บทวิเคราะห์ของ Alastair Leithead ผู้สื่อข่าว BBC ประจำกรุงเทพฯ ที่มีต่อกรณีการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และ ASTV น่าสนใจมาก โดยเฉพาะที่มี “การมองว่า การลอบยิงนายสนธิ เป้าหมายอยู่ที่ความพยายามจะสร้างรอยขัดแย้ง แบ่งแยก เหลืองกับแดง ให้ร้าวลึกยิ่ง ให้ปะทะกัน โดยเหตุลอบยิงอาจจะทำให้ผู้ชุมนุมที่สวมเสื้อเหลืองออกมาตำหนิว่า เป็นการกระทำของกลุ่มเสื้อแดง แต่ต้องไม่ลืมว่า นายสนธิเองก็มีศัตรูหลายฝ่ายรวมถึงตำรวจ กองทัพ หรือแม้แต่บางคนในรัฐบาล การโจมตีเมื่อวันศุกร์เท่ากับเป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างผู้ชุมนุมสองฝ่ายนำไปสู่การแบ่งฝักฝ่ายครั้งใหญ่อีกครั้ง”
แม้ความปรารถนาของ Who you know // คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่สำเร็จ กล่าวคือ คุณสนธิไม่ตาย ปลอดภัยสมบูรณ์ รอวันกลับมาบัญชาการ ASTV เช่นเคย หนำซ้ำ ผู้ติดตามก็ปลอดภัยดีทุกคน และไม่มีการเคลื่อนทัพของเสื้อเหลือง แต่เราจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องกระชากหน้าการ Who you Know ออกมาให้ได้ และแม้ว่า Alastair Leithead จะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า จอมบงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องการให้คนสองกลุ่มปะทะกันไปเพื่ออะไร หรือเขาได้ประโยชน์อันใดจากการนี้ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบที่หาได้ไม่ยาก เพราะคำตอบได้ถูกนำมาเฉลยไว้แล้วจากการให้ปากคำต่อสาธารณชนของผู้เสียหาย อย่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดผ่านรายการ Good Morning Thailand ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในบ้านเมืองติดๆ กัน ตั้งแต่ก่อนวันสงกรานต์ คุณสนธิได้พูดอะไรกับพี่น้องประชาชนผ่านรายการดังกล่าวบ้าง ลองกลับไปประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมกันอีกที
ย้อนกลับไป 16 เมษายน ก่อนหน้าจะถูกลอบยิงเพียงวันเดียว คุณสนธิ ใช้รายการ “Good Morning Thailand” พูดถึงความไม่ชอบมาพากลในเหตุการณ์ล้มประชุมอาเซียน พยายามฆ่านายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ทำร้ายนายกรัฐมนตรี ว่าทั้งหมดคือ เกมของการป่วนเมือง และเป็นเกมทำลายชาติ และกล่าวว่า ทหารบางคนจ้องที่จะเข้ามาสวมสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่พัทยา หรือที่กระทรวงมหาดไทย ตลอดจนการป่วนบ้านป่วนเมือง เผาบ้านเผาเมือง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกินความคาดคิดเลย
และมีการพูดถึงข้อมูลที่น่าสนใจ เรื่องภาวะเกียร์ว่างของกองทัพ โดยระบุว่า ในการประชุมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินช่วงสงกรานต์ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้สั่งการรับมือกับปัญหาทั้งหมด ในการประชุมที่นายกฯ เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่พูดอะไรเลย และคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทำหน้าตาบ้องแบ้ว ... ตลอดจนผู้นำเหล่าทัพทั้งหลาย รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนกับอมอะไรไว้ในปากพูดไม่ออก ดูให้ดีๆ ข้อมูลในเชิงลับก็คือว่า งานนั้นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนสั่งการให้ทำ ทหารไม่ได้เสนออะไรเลย ทหารเพียงแต่พยักหน้ารับคำสั่ง อาจจะนึกในใจว่า มึงเก่งนักมึงสั่งไปเดี๋ยวมึงก็พังเอง ปรากฏว่าไม่พัง
พร้อมกันนั้น คุณสนธิ ยังเหมือนส่งสัญญาณเตือนออกไปยัง The Who you know ซึ่งเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายว่า ควรจะยุติกันได้แล้ว คนที่แอบจับมือกันเพื่อที่จะตั้งรัฐบาล แล้วก็หวังจะให้อีกฝ่ายมีสถานการณ์เกิดขึ้นจะได้เข้ามาสวมแล้วก็ตั้งรัฐบาล แล้วก็เอาอีกคนขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน พี่น้องครับ ชาติบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะมาเล่นกันแบบนั้น แล้วไม่ใช่สมบัติที่จะมาผลัดกันชมแบบบ้าๆ บอๆ
ตอนท้ายๆ รายการ คุณสนธิชี้ว่า มีกระบวนการจะล้มรัฐบาลหลายขั้น เป้าแรกสุดที่เขาอ้างว่า ปฏิวัติ ทหารใส่เกียร์ว่าง ตำรวจเกียร์ว่างมานานแล้ว เพื่อจะล้มรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วถ้าเหตุการณ์ควบคุมไม่ได้ ทหารก็จะเข้ามายึดอำนาจทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีคนปะทะกัน และใครหละที่จะปะทะได้ถ้าไม่ใช่เสื้อเหลืองปะทะ เพราะเสื้อน้ำเงินก็ถูกรับจ้างมาเหมือนกันมี 400 - 500 คน ส่วนหนึ่งของเสื้อน้ำเงินก็คือตำรวจ นปพ. แล้วก็มีตำรวจบางส่วนที่บุรีรัมย์มา จริงๆ เสื้อน้ำเงินกับเสื้อแดงมันก็รู้กันมันพวกเดียวกัน เพราะมันเคยร่วมสู้กัน ไม่สังเกตเหรอพี่น้อง พอเสื้อแดงมันบุกศาลากลางพัทยา มันก็มาจับไม้จับมือขอโทษขอโพยกัน
ก่อนหน้านั้น 11 – 15 เมษายน ไม่มีรายงาน Good Morning Thailand ปรากฏว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ใช้รายการในเช้าวันศุกร์ ที่ 10 เมษายน วิเคราะห์สถานการณ์ป่วนเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ Good Morning Thailand จาก จ.เชียงใหม่
ประการแรก มีการฟันธงเลยว่า เหตุการณ์ป่วนกรุงตั้งแต่ปิดถนน ที่เป็นชุมทางเดินรถสำคัญๆ ใจกลางกรุงอย่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นกระบวนการที่เป็นแผนการ และมีเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ความร่วมมือ และร่วมวางแผนดังที่ระบุว่า
“…ฝ่ายเสื้อแดงเขามีที่ปรึกษาเป็นตำรวจนครบาล ที่แอบกระซิบเขาบอกว่า ถ้าจะให้กรุงเทพฯวุ่นวายเป็นอัมพาตนั้นไปที่ไหน พี่น้อง ท่านผู้ชมครับ กระบวนการนี้มีการวางแผนด้วยการสนับสนุนของตำรวจบางส่วนจำนวนไม่น้อย ที่ยังฝักใฝ่กับ นช.ทักษิณ อยู่ แล้วตำรวจพวกนี้คือตำรวจที่ทำร้ายเรามาตลอด ที่น่าเสียใจคือยังมีอำนาจอยู่เหมือนเดิม”
“…พี่น้องให้รถแท็กซี่เพียง 5-6 คัน ปิดช่องถนนแล้วก็ปิดตาย ผมเกิดมาเพิ่งเคยเห็นว่าแท็กซี่ใหญ่กว่าตำรวจก็จะมีช่วงนี้แหละ แท็กซี่ไม่มีวันใหญ่กว่าตำรวจได้หรอกครับ แต่ที่แท็กซี่ใหญ่กว่าตำรวจได้ เพราะว่าตำรวจแอบร่วมมือ จับมือกับแท็กซี่เพื่อให้ป่วนเมือง พี่น้องครับ เมื่อใดก็ตามที่เอารถไปจอดปิดขวางการจราจร ตำรวจมีหน้าที่ต้องยกรถคันนั้นออก เพราะตำรวจอ้างว่า พอจอดรถแล้วทิ้งรถไปเลยไม่รู้เจ้าของรถอยู่ที่ไหน นั่นยิ่งเป็นสาเหตุมากพอที่จะให้ยกรถออกได้เลย ก็ขนาดรถจอดอยู่ตรงเขตห้ามจอด คุณยังเอารถยกมายกไปได้เลย แล้วนี่รถมาขวางการจราจร คุณยิ่งมีสาเหตุจะยกได้...”
ประการที่สอง คุณสนธิ พูดต่อว่า กระบวนการทั้งหมด มีเข็มมุ่งเพื่อให้เกิดการปฏิวัติโดยมวลชน ตามทฤษฎีของฝ่ายซ้าย
“เจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงเริ่มเห็นชัดแล้ว ผมจะเล่าให้ฟัง นี่เข้าหลักทฤษฎีของการที่ฝ่ายซ้ายจัดเชื่อว่าต้องเป็นการปฏิวัติโดยมวลชนและประชาชน และพี่น้องสังเกตอย่าง ผมให้สังเกตรูปร่างหน้าตาของคนที่ถ่ายออกมา ข้อที่ 1 เป็นที่น่าสังเกต 99เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ชายหมด อันที่ 2 ... คนพวกนี้ถูกเรียกมาเพื่อจงใจให้เกิดเรื่อง ...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนซึ่งจะต้องอยู่ตลอดเวลา เป็นลักษณะของคนเกเร คนที่พร้อมจะหาเรื่อง หรือคนที่ได้รับว่าจ้างมา นี่คือกลุ่มคนที่ถูกวางตัวมา ส่วนที่เหลือนั้นคือกลุ่มชาวบ้านที่นั่งรถบัสมาจากต่างจังหวัด นั่งรถปิกอัพหัวละ 2,000 อยู่ 3 วัน เจ้าของรถปิกอัพได้ 10,000 บาท คนพวกนี้จะเฮไหนเฮนั่น แต่ถึงเวลาจะกลับบ้านกัน จะไม่เข้าใจ…”
ประการที่สาม ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเกมป่วนเมือง ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือตำรวจ หรือรัฐบาล ฯลฯ เกมนี้มีรางวัลล่อใจก้อนใหญ่
“…มีการแอบตกลงกันเอาไว้ มาประนีประนอม พี่เรื่องนี้ช่วยผมได้ นี่ทรัพย์ผมนะ ผมตัดให้เลย 20,000 กว่าล้าน เอาไปพี่ผมขอคืนแค่ 50,000 ล้านเอง ตลอดจนทหารบางคน ตำรวจบางคน ภาษิตคนโบราณที่เขาบอกมีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้นั้น อย่าดูถูก เป็นความจริง…”
ประการที่สี่ วันนั้นคุณสนธิวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตุ๊กตาบนกระดานเกมอำนาจไว้อย่างน่าสนใจ เช่น ทักษิณกับไอ้ป๊อกซื่อบื้อที่สนิทสนมกันมาก่อน โดยพูดถึง เรื่องของเงินทำบุญ 7 หลักในงานศพของแม่นายทหารใหญ่ ซึ่งเป็นหลักฐานแห่ง ความสัมพันธ์
“ผู้ดำเนินรายการ Good Morning Thailand ยังตั้งคำถามถึงท่าทีของ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่นิ่งเฉยกับเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อ 7 ตุลาคม เหมือนจงใจทำตัวเป็นเกมเข้าทางที่ นช.ทักษิณ ต้องการ ไม่ทราบว่ามีการตกลงอะไรรึเปล่า แต่ช่างเถอะ ใครทำเวรกรรมอะไร จะรับเวรกรรมอันนั้นอย่างแน่นอนที่สุด”
“รวมถึงมีการตั้งคำถามที่จู่ๆ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ถูก นช.ทักษิณ กล่าวหาว่า เป็นตัวการที่บีบบังคับให้พรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจน ส.ส.สายเนวิน ชิดชอบ ให้ย้ายพรรคมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล ตรงนี้แหละที่เขาเริ่มวางแผนสงครามประชาชน สังเกตได้ เมื่อเขาเริ่มวางแผนตรงนี้ เริ่มตอนไหน เริ่มวางตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นนายกรัฐมนตรี...”
“สำหรับสุเทพ เทือกสุบรรณ นช.ทักษิณ ไม่ได้กลัว เพราะเขาสนิทกันมาก และนั่นคือ ที่มาของการเจรจาว่า คุณสุเทพ พร้อมเจรจาทุกเมื่อ”
“เขาใช้ม็อบเสื้อแดงปะทะครั้งหนึ่ง หายไปครั้งหนึ่ง จนกระทั่งในที่สุดจะมีการตกลงกับใครรึเปล่าไม่รู้ เขาก็พูดกันเลยว่า ผมจะขนมานะ 90 ผมจะเล่นแรงนะ เพื่อเป็นมูลเหตุให้คุณหาทางเจรจากับผม”
“ล่าสุดข่าวมาว่า เขาแอบเจรจากับ พล.อ.... ว่า เขาจะเลิกหมด ขอให้เลิกอายัดทรัพย์ เขาขอให้แก้รัฐธรรมนูญ หรือยุบสภา ซึ่ง พล.อ.XXXXX ถึงจะเป็นไอ้XXXซื่อบื้อของเขา พอมาเรื่องนี้ซื่อบื้อต่อไม่ได้ เพราะการยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ไม่ยอม จะทำยังไงให้ยอม”
บทสรุปจากผู้ชมรายการ Good morning Thailand คนหนึ่งอย่างดิฉันต่อสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากล้มประชุมอาเซียนถึงลอบสังหารสนธิ ได้สมการ ออกมา ดังนี้
แม้ความปรารถนาของ Who you know // คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่สำเร็จ กล่าวคือ คุณสนธิไม่ตาย ปลอดภัยสมบูรณ์ รอวันกลับมาบัญชาการ ASTV เช่นเคย หนำซ้ำ ผู้ติดตามก็ปลอดภัยดีทุกคน และไม่มีการเคลื่อนทัพของเสื้อเหลือง แต่เราจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องกระชากหน้าการ Who you Know ออกมาให้ได้ และแม้ว่า Alastair Leithead จะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า จอมบงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องการให้คนสองกลุ่มปะทะกันไปเพื่ออะไร หรือเขาได้ประโยชน์อันใดจากการนี้ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบที่หาได้ไม่ยาก เพราะคำตอบได้ถูกนำมาเฉลยไว้แล้วจากการให้ปากคำต่อสาธารณชนของผู้เสียหาย อย่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดผ่านรายการ Good Morning Thailand ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในบ้านเมืองติดๆ กัน ตั้งแต่ก่อนวันสงกรานต์ คุณสนธิได้พูดอะไรกับพี่น้องประชาชนผ่านรายการดังกล่าวบ้าง ลองกลับไปประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมกันอีกที
ย้อนกลับไป 16 เมษายน ก่อนหน้าจะถูกลอบยิงเพียงวันเดียว คุณสนธิ ใช้รายการ “Good Morning Thailand” พูดถึงความไม่ชอบมาพากลในเหตุการณ์ล้มประชุมอาเซียน พยายามฆ่านายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ทำร้ายนายกรัฐมนตรี ว่าทั้งหมดคือ เกมของการป่วนเมือง และเป็นเกมทำลายชาติ และกล่าวว่า ทหารบางคนจ้องที่จะเข้ามาสวมสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่พัทยา หรือที่กระทรวงมหาดไทย ตลอดจนการป่วนบ้านป่วนเมือง เผาบ้านเผาเมือง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกินความคาดคิดเลย
และมีการพูดถึงข้อมูลที่น่าสนใจ เรื่องภาวะเกียร์ว่างของกองทัพ โดยระบุว่า ในการประชุมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินช่วงสงกรานต์ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้สั่งการรับมือกับปัญหาทั้งหมด ในการประชุมที่นายกฯ เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่พูดอะไรเลย และคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทำหน้าตาบ้องแบ้ว ... ตลอดจนผู้นำเหล่าทัพทั้งหลาย รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนกับอมอะไรไว้ในปากพูดไม่ออก ดูให้ดีๆ ข้อมูลในเชิงลับก็คือว่า งานนั้นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนสั่งการให้ทำ ทหารไม่ได้เสนออะไรเลย ทหารเพียงแต่พยักหน้ารับคำสั่ง อาจจะนึกในใจว่า มึงเก่งนักมึงสั่งไปเดี๋ยวมึงก็พังเอง ปรากฏว่าไม่พัง
พร้อมกันนั้น คุณสนธิ ยังเหมือนส่งสัญญาณเตือนออกไปยัง The Who you know ซึ่งเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายว่า ควรจะยุติกันได้แล้ว คนที่แอบจับมือกันเพื่อที่จะตั้งรัฐบาล แล้วก็หวังจะให้อีกฝ่ายมีสถานการณ์เกิดขึ้นจะได้เข้ามาสวมแล้วก็ตั้งรัฐบาล แล้วก็เอาอีกคนขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน พี่น้องครับ ชาติบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะมาเล่นกันแบบนั้น แล้วไม่ใช่สมบัติที่จะมาผลัดกันชมแบบบ้าๆ บอๆ
ตอนท้ายๆ รายการ คุณสนธิชี้ว่า มีกระบวนการจะล้มรัฐบาลหลายขั้น เป้าแรกสุดที่เขาอ้างว่า ปฏิวัติ ทหารใส่เกียร์ว่าง ตำรวจเกียร์ว่างมานานแล้ว เพื่อจะล้มรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วถ้าเหตุการณ์ควบคุมไม่ได้ ทหารก็จะเข้ามายึดอำนาจทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีคนปะทะกัน และใครหละที่จะปะทะได้ถ้าไม่ใช่เสื้อเหลืองปะทะ เพราะเสื้อน้ำเงินก็ถูกรับจ้างมาเหมือนกันมี 400 - 500 คน ส่วนหนึ่งของเสื้อน้ำเงินก็คือตำรวจ นปพ. แล้วก็มีตำรวจบางส่วนที่บุรีรัมย์มา จริงๆ เสื้อน้ำเงินกับเสื้อแดงมันก็รู้กันมันพวกเดียวกัน เพราะมันเคยร่วมสู้กัน ไม่สังเกตเหรอพี่น้อง พอเสื้อแดงมันบุกศาลากลางพัทยา มันก็มาจับไม้จับมือขอโทษขอโพยกัน
ก่อนหน้านั้น 11 – 15 เมษายน ไม่มีรายงาน Good Morning Thailand ปรากฏว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ใช้รายการในเช้าวันศุกร์ ที่ 10 เมษายน วิเคราะห์สถานการณ์ป่วนเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ Good Morning Thailand จาก จ.เชียงใหม่
ประการแรก มีการฟันธงเลยว่า เหตุการณ์ป่วนกรุงตั้งแต่ปิดถนน ที่เป็นชุมทางเดินรถสำคัญๆ ใจกลางกรุงอย่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นกระบวนการที่เป็นแผนการ และมีเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ความร่วมมือ และร่วมวางแผนดังที่ระบุว่า
“…ฝ่ายเสื้อแดงเขามีที่ปรึกษาเป็นตำรวจนครบาล ที่แอบกระซิบเขาบอกว่า ถ้าจะให้กรุงเทพฯวุ่นวายเป็นอัมพาตนั้นไปที่ไหน พี่น้อง ท่านผู้ชมครับ กระบวนการนี้มีการวางแผนด้วยการสนับสนุนของตำรวจบางส่วนจำนวนไม่น้อย ที่ยังฝักใฝ่กับ นช.ทักษิณ อยู่ แล้วตำรวจพวกนี้คือตำรวจที่ทำร้ายเรามาตลอด ที่น่าเสียใจคือยังมีอำนาจอยู่เหมือนเดิม”
“…พี่น้องให้รถแท็กซี่เพียง 5-6 คัน ปิดช่องถนนแล้วก็ปิดตาย ผมเกิดมาเพิ่งเคยเห็นว่าแท็กซี่ใหญ่กว่าตำรวจก็จะมีช่วงนี้แหละ แท็กซี่ไม่มีวันใหญ่กว่าตำรวจได้หรอกครับ แต่ที่แท็กซี่ใหญ่กว่าตำรวจได้ เพราะว่าตำรวจแอบร่วมมือ จับมือกับแท็กซี่เพื่อให้ป่วนเมือง พี่น้องครับ เมื่อใดก็ตามที่เอารถไปจอดปิดขวางการจราจร ตำรวจมีหน้าที่ต้องยกรถคันนั้นออก เพราะตำรวจอ้างว่า พอจอดรถแล้วทิ้งรถไปเลยไม่รู้เจ้าของรถอยู่ที่ไหน นั่นยิ่งเป็นสาเหตุมากพอที่จะให้ยกรถออกได้เลย ก็ขนาดรถจอดอยู่ตรงเขตห้ามจอด คุณยังเอารถยกมายกไปได้เลย แล้วนี่รถมาขวางการจราจร คุณยิ่งมีสาเหตุจะยกได้...”
ประการที่สอง คุณสนธิ พูดต่อว่า กระบวนการทั้งหมด มีเข็มมุ่งเพื่อให้เกิดการปฏิวัติโดยมวลชน ตามทฤษฎีของฝ่ายซ้าย
“เจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงเริ่มเห็นชัดแล้ว ผมจะเล่าให้ฟัง นี่เข้าหลักทฤษฎีของการที่ฝ่ายซ้ายจัดเชื่อว่าต้องเป็นการปฏิวัติโดยมวลชนและประชาชน และพี่น้องสังเกตอย่าง ผมให้สังเกตรูปร่างหน้าตาของคนที่ถ่ายออกมา ข้อที่ 1 เป็นที่น่าสังเกต 99เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ชายหมด อันที่ 2 ... คนพวกนี้ถูกเรียกมาเพื่อจงใจให้เกิดเรื่อง ...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนซึ่งจะต้องอยู่ตลอดเวลา เป็นลักษณะของคนเกเร คนที่พร้อมจะหาเรื่อง หรือคนที่ได้รับว่าจ้างมา นี่คือกลุ่มคนที่ถูกวางตัวมา ส่วนที่เหลือนั้นคือกลุ่มชาวบ้านที่นั่งรถบัสมาจากต่างจังหวัด นั่งรถปิกอัพหัวละ 2,000 อยู่ 3 วัน เจ้าของรถปิกอัพได้ 10,000 บาท คนพวกนี้จะเฮไหนเฮนั่น แต่ถึงเวลาจะกลับบ้านกัน จะไม่เข้าใจ…”
ประการที่สาม ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเกมป่วนเมือง ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือตำรวจ หรือรัฐบาล ฯลฯ เกมนี้มีรางวัลล่อใจก้อนใหญ่
“…มีการแอบตกลงกันเอาไว้ มาประนีประนอม พี่เรื่องนี้ช่วยผมได้ นี่ทรัพย์ผมนะ ผมตัดให้เลย 20,000 กว่าล้าน เอาไปพี่ผมขอคืนแค่ 50,000 ล้านเอง ตลอดจนทหารบางคน ตำรวจบางคน ภาษิตคนโบราณที่เขาบอกมีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้นั้น อย่าดูถูก เป็นความจริง…”
ประการที่สี่ วันนั้นคุณสนธิวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตุ๊กตาบนกระดานเกมอำนาจไว้อย่างน่าสนใจ เช่น ทักษิณกับไอ้ป๊อกซื่อบื้อที่สนิทสนมกันมาก่อน โดยพูดถึง เรื่องของเงินทำบุญ 7 หลักในงานศพของแม่นายทหารใหญ่ ซึ่งเป็นหลักฐานแห่ง ความสัมพันธ์
“ผู้ดำเนินรายการ Good Morning Thailand ยังตั้งคำถามถึงท่าทีของ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่นิ่งเฉยกับเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อ 7 ตุลาคม เหมือนจงใจทำตัวเป็นเกมเข้าทางที่ นช.ทักษิณ ต้องการ ไม่ทราบว่ามีการตกลงอะไรรึเปล่า แต่ช่างเถอะ ใครทำเวรกรรมอะไร จะรับเวรกรรมอันนั้นอย่างแน่นอนที่สุด”
“รวมถึงมีการตั้งคำถามที่จู่ๆ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ถูก นช.ทักษิณ กล่าวหาว่า เป็นตัวการที่บีบบังคับให้พรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจน ส.ส.สายเนวิน ชิดชอบ ให้ย้ายพรรคมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล ตรงนี้แหละที่เขาเริ่มวางแผนสงครามประชาชน สังเกตได้ เมื่อเขาเริ่มวางแผนตรงนี้ เริ่มตอนไหน เริ่มวางตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นนายกรัฐมนตรี...”
“สำหรับสุเทพ เทือกสุบรรณ นช.ทักษิณ ไม่ได้กลัว เพราะเขาสนิทกันมาก และนั่นคือ ที่มาของการเจรจาว่า คุณสุเทพ พร้อมเจรจาทุกเมื่อ”
“เขาใช้ม็อบเสื้อแดงปะทะครั้งหนึ่ง หายไปครั้งหนึ่ง จนกระทั่งในที่สุดจะมีการตกลงกับใครรึเปล่าไม่รู้ เขาก็พูดกันเลยว่า ผมจะขนมานะ 90 ผมจะเล่นแรงนะ เพื่อเป็นมูลเหตุให้คุณหาทางเจรจากับผม”
“ล่าสุดข่าวมาว่า เขาแอบเจรจากับ พล.อ.... ว่า เขาจะเลิกหมด ขอให้เลิกอายัดทรัพย์ เขาขอให้แก้รัฐธรรมนูญ หรือยุบสภา ซึ่ง พล.อ.XXXXX ถึงจะเป็นไอ้XXXซื่อบื้อของเขา พอมาเรื่องนี้ซื่อบื้อต่อไม่ได้ เพราะการยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ไม่ยอม จะทำยังไงให้ยอม”
บทสรุปจากผู้ชมรายการ Good morning Thailand คนหนึ่งอย่างดิฉันต่อสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากล้มประชุมอาเซียนถึงลอบสังหารสนธิ ได้สมการ ออกมา ดังนี้