ปฏิบัติการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล บิดาแห่งสื่อสำนักผู้จัดการและASTV เหตุเกิดเมื่อรุ่งสางวันที่17 เม.ย. ชุดมือปืนคาดว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่า 5คนใช้อาวุธปืนและระเบิดสงครามรุมถล่มหมายจะปลิดชีวิต
แต่คุณสนธิพร้อมด้วยพนักงานขับรถและคนติดตาม รอดชีวิตได้ราวปาฏิหาริย์
ไม่มีใครเชื่อว่า คุณสนธิและลูกน้องผู้ร่วมชะตากรรมอีกสองคน รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อย่างไร ทั้งที่โดนกระสุนปืนยิงเข้าใส่นับร้อย จนรถยนต์ที่นั่งมา มีรูกระสุนปืนเจาะพรุนไปทั้งคัน มิหนำซ้ำระเบิดเอ็ม 79 ที่ยิงเข้าไปหมายถล่มซ้ำให้แน่ใจว่าไม่รอดแน่ ระเบิดสองลูกก็ไม่ทำงาน
ส่งผลให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางอภินิหารมหัศจรรย์ต่างๆนานา มีคนจำนวนมากถามหา “ของดี”ของคุณสนธิ ซึ่งตราบใดที่ยังไม่ได้รับความจริงจากคุณสนธิ ก็คงมีการสืบค้นหากันต่อไป
และเป็นเรื่องที่ไม่เกินไปกว่าการคาดหมาย ตอนนี้มีขบวนการแอบอ้างในเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว อ้างว่ารู้ “ของดี”ในตัวคุณสนธิ ว่าเป็นพระเครื่องสำนักโน่นสำนักนี่ แล้วมีการปั่นราคาซื้อขายกันไปแล้วเสร็จสรรพ
เรื่องทำนองนี้ห้ามกันไม่ได้ จังหวะนี้มีขบวนการ18มงกุฎออกมาทำมาหากินกับเรื่องนี้เยอะ คนใจร้อนก็อาจตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย จะให้ดีสู้อดใจรอการเปิดเผยความจริงจากปากคุณสนธิเองดีกว่า
จะเป็นพระเครื่องหรือตะกรุดของครูบาอาจารย์สำนักใดที่คุณสนธิห้อยอยู่ที่คอในวันรอดชีวิต จะต้องได้รับการเปิดเผยหลังวันที่คุณสนธิหายเป็นปกติ ขณะนี้ขอให้แฟนานุแฟนที่ใคร่รู้อดใจรอไว้สักนิด
คงไม่นานเกินรอ เชื่อว่าอย่างไรเสีย เมื่อกลับมาทำงานได้ คุณสนธิจะต้องเปิดความจริงทุกเรื่องทุกประเด็นที่เกิดขึ้นให้สังคมได้รับความกระจ่างแน่
ในระหว่างนี้ ขอให้ทุกท่านที่บูชาคุณงามความดี มีพระอยู่ในหัวใจเช่นเดียวกับคุณสนธิได้หันหน้ามาช่วยกันติดตามถามหาความคืบหน้าของคดีนี้ ให้เป็นกระแสของสังคมต่อไปจนกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ และรัฐบาลจะคลี่คลายสะสางคดีให้ถึงที่สุด
เพราะถ้าหากได้พลังของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ให้ความสนใจต่อคดีลอบสังหารคุณสนธิอย่างไม่ลดละ พลังของพี่น้องจะเป็นแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องทำงานหาคำตอบบอกแก่สังคมได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แต่ในทางตรงข้าม ถ้ากระแสสังคมเงียบหายไป คดีนี้ก็คงจะเป็นคดีที่ถูกเก็บแช่แข็งอยู่ในแฟ้มของตำรวจแน่
เนื่องจาก เชื่อได้แล้วว่า ปมสังหารคุณสนธิเป็นประเด็นการเมือง ประเด็นอื่นตัดทิ้งไปได้เลย
ขบวนการลอบสังหารคุณสนธิเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลในอำนาจรัฐ และอำนาจการเมืองในยุคนี้ ที่ร่วมกันออกคำสั่งฆ่าคุณสนธิ เพื่อความต้องการที่จะกำจัด “คนจริง-คนกล้า”ไม่ให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามบนเส้นทางอำนาจของพวกเขาต่อไป
บนการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ก็พุ่งประเด็นการสังหารไปที่เรื่องการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งผู้บงการก็ต้องเป็น “คนเสียประโยชน์การเมือง” จากการทำหน้าที่สื่อของคุณสนธิ และในบทบาทเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เงื่อนงำ ทำไมต้องฆ่าคุณสนธิที่น่าคิดอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือเมื่อฆ่าคุณสนธิสำเร็จ พวกเขาก็หวังกันว่า กลุ่มพันธมิตรฯหรือคนเสื้อเหลืองจะออกมาชุมนุมประท้วงกันอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นการเดินเข้าไปสู่ “กับดัก”ของคนกลุ่มนี้ที่จะนำมวลชนของตน ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง หรือคนเสื้อน้ำเงินออกมาต้านทาน
แน่นอน ย่อมหนีไม่พ้นการปะทะกันของมวลชนทั้งสองฝ่ายระหว่างเสื้อเหลืองกับอีกฝ่ายที่ถูกปลุกปั่นออกมา จนเหตุการณ์ลุกลามบานปลายเข้าสู่กลียุคที่ไม่มีใครยอมใคร จากนั้นก็จะมีการปฏิวัติยึดอำนาจ โดยข้ออ้างเพื่อเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ถ้าคิดต่อไป หากคุณสนธิไม่ได้ประกอบคุณงามความดี และทำงานให้กับประเทศและสถาบันฯ จนเกิดเป็น”บุญบารมี” การเสียชีวิตของคุณสนธิจะเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว”ไปตามแผนอันแยบยลแต่ชั่วร้ายนี้อย่างแน่นอน
เดชะบุญ ที่คุณสนธิแค่บาดเจ็บ และยังมีโอกาสส่งเสียงเตือนมาถึงกลุ่มคนเสื้อเหลืองไม่ให้ตกหลุมพรางของกลุ่มคนชั่วที่กระหายอำนาจ ทำให้บ้านเมืองรอดพ้นประสบภาวะวิกฤติการเมืองไปได้อีกรอบ
ดังนั้น เมื่อเบื้องหลังคำสั่งฆ่ามาจากปมการเมือง การวางแผนฆ่าคนของสังคมอย่างคุณสนธิเป็นเรื่องใหญ่ ต้องแยบยลอย่างมาก เก็บงำแผนการไว้เป็นความลับสุดยอดทุกขั้นตอน
จะฆ่าอย่างไร ที่ไหน และเมื่อไหร่เป็นเรื่องที่จะรัวไหลไม่ได้ และการทำงานต้องปิดแผนอย่างสมบรูณ์แบบ เพราะถ้าฆ่าสำเร็จเมื่อคุณสนธิตายไปแล้ว สิ่งที่ได้มานั้นคุ้มเกินคุ้มกับที่จะต้องเสี่ยงปฏิบัติการครั้งนี้
หากไม่มีคนชื่อ “สนธิ”เสี้ยนหนามทางการเมืองก็หมดไป โอกาสที่จะได้สถาปนา “อำนาจใหม่”จะเป็นจริง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าข้างคนชั่ว หมากการเมืองเกมนี้ที่กลุ่มผู้บงการสังหารคุณสนธิเพื่อหวังได้อำนาจรัฐบนความตายและความพินาศหายนะของบ้านเมือง ไม่ได้เดินไปตามแผน แต่ก็ใช่ว่าคนชั่วเหล่านี้จะละความพยายาม
สาเหตุที่ต้องเชื่อว่า กลุ่มคนชั่วกลุ่มนี้มีความพยายามกำจัดคนที่พวกเขาเห็นว่าเป็นขวากหนามบนเส้นทางอำนาจอย่างไม่ลดละ ก็เนื่องจากหากย้อนไปดูเหตุการณ์ล้อมกรอบนายกฯอภิสิทธิ์ที่กระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่นายกฯอภิสิทธิ์เล่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
คิดว่าเขากำลังจะถูกฆ่าในวันนั้น เมื่อรถประจำตัวกำลังจะแล่นออกมาจากวงล้อมคนเสื้อแดง ก็มี “รถทหาร”เข้ามาจอดขวางทาง จนไม่อาจขับรถออกจากมหาดไทยได้
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ก็รอดชีวิตมาได้ อีก 5 วันหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารคุณสนธิอย่างอุกอาจกลางเมืองหลวงอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง อนุมานได้ว่า เหยื่อคนสำคัญในสองเหตุการณ์น่าจะเป็นชื่อที่อยู่ในบัญชีของคนกลุ่มเดียวกัน นี่ยังไม่นับกรณีนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรีที่ถูกจ้างฆ่า ที่กลุ่มมือปืนรับจ้างถูกจับได้เมื่อต้นเดือนนี้
1 เดือน 3คำสั่งฆ่า
สะท้อนว่า มีคนชั่วกลุ่มหนึ่งใช้ความพยายามต่อเนื่องที่จะกำจัดบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่มีความเห็นแตกต่าง และเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับพวกตน ด้วยวิธีการฆ่าเป็นความจริง
สถานการณ์นับจากนี้ จึงน่าจับตา ใครจะเป็นรายต่อไป?
