โลกไม่มี หลักประกัน ให้คนกล้า
คนอยู่หน้า ต้องล้ม ต้องจมคว่ำ
ถึงฝนห่า จะฝ่าหน กลางฝนพรำ
คนที่ถือ ธงธรรม จักชำนะ
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ส.18/4/52
..............................
เอาเถอะ...ในเมื่อท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศอย่างแข็งขันแล้วว่าจะเดินหน้าสะสางคดีการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสื่อมวลชนอาวุโส ผู้จุด “เทียนแห่งธรรม” อย่างเป็นธรรม ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ผมคิดว่า...เราๆ ท่านๆ ก็คงต้องให้เวลากับท่านนายกฯ สักระยะหนึ่ง ดังนั้นนาทีนี้ผมก็คงไม่ต้องมาวิเคราะห์เจาะลึก คาดหมายว่า ใคร กลุ่มไหนบงการ ปฏิบัติการโหดลอบสังหารคุณสนธิ ซึ่งจริงๆ จะว่าไปก็มีอยู่ไม่เกินสองกลุ่มหรือกลุ่มครึ่งเท่านั้น...
แต่ถ้าไปกระซิบถามคุณสนธิ ผมก็มั่นใจว่าคุณสนธิจะต้องฟันธงว่ามีอยู่กลุ่มเดียว..คือกลุ่มนั้น - เท่านั้น !!
ผมโล่งใจที่มีการเปลี่ยนทีมสอบสวนคดีคุณสนธิจาก พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ และพล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา มาเป็น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง
ถ้าไม่เปลี่ยน ต่อให้ผมรัก –ชื่นชมนายกฯ อภิสิทธิ์แค่ไหนก็ตาม แต่ผมจะต้องขอใช้สิทธิด่ารัฐบาลดังๆ ซักคำว่า “บ้ากันใหญ่แล้ว” แล้วจากนั้นก็อาจจะนึกสมน้ำหน้าอยู่ในใจ...
เฮ่อ...ค่อยโล่งอก
มากไปกว่านั้น วันที่ไปเยี่ยมคุณสนธิได้พบกับท่านรอง ผบช.น.ท่านหนึ่งซึ่งร่วมทีมสะสางคดีนี้กระซิบบอกผมว่า “ขอให้รัฐบาลเอาจริง ไม่ต้องห่วงพี่ เรายังมีทางเดิน ไม่มีทางตันพี่...” ผมก็ยิ่งใจชื้น พลางก็นึกภาวนาให้คนชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินหน้าด้วยหัวใจเกินร้อยในคดีด้วยเถิด เพราะจะเกิดผลดีกับบ้านเมืองมากมายมหาศาล
เหตุเพราะว่าถ้ารู้ว่าใครบงการ ใครคือชุดปฏิบัติการลอบสังหารสนธิ มันจะช่วยเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังและความลับลวงพรางของเกมอำนาจ เกมการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี...
ขออย่างเดียว อย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” ต้องเป็นแบ็กให้ทีมสะสางคดีทำงานอย่างอิสระ เข้มแข็ง...
ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่า คดีลอบสังหารสนธิจะเป็นคดีชี้ชะตานายกฯ อภิสิทธิ์เลยทีเดียว มิใช่เพราะสนธิเป็นแกนนำพันธมิตรฯ หรือเป็นสื่อมวลชนรุ่นใหญ่ หากแต่เพราะนายกฯ ได้รับปากด้วยคำโตว่าจะเดินหน้าสะสาง เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้...
ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นที่นายกฯ ประกาศเอาไว้ ทำได้ก็มีแต่คะแนนศรัทธาจะเพิ่มพูน ต้นทุนทางการเมืองยิ่งสูงส่ง แต่หากทุกอย่างเหลวเป๋ว เป็นได้แค่ลมปาก ผลต่อตัวนายกฯ ก็ตรงข้าม...
สำหรับผู้บริหารประเทศ แค่ความตั้งใจดี พูดดี พิสูจน์มาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่ามันไม่เพียงพอ หากแต่จะต้องทำดีและทำให้เป็นรูปธรรมด้วย...
ดูอย่างกรณีการออกแรงทางนโยบายจน ผบ.ตร.ต้องเซ็นคำสั่งย้ายเพื่อนรัก นรต.รุ่น 25 อย่าง พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ. 2 เข้าประจำ เช่นเดียวกับ พล.ต.ต. บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ชลบุรี เหตุเพราะบกพร่องในหน้าที่กรณีการประชุมอาเซียน+ 3 อาเซียน +6 ถูกล้มลงต่อหน้าต่อตาที่พัทยา..
มีเสียงปรบมือให้กับรัฐบาลดังกึกก้องยาวนาน
แล้วลองนึกดูซิว่า ถ้ารัฐบาลกล้าหาญชาญชัย ย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้นำสูงสุดของตำรวจ คนไทยจะปรบมือกระทืบเท้ากันด้วยความสุขขนาดไหน เพราะจะว่าไปความผิดพลาดบกพร่องของพล.ต.อ.พัชรวาทมันหนักหนาสาหัสกว่าผบช.ภ.2 , ผบก.ชลบุรี เป็นไหนๆ
แต่ในเมื่อนายกฯ เลือกหนทางที่จะให้ ผบ.ตร.ท่านทำงานแก้ตัวใหม่ (ทั้งๆ ที่เหตุผลจริงๆ คือความเกรงใจทางการเมือง) ก็ว่ากันไป แต่ระวังให้ดี..กว่าจะสิ้นเดือนก.ย.วันเกษียณอายุราชการของท่าน ผบ.ตร.ท่านนายกฯ ท่านสุเทพ อาจจะต้องออกแรงเข็น ออกแรงลุ้นกันลิ้นห้อยก็เป็นได้...
ครับ ยกตัวอย่างมาเสียยืดยาว จริงๆ เพียงแต่จะบอกว่า จากนี้ไปท่านนายกฯ และรัฐบาลต้องก้าวสู่บทปฏิบัติล้วนๆ บทปฏิบัติที่นอกจากจะต้องยืนอยู่บนหลักการความถูกต้องชอบธรรมแล้ว หลายกรณีหลายปัญหาจะต้องอาศัยความกล้าหาญหรือวัดขนาดของหัวใจอีกต่างหาก...
ประเมินสถานการณ์โดยรวมๆ แล้ว แม้จะต้องเดินไต่เส้นด้ายไต่เส้นลวดอีกมาก แต่ผมเห็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ยังมีความโชคดีหรือโชคเข้าข้างที่จะเดินฝ่าข้ามวิกฤตต่างๆ เหตุผลสำคัญยิ่งก็เพราะ ณ บัดนี้แนวรบของทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดงอ่อนแรงและหมดความชอบธรรมลงไปมากแล้ว ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มพลังในแนวทางสันติ สงบ อหิงสา ไม่ใช่กลุ่มที่จะเผาบ้านเผาเมือง เพียงแต่อาจจะเป็นยาขมเป็นพลังกดดันรัฐบาลในบางกรณี...ซึ่งสไตล์ประชาธิปัตย์อาจจะยังไม่คุ้นหรือไม่ชอบกับการถูกกดดันถูกชี้นำมากนัก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย.ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” นายกฯ อภิสิทธิ์ ได้ขีดเส้นใต้สิ่งที่จะทำก่อนหลังดังนี้คือ เร่งสร้างความสงบ /ปฏิรูปการเมือง –แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย/ เร่งสะสางคดีความต่างๆ สร้างความยุติธรรม...
ก็พอจะเห็นรูปรอยวิธีคิด ความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าของนายกฯ ผู้เกือบจะถอดใจทิ้งหัวโขนไปแล้วในวันที่อาเซียนซัมมิทล้มลงที่พัทยา..และหวิดจะสังเวยชีวิตให้กับพวกแดงถ่อยที่มหาดไทย....แต่ด้วยความตั้งใจดี คิดดี และกำลังตั้งหลักตั้งลำทำในสิ่งที่ดีๆ ที่เป็นเรื่องต้องใช้ความกล้าหาญมากขึ้นโดยลำดับจึงผ่านวิกฤตมาได้....ย้อนมองไปก็เหมือนมีปาฏิหาริย์
ส่วนกรณีคุณสนธินั้นไม่ต้องพูด...ปาฏิหาริย์สุดๆ ต้องบอกว่า คนดีผีคุ้ม...แต่เบื้องหน้ากำลังรอฝีไม้ลายมือหรือกึ๋นของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในการสะสางคดีให้ความเป็นธรรม..
เราๆ ท่านๆ ได้แต่ให้กำลังใจให้ทั้งสองท่านผ่านค่ำคืนอันโหดร้าย พบกับวันใหม่อันสดใส ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า “คนที่ถือ ธงธรรม จักชำนะ”!!
samr_rod@hotmail.com
คนอยู่หน้า ต้องล้ม ต้องจมคว่ำ
ถึงฝนห่า จะฝ่าหน กลางฝนพรำ
คนที่ถือ ธงธรรม จักชำนะ
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ส.18/4/52
..............................
เอาเถอะ...ในเมื่อท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศอย่างแข็งขันแล้วว่าจะเดินหน้าสะสางคดีการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสื่อมวลชนอาวุโส ผู้จุด “เทียนแห่งธรรม” อย่างเป็นธรรม ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ผมคิดว่า...เราๆ ท่านๆ ก็คงต้องให้เวลากับท่านนายกฯ สักระยะหนึ่ง ดังนั้นนาทีนี้ผมก็คงไม่ต้องมาวิเคราะห์เจาะลึก คาดหมายว่า ใคร กลุ่มไหนบงการ ปฏิบัติการโหดลอบสังหารคุณสนธิ ซึ่งจริงๆ จะว่าไปก็มีอยู่ไม่เกินสองกลุ่มหรือกลุ่มครึ่งเท่านั้น...
แต่ถ้าไปกระซิบถามคุณสนธิ ผมก็มั่นใจว่าคุณสนธิจะต้องฟันธงว่ามีอยู่กลุ่มเดียว..คือกลุ่มนั้น - เท่านั้น !!
ผมโล่งใจที่มีการเปลี่ยนทีมสอบสวนคดีคุณสนธิจาก พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ และพล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา มาเป็น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง
ถ้าไม่เปลี่ยน ต่อให้ผมรัก –ชื่นชมนายกฯ อภิสิทธิ์แค่ไหนก็ตาม แต่ผมจะต้องขอใช้สิทธิด่ารัฐบาลดังๆ ซักคำว่า “บ้ากันใหญ่แล้ว” แล้วจากนั้นก็อาจจะนึกสมน้ำหน้าอยู่ในใจ...
เฮ่อ...ค่อยโล่งอก
มากไปกว่านั้น วันที่ไปเยี่ยมคุณสนธิได้พบกับท่านรอง ผบช.น.ท่านหนึ่งซึ่งร่วมทีมสะสางคดีนี้กระซิบบอกผมว่า “ขอให้รัฐบาลเอาจริง ไม่ต้องห่วงพี่ เรายังมีทางเดิน ไม่มีทางตันพี่...” ผมก็ยิ่งใจชื้น พลางก็นึกภาวนาให้คนชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินหน้าด้วยหัวใจเกินร้อยในคดีด้วยเถิด เพราะจะเกิดผลดีกับบ้านเมืองมากมายมหาศาล
เหตุเพราะว่าถ้ารู้ว่าใครบงการ ใครคือชุดปฏิบัติการลอบสังหารสนธิ มันจะช่วยเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังและความลับลวงพรางของเกมอำนาจ เกมการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี...
ขออย่างเดียว อย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” ต้องเป็นแบ็กให้ทีมสะสางคดีทำงานอย่างอิสระ เข้มแข็ง...
ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่า คดีลอบสังหารสนธิจะเป็นคดีชี้ชะตานายกฯ อภิสิทธิ์เลยทีเดียว มิใช่เพราะสนธิเป็นแกนนำพันธมิตรฯ หรือเป็นสื่อมวลชนรุ่นใหญ่ หากแต่เพราะนายกฯ ได้รับปากด้วยคำโตว่าจะเดินหน้าสะสาง เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้...
ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นที่นายกฯ ประกาศเอาไว้ ทำได้ก็มีแต่คะแนนศรัทธาจะเพิ่มพูน ต้นทุนทางการเมืองยิ่งสูงส่ง แต่หากทุกอย่างเหลวเป๋ว เป็นได้แค่ลมปาก ผลต่อตัวนายกฯ ก็ตรงข้าม...
สำหรับผู้บริหารประเทศ แค่ความตั้งใจดี พูดดี พิสูจน์มาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่ามันไม่เพียงพอ หากแต่จะต้องทำดีและทำให้เป็นรูปธรรมด้วย...
ดูอย่างกรณีการออกแรงทางนโยบายจน ผบ.ตร.ต้องเซ็นคำสั่งย้ายเพื่อนรัก นรต.รุ่น 25 อย่าง พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ. 2 เข้าประจำ เช่นเดียวกับ พล.ต.ต. บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ชลบุรี เหตุเพราะบกพร่องในหน้าที่กรณีการประชุมอาเซียน+ 3 อาเซียน +6 ถูกล้มลงต่อหน้าต่อตาที่พัทยา..
มีเสียงปรบมือให้กับรัฐบาลดังกึกก้องยาวนาน
แล้วลองนึกดูซิว่า ถ้ารัฐบาลกล้าหาญชาญชัย ย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้นำสูงสุดของตำรวจ คนไทยจะปรบมือกระทืบเท้ากันด้วยความสุขขนาดไหน เพราะจะว่าไปความผิดพลาดบกพร่องของพล.ต.อ.พัชรวาทมันหนักหนาสาหัสกว่าผบช.ภ.2 , ผบก.ชลบุรี เป็นไหนๆ
แต่ในเมื่อนายกฯ เลือกหนทางที่จะให้ ผบ.ตร.ท่านทำงานแก้ตัวใหม่ (ทั้งๆ ที่เหตุผลจริงๆ คือความเกรงใจทางการเมือง) ก็ว่ากันไป แต่ระวังให้ดี..กว่าจะสิ้นเดือนก.ย.วันเกษียณอายุราชการของท่าน ผบ.ตร.ท่านนายกฯ ท่านสุเทพ อาจจะต้องออกแรงเข็น ออกแรงลุ้นกันลิ้นห้อยก็เป็นได้...
ครับ ยกตัวอย่างมาเสียยืดยาว จริงๆ เพียงแต่จะบอกว่า จากนี้ไปท่านนายกฯ และรัฐบาลต้องก้าวสู่บทปฏิบัติล้วนๆ บทปฏิบัติที่นอกจากจะต้องยืนอยู่บนหลักการความถูกต้องชอบธรรมแล้ว หลายกรณีหลายปัญหาจะต้องอาศัยความกล้าหาญหรือวัดขนาดของหัวใจอีกต่างหาก...
ประเมินสถานการณ์โดยรวมๆ แล้ว แม้จะต้องเดินไต่เส้นด้ายไต่เส้นลวดอีกมาก แต่ผมเห็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ยังมีความโชคดีหรือโชคเข้าข้างที่จะเดินฝ่าข้ามวิกฤตต่างๆ เหตุผลสำคัญยิ่งก็เพราะ ณ บัดนี้แนวรบของทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดงอ่อนแรงและหมดความชอบธรรมลงไปมากแล้ว ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มพลังในแนวทางสันติ สงบ อหิงสา ไม่ใช่กลุ่มที่จะเผาบ้านเผาเมือง เพียงแต่อาจจะเป็นยาขมเป็นพลังกดดันรัฐบาลในบางกรณี...ซึ่งสไตล์ประชาธิปัตย์อาจจะยังไม่คุ้นหรือไม่ชอบกับการถูกกดดันถูกชี้นำมากนัก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย.ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” นายกฯ อภิสิทธิ์ ได้ขีดเส้นใต้สิ่งที่จะทำก่อนหลังดังนี้คือ เร่งสร้างความสงบ /ปฏิรูปการเมือง –แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย/ เร่งสะสางคดีความต่างๆ สร้างความยุติธรรม...
ก็พอจะเห็นรูปรอยวิธีคิด ความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าของนายกฯ ผู้เกือบจะถอดใจทิ้งหัวโขนไปแล้วในวันที่อาเซียนซัมมิทล้มลงที่พัทยา..และหวิดจะสังเวยชีวิตให้กับพวกแดงถ่อยที่มหาดไทย....แต่ด้วยความตั้งใจดี คิดดี และกำลังตั้งหลักตั้งลำทำในสิ่งที่ดีๆ ที่เป็นเรื่องต้องใช้ความกล้าหาญมากขึ้นโดยลำดับจึงผ่านวิกฤตมาได้....ย้อนมองไปก็เหมือนมีปาฏิหาริย์
ส่วนกรณีคุณสนธินั้นไม่ต้องพูด...ปาฏิหาริย์สุดๆ ต้องบอกว่า คนดีผีคุ้ม...แต่เบื้องหน้ากำลังรอฝีไม้ลายมือหรือกึ๋นของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในการสะสางคดีให้ความเป็นธรรม..
เราๆ ท่านๆ ได้แต่ให้กำลังใจให้ทั้งสองท่านผ่านค่ำคืนอันโหดร้าย พบกับวันใหม่อันสดใส ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า “คนที่ถือ ธงธรรม จักชำนะ”!!
samr_rod@hotmail.com