“จงรัก” ระบุคนร้ายที่ใช้อาวุธสงครามถล่ม “สนธิ ลิ้มทองกุล” มีถึง 5 คน ยังย้ำ 2 ประเด็นหลัก การเมือง เรื่องส่วนตัว ปมมุ่งสังหาร พร้อมเร่งตรวจสอบปลอกกระสุนเอชเคมาจากไหน ยันไม่หนักใจเข้าคุมคดี แม้เคยระหองระแหงกับพันธมิตรฯ
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เดินทางเป็นประธานในการประชุมวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สืบสวน บก.น.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม และกก.สืบสวน บก.น.1 ร่วมประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก เดินทางมาถึง สน.ชนะสงคราม ก็ได้เข้าตรวจสอบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน วล 89 กทม.ของนายสนธิ อีกครั้ง โดยมี พ.ต.อ.ขิง เป็นผู้อธิบายสรุปถึงวิธีการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายให้ฟัง ก่อนจะเข้าไปประชุมในห้องปฏิบัติการสายตรวจ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน นายอนุรักษ์ พุฒซ้อน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซอยนนทบุรี 46 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าของรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ถง-4071 กทม. อาชีพค้าไข่ไก่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากรถกระบะของตนถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่ตามประกบยิงรถของนายสนธิ
นายอนุรักษ์ให้การว่า มีอาชีพขายไข่ไก่อยู่ที่ตลาดเช้าบางลำพู โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกมาจากบ้านย่าน จ.นนทบุรี กับแม่ เพื่อมาส่งไข่ไก่ที่ตลาดดังกล่าวเหมือนปกติทุกวัน โดยขับตามหลังรถตู้ของนายสนธิอยู่ตลอด เมื่อผ่านแยกบางขุนพรหมมาถึงจุดเกิดเหตุก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นจึงชะลอรถแล้วเข้าไปหลบหลังรถเมล์ โดยที่ไม่เห็นรถของคนร้ายหรือเหตุการณ์ช่วงยิงกันแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากเสียงปืนดังอยู่นาน 2-3 นาทีก็เงียบไป หลังจากนั้นก็เห็นรถที่ตามหลังรถนายสนธิมาช่วยนำคนเจ็บออกจากรถไปเท่านั้น
นายอนุรักษ์ให้การต่อว่า หลังจากเห็นภาพรถต้องสงสัยที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ก็มั่นใจว่าเป็นรถของตนแน่ เพราะจำลักษณะท้ายรถได้ จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับไฟไซเรน และสติกเกอร์หน่วยแพทย์กู้ชีพที่ติดรถนั้นเป็นแบบแม่เหล็กสามารถถอดออกได้ ซึ่งจะติดเฉพาะในเขต กทม.เท่านั้นหากกลับบ้านที่ จ.นนทุบรี จะแกะออก ส่วนในวันเกิดเหตุ ไม่ได้ติดสติกเกอร์และไซเรนแต่อย่างใด
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาประชุมเพื่อวางแนวทางในการสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดี โดยได้สั่งการให้รวบรวมวัตถุพยานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน รวมทั้งตรวจสอบกล้องวิดีโอวงจรปิดด้วย เนื่องจากบางกล้องเสียบางกล้องใช้ได้ โดยจะนำภาพมาปะติดปะต่อกัน เพื่อให้ทราบถึงจำนวนคนร้ายที่ลงมือ และพาหนะที่คนร้ายนำมาใช้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีคนร้าย 5 คนขึ้นไป และสิ่งสำคัญที่ยืนยันรูปร่างลักษณะคนร้ายก็คือพยานบุคคลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนพยานบุคคลแล้ว ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดช่วงแยกบางขุนพรหมซึ่งเป็นจุดสำคัญนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเสียก่อนเกิดเหตุเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น โดยขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบแล้วว่าเสียเพราะสาเหตุใด
ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ที่คาดว่าจะเป็นรถบรรทุกคนร้ายมานั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่ใช่ แต่เป็นของพ่อค้าไข่ไก่ที่ขนไข่มาส่งมาตลาดบางลำพู โดยเจ้าของรถเองก็มาแสดงคงามบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ยอมรับว่าได้ขับรถมาในช่วงเกิดเหตุจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องสอบสวนหารถคนร้ายที่แท้จริงต่อไป
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการลอบสังหารไว้ 2 ประเด็นด้วยกัน คือสาเหตุจากเรื่องการเมือง และเรื่องส่วนตัว สำหรับสาเหตุเรื่องการเมืองนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีความขัดแย้งทางการเมืองกับบุคคลหลายฝ่าย ซึ่งจะต้องสอบสวนว่าความขัดแย้งดังกล่าว จะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การลอบสังหารหรือไม่ ส่วนประเด็นเรื่องส่วนตัวนั้น ต้องรอให้นายสนธิ หายดีเสียก่อน จากนั้นจะสอบปากคำว่ามีสงสัยใครบ้างหรือไม่ในประเด็นเรื่องส่วนตัว ทางตำรวจก็พร้อมจะสืบสวนขยายผลตามที่นายสนธิมีความเชื่อเช่นนั้น แต่หากไม่พบว่ามีสาเหตุทางเรื่องส่วนตัวก็คงจะต้องตัดทิ้งไป เหลือแค่ประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีพาดพิงว่ามีนายทหารยศ พล.อ. และพล.ต.เป็นผู้ลงมือนั้นมีความชัดเจนอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ขณะนี้การสืบสวนยังไม่ได้ถึงตรงนั้น ก่อนอื่นจะต้องสอบสวนให้ได้เสียก่อนว่าคนร้ายที่ลงมือคือใคร จากนั้นจึงจะสอบสวนขยายผล และตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของอาวุธ เช่น ปลอกกระสุนที่พบนั้น จะต้องตรวจสอบว่า มาจากประเทศอะไร มีอยู่ที่ไหนบ้างในประเทศไทย จากนั้นจึงค่อยสอบสวนขยายผลต่อไปว่าใครมีส่วนร่วมบ้าง
ต่อข้อถามที่ว่า อาวุธปืนเอชเคจะมีการใช้แค่ในวงการทหารเท่านั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้นว่า อาวุธปืนใช้ในวงการทหาร แต่ในทางปฏิบัตินั้นในอดีตก็มีการจับกุมคนร้ายที่เป็นพลเรือนที่ใช้อาวุธสงครามฆ่ากัน ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คนร้ายเป็นกลุ่มคนมีสีหรือไม่ ยังตอบชัดเจนไม่ได้ ในความรู้สึกนึกคิดของคนบางคนอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนจะยืนยันได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อมาพยานหลักฐานเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กรณีกลุ่มพันธมิตรฯ มีเรื่องระหองระแหงกับ พล.ต.อ.จงรัก กันมาตลอด แต่ตัว พล.ต.อ.จงรัก กลับมาควบคุมการสอบสวนคดีนี้ จะมีความหนักใจอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก ตอบถึงเรื่องนี้ว่า ไม่หนักใจอะไร ผบ.ตร.แต่งตั้งให้ตนมาสอบสวนตามหน้าที่ ตนเป็นตำรวจอาชีพ ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เคยยุ่งเก่ยวกับการเมือง ตลอดชีวิตการทำงานยึดหลักการทำงานเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ข้อแรก มีการจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สองปัดเป่าความเดือดร้อนของประชาชน และสามทุกคนต้องอยู่ภายในใต้กฎหมาย อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.จัดกำลังสายสืบไปคอยดูแลนายสนธิ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง
"จงรัก" ถกเครียดหาสวะยิง "สนธิ" - ตร.โว จับมือปืนได้แน่!
ตร.คุ้มกัน “สนธิ” เข้ม! หวั่นคนชั่วก่อเหตุซ้ำ
ครส.จี้รัฐเร่งสางคดีลอบฆ่า “สนธิ” หวั่นเกิดสงครามเย็น
ตร.ตามล่า 5 ทหารเลวยิงถล่ม “สนธิ” ปมประเด็นการเมือง
ตร.ยันมือปืนอาชีพยิงถล่ม"สนธิ"หมายเอาชีวิต สั่งล่าตัวโดยด่วน
คนดีผีคุ้ม! “สนธิ” กระสุนโดนศีรษะ รอดตายปาฎิหาริย์
สัตว์นรกลอบกัดส่งมือปืนกระหน่ำยิง “สนธิ” บุญช่วยปลอดภัย
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เดินทางเป็นประธานในการประชุมวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สืบสวน บก.น.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม และกก.สืบสวน บก.น.1 ร่วมประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.จงรัก เดินทางมาถึง สน.ชนะสงคราม ก็ได้เข้าตรวจสอบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน วล 89 กทม.ของนายสนธิ อีกครั้ง โดยมี พ.ต.อ.ขิง เป็นผู้อธิบายสรุปถึงวิธีการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายให้ฟัง ก่อนจะเข้าไปประชุมในห้องปฏิบัติการสายตรวจ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน นายอนุรักษ์ พุฒซ้อน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซอยนนทบุรี 46 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าของรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ถง-4071 กทม. อาชีพค้าไข่ไก่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากรถกระบะของตนถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่ตามประกบยิงรถของนายสนธิ
นายอนุรักษ์ให้การว่า มีอาชีพขายไข่ไก่อยู่ที่ตลาดเช้าบางลำพู โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกมาจากบ้านย่าน จ.นนทบุรี กับแม่ เพื่อมาส่งไข่ไก่ที่ตลาดดังกล่าวเหมือนปกติทุกวัน โดยขับตามหลังรถตู้ของนายสนธิอยู่ตลอด เมื่อผ่านแยกบางขุนพรหมมาถึงจุดเกิดเหตุก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นจึงชะลอรถแล้วเข้าไปหลบหลังรถเมล์ โดยที่ไม่เห็นรถของคนร้ายหรือเหตุการณ์ช่วงยิงกันแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากเสียงปืนดังอยู่นาน 2-3 นาทีก็เงียบไป หลังจากนั้นก็เห็นรถที่ตามหลังรถนายสนธิมาช่วยนำคนเจ็บออกจากรถไปเท่านั้น
นายอนุรักษ์ให้การต่อว่า หลังจากเห็นภาพรถต้องสงสัยที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ก็มั่นใจว่าเป็นรถของตนแน่ เพราะจำลักษณะท้ายรถได้ จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับไฟไซเรน และสติกเกอร์หน่วยแพทย์กู้ชีพที่ติดรถนั้นเป็นแบบแม่เหล็กสามารถถอดออกได้ ซึ่งจะติดเฉพาะในเขต กทม.เท่านั้นหากกลับบ้านที่ จ.นนทุบรี จะแกะออก ส่วนในวันเกิดเหตุ ไม่ได้ติดสติกเกอร์และไซเรนแต่อย่างใด
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาประชุมเพื่อวางแนวทางในการสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดี โดยได้สั่งการให้รวบรวมวัตถุพยานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน รวมทั้งตรวจสอบกล้องวิดีโอวงจรปิดด้วย เนื่องจากบางกล้องเสียบางกล้องใช้ได้ โดยจะนำภาพมาปะติดปะต่อกัน เพื่อให้ทราบถึงจำนวนคนร้ายที่ลงมือ และพาหนะที่คนร้ายนำมาใช้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีคนร้าย 5 คนขึ้นไป และสิ่งสำคัญที่ยืนยันรูปร่างลักษณะคนร้ายก็คือพยานบุคคลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนพยานบุคคลแล้ว ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดช่วงแยกบางขุนพรหมซึ่งเป็นจุดสำคัญนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเสียก่อนเกิดเหตุเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น โดยขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบแล้วว่าเสียเพราะสาเหตุใด
ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ที่คาดว่าจะเป็นรถบรรทุกคนร้ายมานั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่ใช่ แต่เป็นของพ่อค้าไข่ไก่ที่ขนไข่มาส่งมาตลาดบางลำพู โดยเจ้าของรถเองก็มาแสดงคงามบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ยอมรับว่าได้ขับรถมาในช่วงเกิดเหตุจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องสอบสวนหารถคนร้ายที่แท้จริงต่อไป
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการลอบสังหารไว้ 2 ประเด็นด้วยกัน คือสาเหตุจากเรื่องการเมือง และเรื่องส่วนตัว สำหรับสาเหตุเรื่องการเมืองนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีความขัดแย้งทางการเมืองกับบุคคลหลายฝ่าย ซึ่งจะต้องสอบสวนว่าความขัดแย้งดังกล่าว จะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การลอบสังหารหรือไม่ ส่วนประเด็นเรื่องส่วนตัวนั้น ต้องรอให้นายสนธิ หายดีเสียก่อน จากนั้นจะสอบปากคำว่ามีสงสัยใครบ้างหรือไม่ในประเด็นเรื่องส่วนตัว ทางตำรวจก็พร้อมจะสืบสวนขยายผลตามที่นายสนธิมีความเชื่อเช่นนั้น แต่หากไม่พบว่ามีสาเหตุทางเรื่องส่วนตัวก็คงจะต้องตัดทิ้งไป เหลือแค่ประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีพาดพิงว่ามีนายทหารยศ พล.อ. และพล.ต.เป็นผู้ลงมือนั้นมีความชัดเจนอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ขณะนี้การสืบสวนยังไม่ได้ถึงตรงนั้น ก่อนอื่นจะต้องสอบสวนให้ได้เสียก่อนว่าคนร้ายที่ลงมือคือใคร จากนั้นจึงจะสอบสวนขยายผล และตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของอาวุธ เช่น ปลอกกระสุนที่พบนั้น จะต้องตรวจสอบว่า มาจากประเทศอะไร มีอยู่ที่ไหนบ้างในประเทศไทย จากนั้นจึงค่อยสอบสวนขยายผลต่อไปว่าใครมีส่วนร่วมบ้าง
ต่อข้อถามที่ว่า อาวุธปืนเอชเคจะมีการใช้แค่ในวงการทหารเท่านั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้นว่า อาวุธปืนใช้ในวงการทหาร แต่ในทางปฏิบัตินั้นในอดีตก็มีการจับกุมคนร้ายที่เป็นพลเรือนที่ใช้อาวุธสงครามฆ่ากัน ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คนร้ายเป็นกลุ่มคนมีสีหรือไม่ ยังตอบชัดเจนไม่ได้ ในความรู้สึกนึกคิดของคนบางคนอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนจะยืนยันได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อมาพยานหลักฐานเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กรณีกลุ่มพันธมิตรฯ มีเรื่องระหองระแหงกับ พล.ต.อ.จงรัก กันมาตลอด แต่ตัว พล.ต.อ.จงรัก กลับมาควบคุมการสอบสวนคดีนี้ จะมีความหนักใจอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก ตอบถึงเรื่องนี้ว่า ไม่หนักใจอะไร ผบ.ตร.แต่งตั้งให้ตนมาสอบสวนตามหน้าที่ ตนเป็นตำรวจอาชีพ ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เคยยุ่งเก่ยวกับการเมือง ตลอดชีวิตการทำงานยึดหลักการทำงานเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ข้อแรก มีการจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สองปัดเป่าความเดือดร้อนของประชาชน และสามทุกคนต้องอยู่ภายในใต้กฎหมาย อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.จัดกำลังสายสืบไปคอยดูแลนายสนธิ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง
"จงรัก" ถกเครียดหาสวะยิง "สนธิ" - ตร.โว จับมือปืนได้แน่!
ตร.คุ้มกัน “สนธิ” เข้ม! หวั่นคนชั่วก่อเหตุซ้ำ
ครส.จี้รัฐเร่งสางคดีลอบฆ่า “สนธิ” หวั่นเกิดสงครามเย็น
ตร.ตามล่า 5 ทหารเลวยิงถล่ม “สนธิ” ปมประเด็นการเมือง
ตร.ยันมือปืนอาชีพยิงถล่ม"สนธิ"หมายเอาชีวิต สั่งล่าตัวโดยด่วน
คนดีผีคุ้ม! “สนธิ” กระสุนโดนศีรษะ รอดตายปาฎิหาริย์
สัตว์นรกลอบกัดส่งมือปืนกระหน่ำยิง “สนธิ” บุญช่วยปลอดภัย
