xs
xsm
sm
md
lg

ตร.-ทหารพร้อมรับมือ"เสื้อแดง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือ"กลุ่มเสื้อแดง"นัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และประกาศจะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ (24 ก.พ.) เพื่อทวงสัญญาที่เคยยื่นให้รัฐบาลปฏิบัติตาม 4 ข้อ คือ ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ภายใน 15 วัน ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งภายใน 15 วัน ให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทนฉบับปี 2550 และให้ยุบสภาฯหลังใช้รัฐธรรมนูญปี 2540
เมื่อวานนี้ (23ก.พ.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการนครตำรวจนครบาล(ผบช.
น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้(24ก.พ.)ได้เดินทางมาหารือกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยพล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยหลังการหารือว่า ตำรวจจะให้ผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมอย่างอิสระ การเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมายังทำเนียบรัฐบาล ก็จะไม่มีการขวางกั้น แต่จะป้องกันไม่ให้บุกเข้าไปในทำเนียบฯหรือสถานที่ราชการอื่นๆ
"ยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุม เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้กำหนดพื้นที่ชุมนุมไว้คือบริเวณถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน นอกนั้นเป็นของสถานที่ราชการ ไม่ว่าจะเป็นถนนนครปฐม ถนนลูกหลวง ทางตำรวจจะป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการ หากเข้ามาจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากมีการชุมนุมยืดเยื้อจนข้าราชการไม่สามารถเข้าทำงานได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมแผนไว้แล้ว" ผบช.น.กล่าว และว่าเบื้องต้นได้เตรียมกำลังตำรวจไว้ 25 กองร้อย ส่วนของทหารนั้นสามารรถสนับสนุนได้ 33 กองร้อย โดยอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ส่วนรอบนอก จะเป็นการสืบสวนหาข่าว หากมีการบุกรุกเข้าทำเนียบฯ ก็จะมีการจับกุมและนำตัวไปสอบสวน ส่วนจะมีการปะทะหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะยึดตามหลักของศาลปกครอง คือ ใช้มาตราจากเบาไปหาหนัก ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายจน เกิดการปะทะกัน
ด้านพล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ กล่าวว่า จะจำกัดให้ผู้ชุมนุมอยู่แค่บริเวณสะพานมัฆวาฬ เรื่อยมาจนถึงแยกสวนมิสกวัน ถนนพิษณุโลกยาวตลอด และยาวจนถึงฝั่งตรงข้ามคลองด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะไม่ให้เข้ามาทำในฝั่งทำเนียบฯ เพราะเป็นที่ตั้งของเรา รวมทั้งแผนการดูแลกระทรวงการต่างประเทศด้วย

**"สุเทพ"ยันเอาจริงไม่ได้ขู่
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยังมองโลกในแง่ดี ยังหวังที่จะเห็นความร่วมมือโดยการสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน ว่า วันนี้เรามีภารกิจที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติด้วยกัน คือ การเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จึงหวังจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไม่ทำอะไรที่รุนแรงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศไทย เพราะในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ หากสามารถทำให้ชาวโลกเห็นภาพลักษณ์ที่ดี ของประเทศไทย จะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และการลงทุน เมื่อถามว่ารัฐบาลขู่ว่าจะนำกำลังทหาร 21 กองร้อย มาคอยเตรียมรับสถานการณ์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ขู่ แต่เป็นเรื่องจริง ที่เป็นหลักปฏิบัติตามปกติทั่วไปว่าในกรณีที่มีความสับสนวุ่นวายอันอาจจะเป็นภัยต่อสถานที่ราชการ หรืออาจจะมีการฝ่าฝืนกฎหมายกันจำนวนมากๆ และตำรวจไม่สามารถระดมกำลังได้เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้ ตำรวจต้องขอความร่วมมือกับทหาร แต่กรณีนี้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเคยวาดภาพเอาไว้จนคนตกใจ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องเตรียมการให้รัดกุม
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนได้รับมอบหมายให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันนี้ โดย เบื้องต้นจะทำความเข้าใจในสองเป็นเรื่องสำคัญ คือ 1. ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุม และ 2 . ทำความเข้าใจกับสาธารณะว่ารัฐบาลเองไม่มีแนวทางที่จะใช้ความรุนแรง โดยจะยึดคำสั่งศาลปกครองและยึดหลักสากลในการควบคุมการชุมนุม
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจำนวนผู้ชุมนุมว่ามีจังหวัดใดบ้าง และไม่ได้กำชับให้ผู้ว่าฯ สกัดกั้นแต่อย่างใด เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุม
"ผมคิดว่า ผู้ชุมนุมไม่น่าจะมีการปฏิบัติให้กลุ่มประเทศอาเซียนเกิดการเข้าใจผิด และการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง เป็นเรื่องที่เรากำลังรณรงค์" รมว.มหาดไทย กล่าว และว่าทางวอร์รูมของกระทรวงมหาดไทย จะรายงานสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมให้ตนทราบทุก 3 ช.ม. ซึ่งจากที่ได้รับรายงานมา น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้

**ทหารปฏิบัติตามแผนอาร์มทอง
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนจีน ได้มอบหมายให้ พล.อ.จิรเดช เป็นประธานการประชุมเพื่อตรวจสอบทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติทุกภาคส่วน เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติกับผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ร้องขอให้ทหารเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยพนักงานแล้ว โดยภารกิจกองทัพมีหน้าที่ป้องกันสถานที่ราชการสำคัญ ตามแผนอาร์มทอง มีกำลังพล 21 กองร้อย โดยกำลังทหารจะเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากหน่วยที่ตั้งพร้อมกับกำลังตำรวจ ในเวลาค่ำของวันที่ 23 ก.พ.
สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล จะใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 โดยใช้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ จะใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ โดยมี พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ การปฏิบัติทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้อาวุธ หากผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้าไปสถานที่ราชการ เราจะใช้เครื่องขยายเสียงบอกกับผู้ชุมนุม และปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอนไป เชื่อว่าสถานการณ์คงไม่รุนแรงถึงขั้นต้องใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม
**ทำเนียบฯคึกตำรวจ-ทหารเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลถึงการวางกำลังตำรวจเพื่อรับมือกลุ่มเสื้อแดงว่า เมื่อเวลา 18.00น. วานนี้ ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลที่สนธิกำลังจากสน.ต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางเข้ารักษาการณ์ในพื้นที่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลแล้วกว่า 7 กองร้อย หรือกว่า 1 พันนาย โดยกระจายประจำตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีกำลังจากกองพลทหารราบที่ 1 และกองพลทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ นำลวดหนามมาวางเป็นแนวสกัดด้านในทำเนียบรัฐบาล และมีรถดับเพลิงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกว่า 10 คัน กระจายตามจุดทางเข้า-ออก ทั้ง 8 ประตู

**วอร์รูมปชป.ถกรับมือสถานการณ์
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะทำงานเพื่อปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ ประธานคณะทำงาน ฯ ได้มีการประเมินสถานการณ์ถึงการชุมนุมในวันนี้ว่า จะมีกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุม ประมาณ 4 หมื่นคน เพื่อเป็นการสำแดงพลัง ว่าจะมีอำนาจต่อรองทางการเมืองเพื่อให้กดดันรัฐบาล ทำตามเงื่อนไข 4 ข้อที่เคยยื่นไว้กับรัฐบาล คาดว่า การชุมนุมครั้งจะยืดยื้อ 3 วัน และหากยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น บรรดากลุ่มแกนนำเสื้อแดง จะมีการสร้างสถานการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม จากนั้นเหตุการณ์ก็จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะรวมกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินทางกลับ โดยกลุ่มแกนนำจะปฏิเสธความรับผิดชอบว่า ไม่ใช่คนในกลุ่ม และเหตุการณ์ดังกล่าว และจะกลายเป็นการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคขอแสดงความห่วงใยและความวิตกในการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา 3 แนวทาง คือ 1. ความเคลื่อนไหวของ นปช.ที่แสดงเจตนาจะชุมนุมยืดเยื้อ และปฏิเสธความรับผิดชอบ
2.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมสร้างเงื่อนในการสนับสนุนการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภาที่ชัดเจน มีการขัดข้างการทำงานของสภาทุกวิถีทาง และสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งนอกสภา
3.การที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะฮ่องกง ส่งสัญญาณชัดว่า หลังจากความวุ่นวายในการชุมนุมทางการเมืองดำเนินการมาถึงที่สิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ให้ข่าวว่า จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เพื่อตอกย้ำปัญหาภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
"ทั้ง 3 ข้อนี้พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความห่วงใยต่อการดำเนินการ และขณะเดียวกันยอมรับว่าแม้สังคมจะมีความแตกต่างที่ต่อเนื่องจากวิกฤตบ้านเมือง ซึ่งการเลือกจังหวะที่มีแขกบ้านแขกเมืองมาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท ถือเป็นการจงใจใช้จังหวะที่จะมีสื่อมวลชนมาจากทั่วโลกให้เห็นภาพความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศที่ออกมาสู่ท้องถนน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่เพิ่งเริ่มจะดีขึ้น พรรคจึงอยากฝากไปยังทุกฝ่ายให้ช่วยกันประคับประคองประเทศด้วย" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น