์บุคคลต่างชาติ ที่มีเรื่องอื้อฉาว และไม่ใช่พลเมืองของนิการากัว ในการถือครองหนังสือเดินทางของนิการากัวด้วยโดยปายาอิส ระบุว่า การกระทำของออร์เตกาไม่เพียงขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังขัดต่อกฎหมายภายในของนิการากัว เพราะตามกฎหมายนิการากัวแล้ว การที่ผู้นำประเทศจะแต่งตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้แทนทางการทูตได้นั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาแห่งชาติเสียก่อน
ส่วน บิคตอร์ อูโก ติโนโก อดีตรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของนิการากัว ก็ออกมาวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีออร์เตกาทำให้ภาพลักษณ์ของนิการากัว ในสายตาของประชาคมโลกต้องเสียหายและขาดความน่าเชื่อถือ จากการแต่งตั้งบุคคลที่มีภูมิหลังไม่สุจริต มาทำหน้าที่ผู้แทนทางการทูต ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติของประเทศ และทำให้เกิดข้อครหาว่า "หนังสือเดินทางนิการากัวพร้อมที่จะถูกขายเพื่อแลกกับเงินของคนรวยที่ชัวร้าย"
อย่างไรก็ตาม มานูเอล โกโรเนล เคาต์ซ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของนิการากัว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแก้ต่างให้แก่การตัดสินใจของประธานาธิบดี ที่ได้ประกาศแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร เป็น "เอกอัครราชทูตพิเศษ"นั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ "ถูกต้องแล้ว "
เคาต์ซระบุว่า ทักษิณถือเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เพราะนอกจากจะเคยมีประสบการณ์ในด้านการเมืองแล้ว ก็ยังมีประสบการณ์ในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย ดังนั้น จึงการมอบหมาย "ภารกิจพิเศษ" ในการดึงดูดการลงทุน ให้กับทักษิณจึงถือเป็นเรื่องที่ดี แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีออร์เตกา ตัดสินใจในเรื่องนี้แบบไม่รอบคอบ และอาจมี "เบื้องหลัง" บางอย่างกับทักษิณ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ถูกมองว่า มีประวัติที่ไม่ขาวสะอาดก็ตาม
รัฐมนตรีช่วยผู้นี้ ซึ่งเป็นสหายสนิทของออร์เตกามาตั้งแต่สมัยเป็นสมาชิกแนวร่วมฝ่ายซ้ายแห่งขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติซันดินิสตา (Frente Sandinista de Liberaci?n Nacional - FSLN)ยืนยันว่า ออร์เตกาได้ตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้วในเรื่องนี้ พร้อมกับตำหนิการนำเสนอ
ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ และสื่อมวลชนท้องถิ่นในนิการากัว ที่พยายามนำประเด็นที่ทักษิณถูกทางการไทยออกหมายจับในข้อหาคอร์รัปชั่น และกระทำการยุยงให้เกิดความแตกแยกและความรุนแรงในประเทศไทย มาขยายความให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือทั้งของออร์เตกา และตัวทักษิณซึ่งมีสถานะเป็นทูตพิเศษของนิการากัว
อนึ่ง เว็บไซต์ของนิการากวนโพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในนิการากัว เมื่อวานนี้ได้รายงานข่าวผลการสำรวจของสำนัก เอ็มแอนด์อาร์ ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ลาเปรนซา ระบุว่า มีประชาชนที่ตอบคำถามสำรวจความเห็นจำนวนเพียง 17.7% ที่คิดว่าประธานาธิบดีออเตกา ทำงานได้ดีหรือดีมาก และมี 67.8% เชื่อว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อช่วยเหลือประชาชนนิการากัว
"จตุพร"อ้างไม่เห็นด้วยกับ"เจ๊เพ็ญ"
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่นายจักรภพ ประกาศต่อสู้ใต้ดินและจะใช้อาวุธเข้าดำเนินการว่า เป็นเพียงความคิดของนายจักรภพ เพียงคนเดียว เพราะล่าสุดตนยังไม่ได้ติดต่อกับนายจักรภพเลยภายหลังจากที่เดินออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสจะพูดกับนายจักรภพว่า แกนนำ กลุ่มเสื้อแดงทั้งในส่วนของตน นายวีระ มุสิกพงษ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เห็นด้วย เพาะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนแนวทาง
นายจตุพร กล่าวว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถูกทางแล้ว ที่ทำให้ประชาชน ไม่ต้องเสียชีวิต หากวันที่ 13 เม.ย.อยู่ท่ามกลางฝูงชนเราอาจเป็นฮีโร่แต่ต้องแลกกับชีวิตประชาชน วันนี้จึงบอกได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เวทีในสภาเป็นเพียงการต่อสู้ อีกอย่างหนึ่ง เส้นทางการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ต้องบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้พ่ายแพ้ แต่อยู่ในฐานที่ตั้งพร้อมที่จะออกมาทุกเมื่อ หากเราถูกท้าทาย ถูกไล่ล่า เอาผิดอย่างที่รัฐบาลตำรวจทำอยู่กับแกนนำคนเสื้อแดง และพยายามบิดเบือนป้ายสีความผิด มาให้เรา วันนั้นเราก็พร้อมออกมาชุมนุมด้วยจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน มากกว่าและยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนเงื่อนไขและเงื่อนเวลาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่นั้นอยู่ที่การกระทำของรัฐบาลที่จะทำให้คนเสื้อแดงทนไม่ไหวและต้องออกมาต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมอีกครั้ง
โวไทยไม่สามารถล่า"แม้ว"ได้
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในรัฐสถา แต่ภาพรวมการชี้แจงของฝ่ายค้านนั้นจะเชื่อมโยงให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง ทั้งนี้มองว่านายสุเทพ ไม่สามารถชี้แจงได้ ในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องการใช้อาวุธสงครามกับประชาชนและการที่ไปเอาตำรวจ จ.บุรีรัมย์ และ จ.ชัยภูมิ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า กลุ่มเสื้อแดงมีจุดแข็งคือ คนมาชุมนุมเองไม่ได้จัดตั้ง แต่ก็มีจุดอ่อนคือ มีช่องว่างทำให้คนมาสวมรอยได้ง่าย
ส่วนที่กระทรวงต่างประเทศร่างสนธิสัญญา UAE เพื่อให้จับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น เ นายจตุพร กล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐบาลยังแค่ร่าง แต่มาให้ข่าวก่อน เชื่อว่าไม่สามารถจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น มีมิตรอยู่ทั่วโลก
ส่วนกรณีที่มีการมองว่านายจตุพร ยังไม่ยอมมอบตัวเพราะต้องการรอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกลัวติดคุกหากวิปรัฐบาลโหวตให้ตนมอบตัวตนก็พร้อมไปมอบตัวทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ภายหลังปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 19 พ.ค.ตนจะไปมอบตัวอย่างแน่นอน
ชาวสมุทรสาครต้านแดงถ่อยก่อม็อบ
เช้าวานนี้ชาวบ้านใน จ.สมุทรสาคร กว่า 200 คนได้รวมตัวกันบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมถือป้ายมีข้อความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเปิดเวทีปราศรัย บริเวณลานตลาดนัด หมู่บ้านมหาชัยวิลล่า หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ในเย็นวันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยนายดำรง ทับสุวรรณ บ้านเลขที่ 49/849 หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นตัวแทนชาวบ้านอ่านแถลงการณ์คัดค้านการชุมนุมและมอบหนังสือคัดค้านให้นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี
โดยได้ระบุเหตุผลการคัดค้านว่า 1.ชาวสมุทรสาครไม่ต้องการเห็นการแตกแยกของคนประชาชนในพื้นที่ อันสืบเนื่องมาจากการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงดังเช่นเหตุการณ์ช่วงวันที่ 8–13 เม.ย.ที่ผ่านมา 2.เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการปะปนของแรงงานกลุ่มดังกล่าวในการร่วมชุมนุม ซึ่งเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการควบคุมความสงบเรียบร้อยกรณีเกิดเหตุจลาจลขึ้น 3.จากเหตุการณ์การจลาจลช่วงวันที่ 8-13 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ชาว จ.สมุทรสาคร กังวลใจว่า จะไม่มีความปลอดภัยเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่นเดียวกับชาวชุมชนนางเลิ้ง
ผบช.ภาค7วางแผนรับมือแดงถ่อย
วันเดียวกันเวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงศ์ ผบช.ภาค 7 ได้เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครเรียกประชุมด่วน นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือมาตรการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ รวมทั้งการรายงานสถานการณ์ด้านการข่าว แนวทางการประชาสัมพันธ์และการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน
พล.ต.ท.ถวิล เผยภายหลังการหารือนานกว่า 2 ชม.ว่า ได้กำชับให้ตำรวจจำนวนกว่า 1,000 นายที่จะปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย อยู่ในกรอบของกฏหมาย เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 2,000-3,000 คนและยืนยันว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าขัดขวางการชุมนุมอย่างแน่นอน แต่จะมีการตั้งด่านและจุดตรวจเข้มงวดมากกว่าปกติ เพราะต้องมีการตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียด ป้องกันเหตุความวุ่นวายและการจลาจลที่อาจเกิดขึ้น
ผบช.6นำทีมค้นแม่สอดล่าหางแดง
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารกูล ผบช.ภาค 6 พร้อมกำลังตำรวจ สภ.แม่สอด นำโดย พ.ต.อ.พัศวัตร แตงจุ้ย ผกก.สภ.แม่สอด, พ.ต.ท.แมน รัตนประทีป รอง ผกก.ปป.สภ.แม่สอด ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นแหล่งเป้าหมาย 7 จุดในเขต อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามหาตัวผู้ต้องหาที่หนีคดีตามหมายจับซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตำรวจภาค 6 สืบสวนสอบสวนทราบว่าได้หนีหมายจับมากบดานในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด
พล.ต.ท.สุรสีห์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6-7 จุดไม่พบผู้ต้องหา ตามหมายจับดังกล่าว แต่ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดและตั้งด่านสกัดและจุดตรวจในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายศาล เนื่องจาก อ.แม่สอด เป็นพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน มักมีข่าวการหลบหนีคดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ที่ถูกระบุว่าเป็นที่ซุกซ่อนของผู้ต้องหาหนีหมายจับ
ข่าวแจ้งว่า ผบช.ภาค 6 ได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ 7 แห่งของอดีตนักการเมืองในพื้นที่ โดยนักการเมืองคนดังกล่าว ได้เลิกเล่นการเมืองสนามใหญ่ไปแล้ว โดยเบื้องต้นมีข่าวว่าแกนนำ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. และแกนนำคนสำคัญคนอื่นๆ อีกหลายคน ได้หนีมากบดานกับนักการเมืองคนดังกล่าวแต่ไม่พบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า แกนนำคนเสื้อแดงที่หนีหมายจับ ได้เตรียมเส้นทางการหลบหนีมากบดานเพื่อรอจังหวะหนีออกไปยังประเทศพม่า
วานนี้ (23 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพนิช วิกฤษณเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่าประสานกับสหรัฐอาหรับเอมิเรต์ถึงการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดีอยู่ในคดีนี้มาดำเนินคดีในไทยว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างน้อยที่สุดก็ได้มีการขอความร่วมมือจากทุกประเทศอย่าให้ใช้พื้นที่เป็นฐานในการสร้างความไม่มีเสถียรภาพ หรือกระทบความมั่นคงของไทย
“โดยเฉพาะที่มีความเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ส่วนจะได้รับการตอบสนองแค่ไหนก็ต้องดูในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตามตามสนธิสัญญาขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน คงต้องใจเย็น ๆ อยู่ระหว่างการประสานกันอยู่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เทพเทือกชี้เจ๊เพ็ญผู้ก่อการร้ายเต็มตัว
นายสเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการขอตัว นช.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีว่า ก็พยายามทำ เมื่อถามว่าประเทศอาหรับเอมิเรตให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกระทรวงส่วนที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าต่อไปนี้จะลงสู้ใต้ดินนั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนั้นนายจักรภพ ก็เป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องดำเนินการติดตามตัวมาลงโทษ
นสพ.นิการากัวแฉประธานาธิบดี
ตั้ง"ทูตนช.แม้ว"ยอดมั่ว
หนังสือพิมพ์ "เอล นวยโบ เดียริโอ" ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาสเปน ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในนิการากัว รายงานผ่านเว็บไซต์ของตนโดยระบุว่า การที่ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ซาเบดรา ได้ประกาศแต่งตั้งทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีโทษจำคุกจากประเทศไทยให้ดำรงตำแหน่งเป็น "เอกอัครราชทูตพิเศษ" แล้วถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งภายในและภายนอกนิการากัวนั้น อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีออร์เตกา ตัดสินใจแต่งตั้ง "บุคคลซึ่งมีปัญหากับกระบวนการยุติธรรม" ในต่างประเทศให้มาเป็นเอกอัครราชทูตพิเศษของประเทศนี้
เอล นวยโบ เดียริโอ บอกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2008 ออร์เตกาก็ได้แต่งตั้ง อัลบาโร โรเบโล กอนซาเลซ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงธนาคารแห่งหนึ่งในสเปน จนได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลให้เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษเช่นกัน
นอกจากนั้น ออร์เตกา ยังแต่งตั้ง โลเรนโซ ซานซ์ อดีตประธานสโมสรฟุตบอล "ราชันชุดขาว "
เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษให้กับนิการากัวเช่นกัน แม้ว่า ซานซ์จะถูกทางการสเปนกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมฉ้อฉลทางธุรกิจก็ตาม
ทางด้าน โฮเซ ปายาอิส ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมและกิจการกฎหมายของรัฐสภานิการากัว ก็ออกมาวิจารณ์การแต่งตั้งทูตพิเศษของประธานาธิบดีออร์เตกาในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า ออร์เตกามักทำการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตพิเศษ โดยไม่คำนึงถึงธรรมเนียมประเพณีทางการทูต และไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างนิการากัวกับมิตรประเทศ
ปายาอิส ยังระบุว่า กรณีของการแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร และอัลบาโร โรเบโล กอนซาเลซ เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษของนิการากัวนั้น เขาเห็นว่า บุคคลทั้ง 2 ไม่น่าจะมีสถานะทางการทูตที่สมบูรณ์ตามขอบข่ายของ "อนุสัญญาเวียนนา" ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ปี 1961ซึ่งถือเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่นานาชาติให้การยอมรับแต่อย่างใด
ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมและกิจการกฎหมายของรัฐสภานิการากัว ยังแสดงความกังวลถึงการที่ออร์เตกามักให้สิทธิ์บุคคลต่างชาติ ที่มีเรื่องอื้อฉาว และไม่ใช่พลเมืองของนิการากัว ในการถือครองหนังสือเดินทางของนิการากัวด้วยโดยปายาอิส ระบุว่า การกระทำของออร์เตกาไม่เพียงขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังขัดต่อกฎหมายภายในของนิการากัว เพราะตามกฎหมายนิการากัวแล้ว การที่ผู้นำประเทศจะแต่งตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้แทนทางการทูตได้นั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาแห่งชาติเสียก่อน
ส่วน บิคตอร์ อูโก ติโนโก อดีตรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของนิการากัว ก็ออกมาวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีออร์เตกาทำให้ภาพลักษณ์ของนิการากัว ในสายตาของประชาคมโลกต้องเสียหายและขาดความน่าเชื่อถือ จากการแต่งตั้งบุคคลที่มีภูมิหลังไม่สุจริต มาทำหน้าที่ผู้แทนทางการทูต ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติของประเทศ และทำให้เกิดข้อครหาว่า "หนังสือเดินทางนิการากัวพร้อมที่จะถูกขายเพื่อแลกกับเงินของคนรวยที่ชัวร้าย"
อย่างไรก็ตาม มานูเอล โกโรเนล เคาต์ซ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของนิการากัว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแก้ต่างให้แก่การตัดสินใจของประธานาธิบดี ที่ได้ประกาศแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร เป็น "เอกอัครราชทูตพิเศษ"นั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ "ถูกต้องแล้ว "
เคาต์ซระบุว่า ทักษิณถือเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เพราะนอกจากจะเคยมีประสบการณ์ในด้านการเมืองแล้ว ก็ยังมีประสบการณ์ในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย ดังนั้น จึงการมอบหมาย "ภารกิจพิเศษ" ในการดึงดูดการลงทุน ให้กับทักษิณจึงถือเป็นเรื่องที่ดี แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประธานาธิบดีออร์เตกา ตัดสินใจในเรื่องนี้แบบไม่รอบคอบ และอาจมี "เบื้องหลัง" บางอย่างกับทักษิณ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ถูกมองว่า มีประวัติที่ไม่ขาวสะอาดก็ตาม
รัฐมนตรีช่วยผู้นี้ ซึ่งเป็นสหายสนิทของออร์เตกามาตั้งแต่สมัยเป็นสมาชิกแนวร่วมฝ่ายซ้ายแห่งขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติซันดินิสตา (Frente Sandinista de Liberaci?n Nacional - FSLN)ยืนยันว่า ออร์เตกาได้ตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้วในเรื่องนี้ พร้อมกับตำหนิการนำเสนอ
ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ และสื่อมวลชนท้องถิ่นในนิการากัว ที่พยายามนำประเด็นที่ทักษิณถูกทางการไทยออกหมายจับในข้อหาคอร์รัปชั่น และกระทำการยุยงให้เกิดความแตกแยกและความรุนแรงในประเทศไทย มาขยายความให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือทั้งของออร์เตกา และตัวทักษิณซึ่งมีสถานะเป็นทูตพิเศษของนิการากัว
อนึ่ง เว็บไซต์ของนิการากวนโพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในนิการากัว เมื่อวานนี้ได้รายงานข่าวผลการสำรวจของสำนัก เอ็มแอนด์อาร์ ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ลาเปรนซา ระบุว่า มีประชาชนที่ตอบคำถามสำรวจความเห็นจำนวนเพียง 17.7% ที่คิดว่าประธานาธิบดีออเตกา ทำงานได้ดีหรือดีมาก และมี 67.8% เชื่อว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อช่วยเหลือประชาชนนิการากัว
"จตุพร"อ้างไม่เห็นด้วยกับ"เจ๊เพ็ญ"
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่นายจักรภพ ประกาศต่อสู้ใต้ดินและจะใช้อาวุธเข้าดำเนินการว่า เป็นเพียงความคิดของนายจักรภพ เพียงคนเดียว เพราะล่าสุดตนยังไม่ได้ติดต่อกับนายจักรภพเลยภายหลังจากที่เดินออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสจะพูดกับนายจักรภพว่า แกนนำ กลุ่มเสื้อแดงทั้งในส่วนของตน นายวีระ มุสิกพงษ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เห็นด้วย เพาะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนแนวทาง
นายจตุพร กล่าวว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถูกทางแล้ว ที่ทำให้ประชาชน ไม่ต้องเสียชีวิต หากวันที่ 13 เม.ย.อยู่ท่ามกลางฝูงชนเราอาจเป็นฮีโร่แต่ต้องแลกกับชีวิตประชาชน วันนี้จึงบอกได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เวทีในสภาเป็นเพียงการต่อสู้ อีกอย่างหนึ่ง เส้นทางการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ต้องบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้พ่ายแพ้ แต่อยู่ในฐานที่ตั้งพร้อมที่จะออกมาทุกเมื่อ หากเราถูกท้าทาย ถูกไล่ล่า เอาผิดอย่างที่รัฐบาลตำรวจทำอยู่กับแกนนำคนเสื้อแดง และพยายามบิดเบือนป้ายสีความผิด มาให้เรา วันนั้นเราก็พร้อมออกมาชุมนุมด้วยจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน มากกว่าและยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนเงื่อนไขและเงื่อนเวลาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่นั้นอยู่ที่การกระทำของรัฐบาลที่จะทำให้คนเสื้อแดงทนไม่ไหวและต้องออกมาต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมอีกครั้ง
โวไทยไม่สามารถล่า"แม้ว"ได้
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในรัฐสถา แต่ภาพรวมการชี้แจงของฝ่ายค้านนั้นจะเชื่อมโยงให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง ทั้งนี้มองว่านายสุเทพ ไม่สามารถชี้แจงได้ ในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องการใช้อาวุธสงครามกับประชาชนและการที่ไปเอาตำรวจ จ.บุรีรัมย์ และ จ.ชัยภูมิ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า กลุ่มเสื้อแดงมีจุดแข็งคือ คนมาชุมนุมเองไม่ได้จัดตั้ง แต่ก็มีจุดอ่อนคือ มีช่องว่างทำให้คนมาสวมรอยได้ง่าย
ส่วนที่กระทรวงต่างประเทศร่างสนธิสัญญา UAE เพื่อให้จับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น เ นายจตุพร กล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐบาลยังแค่ร่าง แต่มาให้ข่าวก่อน เชื่อว่าไม่สามารถจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น มีมิตรอยู่ทั่วโลก
ส่วนกรณีที่มีการมองว่านายจตุพร ยังไม่ยอมมอบตัวเพราะต้องการรอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกลัวติดคุกหากวิปรัฐบาลโหวตให้ตนมอบตัวตนก็พร้อมไปมอบตัวทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ภายหลังปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 19 พ.ค.ตนจะไปมอบตัวอย่างแน่นอน
ชาวสมุทรสาครต้านแดงถ่อยก่อม็อบ
เช้าวานนี้ชาวบ้านใน จ.สมุทรสาคร กว่า 200 คนได้รวมตัวกันบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมถือป้ายมีข้อความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเปิดเวทีปราศรัย บริเวณลานตลาดนัด หมู่บ้านมหาชัยวิลล่า หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ในเย็นวันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยนายดำรง ทับสุวรรณ บ้านเลขที่ 49/849 หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นตัวแทนชาวบ้านอ่านแถลงการณ์คัดค้านการชุมนุมและมอบหนังสือคัดค้านให้นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี
โดยได้ระบุเหตุผลการคัดค้านว่า 1.ชาวสมุทรสาครไม่ต้องการเห็นการแตกแยกของคนประชาชนในพื้นที่ อันสืบเนื่องมาจากการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงดังเช่นเหตุการณ์ช่วงวันที่ 8–13 เม.ย.ที่ผ่านมา 2.เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการปะปนของแรงงานกลุ่มดังกล่าวในการร่วมชุมนุม ซึ่งเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการควบคุมความสงบเรียบร้อยกรณีเกิดเหตุจลาจลขึ้น 3.จากเหตุการณ์การจลาจลช่วงวันที่ 8-13 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ชาว จ.สมุทรสาคร กังวลใจว่า จะไม่มีความปลอดภัยเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่นเดียวกับชาวชุมชนนางเลิ้ง
ผบช.ภาค7วางแผนรับมือแดงถ่อย
วันเดียวกันเวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงศ์ ผบช.ภาค 7 ได้เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครเรียกประชุมด่วน นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือมาตรการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ รวมทั้งการรายงานสถานการณ์ด้านการข่าว แนวทางการประชาสัมพันธ์และการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน
พล.ต.ท.ถวิล เผยภายหลังการหารือนานกว่า 2 ชม.ว่า ได้กำชับให้ตำรวจจำนวนกว่า 1,000 นายที่จะปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย อยู่ในกรอบของกฏหมาย เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 2,000-3,000 คนและยืนยันว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าขัดขวางการชุมนุมอย่างแน่นอน แต่จะมีการตั้งด่านและจุดตรวจเข้มงวดมากกว่าปกติ เพราะต้องมีการตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียด ป้องกันเหตุความวุ่นวายและการจลาจลที่อาจเกิดขึ้น
ผบช.6นำทีมค้นแม่สอดล่าหางแดง
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารกูล ผบช.ภาค 6 พร้อมกำลังตำรวจ สภ.แม่สอด นำโดย พ.ต.อ.พัศวัตร แตงจุ้ย ผกก.สภ.แม่สอด, พ.ต.ท.แมน รัตนประทีป รอง ผกก.ปป.สภ.แม่สอด ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นแหล่งเป้าหมาย 7 จุดในเขต อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามหาตัวผู้ต้องหาที่หนีคดีตามหมายจับซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตำรวจภาค 6 สืบสวนสอบสวนทราบว่าได้หนีหมายจับมากบดานในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด
พล.ต.ท.สุรสีห์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6-7 จุดไม่พบผู้ต้องหา ตามหมายจับดังกล่าว แต่ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดและตั้งด่านสกัดและจุดตรวจในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายศาล เนื่องจาก อ.แม่สอด เป็นพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน มักมีข่าวการหลบหนีคดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ที่ถูกระบุว่าเป็นที่ซุกซ่อนของผู้ต้องหาหนีหมายจับ
ข่าวแจ้งว่า ผบช.ภาค 6 ได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ 7 แห่งของอดีตนักการเมืองในพื้นที่ โดยนักการเมืองคนดังกล่าว ได้เลิกเล่นการเมืองสนามใหญ่ไปแล้ว โดยเบื้องต้นมีข่าวว่าแกนนำ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. และแกนนำคนสำคัญคนอื่นๆ อีกหลายคน ได้หนีมากบดานกับนักการเมืองคนดังกล่าวแต่ไม่พบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า แกนนำคนเสื้อแดงที่หนีหมายจับ ได้เตรียมเส้นทางการหลบหนีมากบดานเพื่อรอจังหวะหนีออกไปยังประเทศพม่า