xs
xsm
sm
md
lg

เกียรติ กาม กิ๊ก และการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตกตะลึงกันทั้งบ้านทั้งเมือง เมื่อมีเสียงร่ำลือที่ไม่ยืนยันว่า รัฐมนตรีหนุ่มผิวคล้ำ หล่อเข้ม อักษรย่อ ‘ส.’ มีความใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่าความสัมพันธ์ฉันปกติกับหญิงสาวอักษรย่อ ‘น.’ ถึงขนาดสามารถทำให้เธอได้เลื่อนขึ้นชั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ได้

เรื่องดังกล่าวกลายเป็นปมร้อนแรงถึงขั้นทำให้กระแสความสัมพันธ์ฉันท์ ‘กิ๊ก’ ถูกโหมขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็น ‘กิ๊กการเมือง’ ที่หลายๆ ฝ่ายกำลังเฝ้ารอว่าหากมีการอภิปรายเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไร รับรองว่าบรรยากาศการอภิปรายต้องกลายเป็น ‘ตลาดสด’ ขึ้นมาเมื่อนั้น เพราะคงจะหนีไม่พ้นนักการเมือง ‘ปากตลาด’ ที่คอยจ้องจะพูดถึงแต่เรื่องผัวชาวบ้าน และเมียคนอื่น

เดอะ ‘กิ๊ก’
เรื่อง ‘กิ๊ก’ คืบคลานมาสู่ชีวิตคนไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครบอกได้ แต่กลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา

‘กิ๊ก’ มีได้ไม่จำกัดจำนวน เป็นอินฟินิตี้ ไม่จำกัดเพศ วัย และสถานภาพ ซึ่งนิยามของคำว่า ‘กิ๊ก’ ในอดีตที่ผ่านมา ความหมายแรกคือ ‘กิ๊ก’ ไม่ใช่ ‘ชู้’ แต่แฟนรู้ต้องเลิก...ความหมายที่สอง ‘กิ๊ก’ คือคนที่เราใส่ในมากกว่าเพื่อน...ซึ่งในภาพรวมคนไทยส่วนใหญ่ให้ความหมายกับสถานะภาพ ‘กิ๊ก’ ไปในทางเดียวกันว่า เป็นคนที่มีความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกัน คิดถึงกัน แต่ไม่ใช่แฟนกัน

ประเด็นหนึ่งซึ่งไม่มีการฟันธงชัดเจนนั่นคือเรื่องการมีเซ็กซ์หรือไม่ โดยบางกลุ่มบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องล้ำเส้นสำหรับกิ๊ก ขณะที่บางคนบอกว่าไม่แปลกที่การเป็นกิ๊กจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ทางเพศ


อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบทบาทของ ‘กิ๊ก’ ได้เข้าไปพัวพันในแวดวงการเมืองเพราะเรื่อง ‘กิ๊ก’ นำไปสู่เรื่องของการหาผลประโยชน์ ที่ล่าสุดพรรคฝ่ายค้านออกโรงมาขู่จะอภิปรายเรื่องรัฐมนตรีมี ‘กิ๊ก’ เรื่องจริยธรรมของรัฐมนตรี โดยไม่เกรงกลัวว่าประเด็นดังกล่าวอาจเป็นบูมเมอแรงที่ขว้างเข้าหาตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งอดีตที่ผ่านมาก็มีข่าวเกรียวกราวเรื่องสาวๆ ฉาวๆ และมีคลิปวีดีโอฉาวโฉ่ทั่วประเทศมาแล้ว

บางฝ่ายก็มองว่า ประเด็น ‘กิ๊ก’ ที่ฝ่ายค้านจะนำมาอภิปรายนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เรื่องเด็กๆ เรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องนำมาอภิปรายก็ได้ แต่หากคำว่า ‘กิ๊ก’ เจ้าปัญหานั้นไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศด้วยล่ะ?....จะต้องอภิปรายกับแบบถึงพริกถึงขิง ถึงมุ้งถึงเตียงแค่ไหน?...

สดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีบางคนมีกิ๊ก ซึ่งอาจขัดกับจริยธรรมทางการเมืองว่า จริยธรรมทางการเมืองมีระบุอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ ซึ่งผู้ควบคุมจริยธรรมทางการเมือง ไม่ใช่ กกต. แต่ทางสภาต้องเข้ามาควบคุมกันเองว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า ถ้ากิ๊กของรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐมนตรี สดศรี กล่าวว่า หากรัฐมนตรีมีการโอนทรัพย์สินให้กับบุคคลภายนอก ถือเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องเข้ามาตรวจสอบ กกต. คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและตรวจสอบในเรื่องนี้

เรื่องทำนองอย่างนี้ ไม่ใช่ข้อบกพร่องในการบริหารงาน แต่มุ่งที่จะโจมตี “จริยธรรมทางการเมือง” เป็นด้านหลัก

แฉรักในมุมลับ
ก้าวผ่านความเห็นมาสู่ความเป็นจริงเรื่องของ ‘กิ๊ก’ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการนอกใจคู่รักหรือการมีกิ๊ก พบว่ามากว่าร้อยละ 98 เคยนอกใจแฟนตนเองด้วยการมีกิ๊ก และในจำนวนนี้ร้อยละ 60 เคยมีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กของตนเอง

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมกิ๊กถึงเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่แพร่ระบาดสู่ชีวิตของคนไทยมากมายถึงเพียงนั้น

ในการสำรวจครั้งนี้ ได้ล้วงลึกไปถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการนอกใจคู่รักหรือคู่สมรส และพบว่าสาเหตุสำคัญ 3 อันดับแรกคือ ความจู้จี้ขี้บ่นของหญิง และความไม่เอาไหนของชาย, ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ไม่ดี ทะเลาะเบาะแว้งกัน, และความเหงา ขาดความรัก ความอบอุ่นภายในครอบครัว ไล่เรียงกันมาตามลำดับ


ดร. นภดล กรรณิกา แห่งเอแบคโพลล์ กล่าวว่า พฤติกรรมการนอกใจคู่รักและการมีกิ๊กอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่สำคัญที่ทำลายสถาบันครอบครัวไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของสังคม

ด้าน ดร. จิตรา ดุษฎีเมธา แห่งศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ชี้ว่า ถ้าครอบครัวไหนรู้ความจริงว่าสามีหรือภรรยาของตัวเองไปมีกิ๊ก หรือนอกใจไปมีคนอื่น เชื่อว่าไม่มีใครทำใจได้ เพราะถือเป็นการนอกใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ความจริงจึงต้องมีการคุยกันเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ท้ายที่สุดหนีไม่พ้นต้องลงท้ายด้วยการทะเลาะกัน

“การมีกิ๊กทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ คือ การมั่วเพศ เกิดโรคติดต่อ สร้างความร้าวฉานขึ้นในครอบครัว เกิดการทำร้ายร่างกาย และที่สุดแล้วบางครอบครัวเกิดการหย่าร้าง ในบางครอบครัวตกลงกันไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาที่รุนแรง มีการฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งเกิดขึ้น จากนั้นฆ่าตัวเองตาม นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม”

วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก
ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข กล่าวถึงกรณีกิ๊กในแวดวงการเมืองว่า ส่วนตัวไม่ชอบคำว่า ‘กิ๊ก’ ที่เอามาเรียกพวกเมียเก็บ เมียน้อย ให้ดูน่ารัก แล้วยิ่งในแวดวงนักการเมืองซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่คนทั้งโลกกำลังจับตามองอยู่นั้น การประพฤติปฏิบัติตัวย่อมต้องเป็นแบบอย่างในทางที่ดี แล้วจริงแล้วไม่ว่าจะอาชีพไหนๆ พ่อค้า แพทย์ ทนายความ ตำรวจ การนอกใจไปมีภรรยาน้อยถือว่าเป็นคนที่มีศีลธรรมต่ำ มีความผิดปกติทางจิต

“คนเราสู่ต่ำอยู่ที่ทำตัว ผู้หญิงที่ไปคบกับสามีชาวบ้านโดยเจตนาหรือไม่ก็ถือเป็นความผิด ผิดศีลข้อ 3 สมัยก่อนมักจะมีคำพูดที่ว่า ‘ได้เสียกัน’ คือผู้ชายมักจะได้และผู้หญิงมักจะเสีย แต่ในปัจจุบันอาจจะได้เสมอกันทั้ง 2 ฝ่าย นั่นคือ ‘ความเลว’

เจ๊เบียบกล่าวต่ออีกว่า ครอบครัวใหญ่ คือ ประเทศชาติ นักการเมืองในฐานะคนพิเศษที่ได้รับความเชื่อถือจากพรรค ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่กลับไม่ยอมทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เมื่อมีตำแหน่งหน้าที่สมควรมีวินัยครอบอยู่ในตัว โดยไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรม และไม่ดูถูกตัวเอง

“สำหรับการทำงานในแวดวงการเมือง เมียหลวงและคู่สามีเขาได้ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกัน แต่เมื่อมีเงินมีอำนาจทางการเมืองมากขึ้น ความสุขที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักกลายเป็นความเห็นแก่ตัว มีบ้านใหญ่แล้วก็ยังไปมีบ้านเล็กหลังที่ 2 หลังที่ 3 และหลังที่ 4 แสวงหาไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อนั้นเงินทองทั้งหลายที่เคยไหลเข้าบ้านใหญ่ก็ไม่เพียงพอเพราะต้องแบ่งให้บ้านเล็ก นำมาซึ่งความเสื่อม ต้องหารายได้เพิ่มให้มากพอกับการเลี้ยงดูปรนเปรอทุกบ้าน ดังนั้นการทุจริตคอรัปชั่นก็เกิดขึ้น การอุทิศตนให้แก่บ้านเมืองก็น้อยลง

“ทุกวันนี้ผู้ชายมีความรับผิดชอบต่อสถาบันครอบครัวลดน้อยลง เพราะหันไปติดเซ็กซ์ เรื่องของเซ็กซ์เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เราต้องปลูกฝังลูกหลานเสียใหม่ให้มีจิตใจเป็นสุภาพบุรุษ ผู้หญิงเป็นเพศแม่ ไม่ใช่ผักปลา ไม่ใช่ของไร้ค่า

“สังคมไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องผู้ชายมีเมียน้อยหรือกิ๊ก เป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง แม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ผิดศีลธรรม เป็นการกระทำทารุณด้านจิตใจต่อผู้เป็นภรรยาอย่างรุนแรง เป็นจุดที่ทำให้เกิดความล้มเหลวแตกแยกในครอบครัวจนกลายเป็นปัญหาสังคมตามมา ดังนั้นจะบอกว่าเรื่องนี้ไร้สาระ หรือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไม่ได้

“นักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะเช่นเดียวกับดารา นักร้อง นักแสดง ต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีและพร้อมให้ถูกตรวจสอบ นักการเมืองยังถือเป็นบุคคลที่มีเกียรติ  ดังนั้นต้องประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม” เจ๊เบียบกล่า


สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่าหากมีการนำเรื่องกิ๊กหรือการนอกใจภรรยามาอภิปราย ก็จะสะท้อนพฤติกรรมของผู้บริหารบ้านเมืองที่ถูกอภิปราย ซึ่งเรื่องนี้แม้ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะสังคมไทยอยู่ในระบบกฎหมายผัวเดียวเมียเดียว การประพฤติตัวไม่เหมาะสมในด้านนี้สังคมไทยไม่ยอมรับ ทำให้สังคมเสียหาย การอภิปรายครั้งนี้ แม้จะไม่มีกฎหมายเอาผิดนักการเมืองที่นอกใจภรรยา แต่ภรรยาก็สามารถฟ้องหย่า ในฐานะที่ทำให้สูญเสียสุขภาพทางกายและใจ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวได้

บทลงเอยของเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังความสัมพันธ์ฉันท์ ‘กิ๊ก’ จะนำพาไปสู่อะไร และจะจบลงแบบสวยงามแค่ไหน คงต้องคอยตามดูกันในการอภิปรายครั้งต่อไป

*****************************************************

กิ๊กรับจ้าง...สร้างความร้าวฉานคืองานของเธอหรือเปล่า?

นอกจาก ‘กิ๊ก’ จะเข้าไปพัวพันกับสถาบันครอบครัว การเมือง และสังคม ล่าสุด ‘กิ๊ก’ ยังกลายเป็นธุรกิจเพื่อการอยู่รอดของชีวิตคนอีกด้วย

”แอนค่ะ...รับจ้างเป็นกิ๊กกับแฟนคนอื่น”

“พิมนะคะ  อ้วนอะคะ มากๆๆๆ ตอนนี้เบื่อๆ เซ็งๆ เลยมารับจ้างเป็นกิ๊ก หรือเป็นเพื่อนเที่ยวก็ได้ค่ะ สำหรับหนุ่มๆ คนไหนที่อยากเปลี่ยนแฟนชั่วคราว หรือว่าอยากลองของแปลกอย่างพิม  คิดค่าบริการไม่แพงนะคะ ใครสนใจเมลล์มาแล้วพิมจะติดต่อกลับไปค่ะ รับรอง บริการประทับใจแน่นอน ช่วยกันมาจ้างหน่อยนะคะ”

“รับจ้างเป็นกิ๊ก....ชอบคนใจดี เป็นคนง่ายๆ เป็นเด็กสายวิทย์ ออกเดท ทานข้าว ทานเหล้า ทานเบียร์ค่ะ”

“ขอเป็นผู้ใหญ่ อายุ 35 ปี ขึ้นไปค่ะ เหงาๆ เบื่อๆ อยากออกมาสนุก คลายเครียด โทรมาหาหนูนะค่ะ 083261XXXX ออมค่ะ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวออม อายุ 22 ปีค่ะ สูง 167 ซม. หนัก 48 กม. สัดส่วน 32/26/34 ค่ะ สนใจก็แอดมานะ XXXX@hotmail.com แล้วอย่าลืมโทรมาล่ะ”


บางคนบอกว่า การให้บริการนี้เป็นการให้บริการเป็น ‘กิ๊ก’ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามไม่มีใครคอนเฟิร์มได้ว่าคำพูดที่ว่า “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศแต่อย่างใด” นั้นเป็นคำพูดที่บัญญัติขึ้นมาเพื่อยกระดับให้เหล่า ‘กิ๊ก’ ทั้งหลายไม่ถูกมองว่าเป็นพวกขายบริการทางเพศใช่หรือไม่

แพท สาวที่มีประสบการณ์กิ๊กๆ แสดงความคิดเห็นต่อการเป็นกิ๊กรับจ้างว่า

“เป็นกิ๊กมา 2 ปี มีแฟน 2 ปีกว่า แฟนมาก่อนไม่กี่เดือนเองกิ๊กก็โผล่มาเลยทันที กิ๊กรับจ้างบางครั้งการเสนอตัวมากเกินไปก็ไม่มีใครเอาหรอก กิ๊กเขาจะไม่เปิดเผยตัวหรอกค่ะ ต้องซุ่ม เงียบ และก็...กันเองในเวลาอันสั้น ควงกันในที่ลับ ส่งตาหวาน คำพูดหวานๆ แอ็คชั่นเนียนๆ ภายในเวลาและสถานการณ์อันจำกัด อย่างนี้ถึงจะสนุก ได้รสชาติความเป็นกิ๊ก

“เรื่องเบอร์โทรศัพท์ กิ๊กเขาจะเปิดเบอร์ใหม่คุยกัน ถ้าความสัมพันธ์สิ้นสุด ก็ปิดเบอร์ บ๊ายๆ กันไปตามระเบียบ


“ไม่รู้ทำไมคนสมัยนี้ชอบมีกิ๊ก คงเพราะกิ๊กทำให้เราสดชื่นกว่าอยู่กับแฟนจริง แต่ว่าเรื่องความสัมพันธ์ก็ไม่แน่นอนนะ เขาอาจจะใส่ใจ ดูแล เทคแคร์เรามากกว่าแฟนด้วยซ้ำ หรือเพราะว่ายังใหม่ๆ ก็เลยยังหวานๆ อยู่”

ส่วนทางด้าน จอย หญิงสาวที่เข้ามาประกาศรับจ้างเป็นกิ๊กผ่านทางอินเตอร์เน็ตเล่าให้ฟังว่า

“ที่ทำเพราะคิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร ได้มาเที่ยวฟรี แถมยังมีรายได้อีกด้วย และตัวเองก็เหงาๆ อยู่ อย่างน้อยๆ รายได้ต่อคืนนั้นก็จะประมาณ 1,000 บาท ถ้าออกไปเที่ยวกัน แต่บางครั้งความสัมพันธ์ก็ยากที่จะพูด ลึกซึ้งมากอาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ อาจตกลงเป็นการเลี้ยงดู หาที่อยู่อาศัยให้ และให้เงินใช้จ่ายรายเดือนก็มี ส่วนตัวคิดว่าบางครั้งเกิดจากความเห็นอกเห็นใจกันมากกว่า เข้าใจคนที่ไม่มีความสุขในครอบครัวและคนรักเหมือนๆ กัน ประมาณนี้”

*****************************************************
กำลังโหลดความคิดเห็น