xs
xsm
sm
md
lg

IMFระบุเศรษฐกิจโลกปีนี้-1.3% ลดตัวเลขเติบโตปท.ใหญ่ทั่วถ้วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุในรายงานฉบับล่าสุด หั่นตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงอีกเป็น -1.3% พร้อมกับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆทั่วโลก รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นการประกันว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวได้จากภาวะถดถอยรุนแรง

ในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook หรือ WEO) ฉบับล่าสุดที่นำออกเผยแพร่วันพุธ(22) ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะติดลบ 1.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่ย่ำแย่ที่สุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะกลับขึ้นมาเป็น 1.9% ในปีหน้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลต่าง ๆจะสามารถแก้ไขปัญหาในภาคการเงินของประเทศได้มากน้อยเพียงไร

"ยิ่งสถานการณ์ภาคการเงินย่ำแย่นานขึ้นเท่าไร การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกก็จะยิ่งลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น" โอลิวิเยร์ บลังชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟกล่าว

เมื่อสามเดือนก่อน ไอเอ็มเอฟยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตรา 0.5% ก่อนจะมาเตือนในเดือนที่แล้วว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่การถดถอยอันเลวร้าย

ไอเอ็มเอฟบอกว่าที่ปรับลดประมาณการณ์ลงมาอย่างมากในคราวนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าการฟื้นตัวของตลาดการเงินน่าจะกินเวลายาวนานกว่าที่คาดเอาไว้

"ความกังวลหลักก็คือนโยบายกระตุ้นต่าง ๆที่รัฐบาลพากันออกมา อาจจะไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการส่งแรงสะเทือนสะท้อนกลับไปมา ระหว่างสภาพทางการเงินที่เลวร้ายลงกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้รับการสนับสนุนไม่มากนักในการออกมาตรการต่าง ๆที่จะมากอบกู้เศรษฐกิจ" ไอเอ็มเอฟกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(21) ไอเอ็มเอฟได้ออกมาเตือนว่า ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆทั่วโลกขาดทุนรวมกันถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และธนาคารต้องการเม็ดเงินทุนใหม่ราว 875,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสางปัญหาสินทรัพย์เน่าเสียให้หมดไป

ไอเอ็มเอฟยังได้เตือนด้วยว่า รัฐบาลควรต้องคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีกในปี 2010 เนื่องจากการยุติการกระตุ้นก่อนเวลาอันควรจะทำให้เกิดการถอยกลับของเศรษฐกิจเข้าไปสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งหนึ่ง

กองทุนฯยังได้ชี้ด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า น่าจะลดลงไปอีก หรือคงให้อยู่ใกล้หรือแตะระดับ 0% และเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกให้เร็วที่สุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในกรณีอัตราดอกเบี้ยยังไม่เป็นศูนย์หรือใกล้ศูนย์

บลังชาร์ดกล่าวอีกว่า ตลาดเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่นั้นมีปัญหาเรื่องเงินทุนไหลเข้าลดน้อยลงไปมาก และการค้าโลกที่หดหายไป ทั้งนี้ขณะที่อัตราการเติบโตในประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่น่าจะขยายตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและอินเดีย แต่ว่าถ้าจะให้อัตราขยายตัวกลับไปถึงระดับก่อนหน้าวิกฤต ก็ต้องรอให้ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้ามีการฟื้นตัวเสียก่อน

ไอเอ็มเอฟกล่าวว่าสหรัฐฯยังคงเป็นศูนย์กลางของวิกฤตต่อไป และเศรษฐกิจสหรัฐฯจะติดลบ 2.8% ในปีนี้ แม้ว่าจะมีสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯจะผ่อนคลายไปบ้างแล้ว แต่การฟื้นตัวน่าจะยังไม่เริ่มจนกว่าจะปีหน้า และอัตราการเติบโตปีหน้าก็ไม่น่าจะมากนักด้วย

"ตอนนี้มีพัฒนาการขึ้นบ้างในด้านความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และสัญญาณที่ว่าตลาดบ้านเริ่มดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดแล้ว แต่ก็จะเร็วเกินไปที่จะหวังให้มีอัตราการเติบโตที่เป็นบวก" ชาร์ลส์ คอลลินส์ นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟกล่าว

ในขณะที่ จอร์ก ดีเครสสิน นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟอีกคนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวก่อนที่เขตที่ใช้เงินยูโรเป็นหลัก เพราะว่ารัฐบาลในแถบยูโรโซน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการคลังและการเงินหลังจากสหรัฐฯมาก

ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะติดลบ 4.2% ในปีนี้ และในปีหน้าอัตราการเติบโตก็ยังคงติดลบอีก 0.4% เพราะยูโรโซนไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจมากเท่าที่ควรจะเป็น

และในยูโรโซน ไอร์แลนด์จะมีอัตราการหดตัวทางเศรษฐกิจมากถึงราว - 8% ปีนี้ และ -3% ในปีหน้า

ไอเอ็มเอฟชี้ว่าประเทศในสหภาพยุโรปควรจะร่วมมือกันทางด้านการเงินให้ใกล้ชิดมากขึ้น เพราะตอนนี้ธนาคารกำลังมีปัญหาด้านสินเชื่อหนักหน่วงมากขึ้นทุกที อันเนื่องมาจากการให้กู้กับประเทศยุโรปตะวันออกที่เศรษฐกิจทรุดตัวอย่างรุนแรง

ส่วนในเอเชียแม้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในประเทศตะวันตกอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ส่งผลรุนแรงที่สุดคือการค้าโลกที่หดตัว จนฉุดลากเอาเศรษฐกิจเอเชียให้ดิ่งลงไป ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างญี่ปุ่น จึงมีปัญหาเศรษฐกิจหนักหน่วงกว่าที่คิดเอาไว้ที่แรก และจีนจะมีอัตราการเติบโตที่เชื่องช้าลงกว่าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น