ก่อนอื่นต้องขอ “สวัสดีปีใหม่ไทย-สงกรานต์” ย้อนหลัง เนื่องด้วยสัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีบทความ “พระอาทิตย์สาดส่อง” เพราะปิดยาว 10 วัน พอดิบพอดี ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 เมษายน ทอดยาวมาจนถึงวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน ที่ผ่านพ้นมา โดยเป็นคำสั่งจากรัฐบาล ซึ่งเหตุผลสำคัญเกิดจาก “วิกฤตการเมือง” ที่สามารถเรียกขาน “เทศกาลสงกรานต์ประวัติศาสตร์” ปีนี้ ว่าเป็น “สงกรานต์เดือด-สงกรานต์เลือด”
เป็นกรณีที่แทบไม่น่าเชื่อว่า “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเป็น “ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยดั้งเดิม” ที่มีมาแต่โบราณกาลนับ 700 กว่าปี โดยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กัน ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำโขง ตั้งแต่ไทย ลาว เขมร แม้กระทั่ง พม่า ที่ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 13 เมษายน ที่จะเป็นวันแห่งความสุข เฉลิมฉลองทั้งพิธีทางศาสนา และพิธีกรรมทำบุญ ขอพร และรดน้ำดำหัว
หรือว่า “วันสงกรานต์ 13 เมษายน” ปีนี้จะสอดคล้องกับ “ตำนานฝรั่ง” ที่มักเกรงกลัวกันว่า จะมี “เหตุร้าย” เกิดขึ้น ที่เรียกขานกันว่า “April The 13th!” พูดง่ายๆ เมื่อใด ปีไหนที่ปฏิทินขึ้นว่าเป็น “13 เมษายน (April The 13th)” ฝรั่งจะ “หวาดผวา” ยิ่งถ้าเป็น “วันศุกร์ที่ 13 เมษายน” ด้วยแล้ว “Friday, April 13th” ฝรั่งจะ “สติแตก-ขวัญกระเจิง” ถึงขนาด “ไม่กล้าทำอะไร-ไม่กล้าออกนอกบ้าน” เลยก็ยังมี!
อย่างไรก็ตาม “สถานการณ์ตึงเครียด” ก็ได้คลี่คลายลงไปจนถึงระดับที่น่าพอใจ จนเป็นที่ “โล่งอก!” ของทุกฝ่าย แม้กระทั่ง “ฝ่ายเสื้อแดง” ที่ “ถูกจ้างวาน” มา แต่ถามว่า เราทุกคน สมควร “โล่งใจ!” ได้หรือไม่ว่า สถานการณ์ทุกอย่างลดระดับจนถึงขั้น “สงบ” และ “สยบ” เรียบร้อยหรือยัง ก็ต้องตอบสวนทันทีว่า “ยังไม่มีทางเกิดขึ้นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด!”
เนื่องด้วย “ความแค้น” ของคุณทักษิณ ยังคง “ลุกโชน” มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ นอกเหนือจากนั้น ซ้ำร้าย “องครักษ์และแกนนำ” ที่ยึดมั่นใน “ลัทธิมาร์กซิส (Marxist)” พลอย “โหมไฟแค้น” ให้กับคุณทักษิณ ต้อง “ลงทุน” ต่อเนื่องและมากกว่าเดิม
“ขบวนการใต้ดิน” จะเกิดขึ้นแบบแนบเนียนมากยิ่งขึ้น เพราะสงครามครั้งนี้ “คุณทักษิณและคณะ” ยังไม่ตระหนักว่า “พ่ายแพ้” แล้ว เพียงแต่ “แพ้หนึ่งสนามรบ” เท่านั้น เข้าทำนองประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “Lost The Battle Not The War”
ดังนั้น นับแต่นี้เป็นต้นไป เราคนไทยทุกคนต้องคอย “เฝ้าระวัง!” ถึงการเคลื่อนไหวที่จะมีลักษณะ “จรยุทธ์” มากยิ่งขึ้น ทำนอง “สงครามกองโจร” ที่ฟันธงได้เลยว่า “คุณทักษิณและคณะ” จะไม่มีทางเลิกราอย่างเด็ดขาด ด้วยการกำหนดยุทธการพร้อมวางแผนในการป่วนเมืองและปลุกระดม “ประชาชน-ชาวบ้าน” ที่ไร้ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนถูกหลอกใช้จากคุณทักษิณและคณะให้เข้าร่วมขบวนการ
ทั้งนี้ ว่าไปแล้ว คณะของคุณทักษิณ ที่น่าเรียกขานว่า “ขบวนการเรดการ์ด (Red Guard)” เหมือนกับช่วงก่อน “การปฏิวัติวัฒนธรรม (Culteral Revolution)” ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อ ค.ศ. 1949
และที่น่าแปลก ที่บังเอิญหรือไม่ที่ “เรดการ์ด (Red Guard)” ช่างสอดคล้องกับ “วิธีการ” และ “การเคลื่อนไหว” ของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” แทบไม่มีผิด ยังไงยังงั้น
ล่าสุด สถานการณ์ยังไม่ส่อไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องด้วย “คุณทักษิณ” และ “สมุน” ยังประกาศลั่นชัดเจนว่า “ไม่ยุติ!” จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด แต่ครั้งหลังนี้ ได้ขอแรงสนับสนุนจากบรรดา “ข้าราชการ” ให้ทำงานเชิงต่อต้านกับบรรดานักการเมือง ซึ่งเข้าทำนอง “พลิกลิ้น” จากเดิมที่ “ระดมโจมตีอำมาตย์”
ทั้งนี้ “ข้าราชการไทย” แทบทุกผู้ทุกนาม ต่างประกาศชัดเจนว่าเป็น “ข้าฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เสมือนว่าเป็น “อำมาตย์” เช่นเดียวกัน โดยที่คุณทักษิณประกาศต่อต้าน “อำมาตยาธิปไตย” มาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดการเพลี่ยงพล้ำขึ้น กลับ “ขอร้อง” ให้เหล่า “อำมาตย์” ต่อต้านนักการเมืองที่มาจากการเป็นตัวแทนประชาชนซึ่งเป็น “สัญลักษณ์” ของ “ประชาธิปไตย” ...คำถามคือ “อะไรของมันว่ะ!”
ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ สื่อฯ ต่างประเทศ ไม่ว่าสำนักใหญ่เล็ก ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ความคิดเห็น” ตลอดจน “หลักการ-เป้าหมาย” ของคุณทักษิณ จากการสัมภาษณ์จนเป็น “ทักษิณรายวัน” ว่า “ไม่มีเครดิต-ไม่น่าเชื่อถือ” และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ “พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย!”
จากปัญหาทั้งหลายทั้งปวงนั้น เราต้องยอมรับตาม “ข้อสงสัย” ที่มีการซุบซิบนินทา พร้อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า “คุณทักษิณป่วย!” หรือ “โรคจิต” ที่มีอารมณ์ผันแปร เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “เคมีไม่สมดุลทางสมอง” หรือ “Chemical Imbalance” จึงเป็น “อาการวูบวาบ” ตัดสินใจผิดพลาดตลอดเวลา ยิ่งมีอารมณ์โกรธเคือง จะควบคุมสติไม่ได้
และในขณะเดียวกัน จาก “ความป่วย” ของคุณทักษิณ จึงก่อให้เกิด “อารมณ์แปรปรวน-หูเบา” จึง “ถูกหลอก” ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จาก “กลุ่มแกนนำนปช.-กลุ่มเสื้อแดง” ที่หลอกป้อนข้อมูลอย่างผิดๆ แก่คุณทักษิณ กรณี “แฟนคลับ” ที่เฝ้ารอคอยการกลับมามีอำนาจอีกครั้งของคุณทักษิณ พร้อมทั้ง “การเผด็จศึก” สามารถปฏิบัติการได้ เนื่องด้วยยังมี “องครักษ์ : ตำรวจ-ทหาร” บางกลุ่มที่ยัง “จงรักภักดี” ต่อคุณทักษิณ หรือเลยเถิดไปกระทั่งการโค่นล้ม “สถาบันเบื้องสูง” ที่สามารถระดมได้จากมวลชนชาวไทย
“การหลอก” ที่เกิดขึ้นนั้น “ข้อสมมติฐาน” สำคัญที่สุด ที่แทบทุกผู้ทุกนามเชื่อมั่นว่าเป็น “การควักเงินออกจากกระเป๋าคุณทักษิณ” หรือพูดง่ายๆ ก็หมายความว่า เป็นการหลอกเอาเงินคุณทักษิณมาปฏิบัติการ โดยน่าเชื่อว่า คุณทักษิณเสียเงินถูกหลอกจากบรรดากลุ่มแกนนำแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าหลัก 1,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่เริ่ม “ขบวนการเสื้อแดง!” ดีไม่ดีน่าจะหลายพันล้านแล้วก็เป็นได้
แน่นอนที่สุด “กลุ่มสามหัวขวด-สามเกลอหัวแข็ง” บวกกับ “เจ๊เพ็ญ” น่าจะ “หลอกล้วงเงิน” คุณทักษิณ ได้ไปคนละไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท จนร่ำรวยอู้ฟู่กันถ้วนหน้า เราไม่ต้องคิดอื่นไกล เพียงแค่ประกาศการชุมนุมจำนวนหลังสุดว่าจะระดมมามากถึง 3 แสนคน แต่ปรากฏว่ามากสุดประมาณ 100,000 คนเท่านั้น กรณีนี้ต้องขอฟันธงเลยว่า “คุณทักษิณถูกหลอก!”
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่า “ภารกิจ (Mission)” นี้ ถ้ามุ่ง “โค่นล้มสถาบันฯ” ซึ่งเป็น “แนวคิด-อุดมการณ์” ของ “พรรคคอมมิวนิสต์” ที่ปัจจุบันมีจำนวน 3-5 คน ที่รายล้อมรอบตัวคุณทักษิณ ที่อาจจะ “หลอก” ให้คุณทักษิณเป็น “หัวหน้า-หัวหอก” ในความพยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
หรือในขณะเดียวกัน คุณทักษิณ อาจจะ “หลอกคอมมิวนิสต์” ให้เป็น “กองทัพเรดการ์ด” ในการนำคุณทักษิณสู่อำนาจอีกครั้ง ตามคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะสถาปนาในตำแหน่ง “ประธานาธิบดี” และเปลี่ยนการปกครองให้เป็น “ระบอบสาธารณรัฐ”
อย่างไรก็ตาม “ปัญหาของการเมืองไทย” ตลอดระยะเวลา 70 กว่าปีที่ผ่านมา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ ตั้งแต่ พ.ศ.2475 สาหัสสากรรจ์ที่สุด ก็คือช่วง 2475 ถึง 2500 และ 2516-2519 แต่เป็นเพียง “การแก่งแย่งอำนาจ” กันเองระหว่าง “กลุ่มอำนาจ : ทหาร” และระหว่าง “ทหาร-ประชาชน” ไม่มีซักครั้งที่คิดจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกเลย เพียงแต่ในช่วงก่อน 2475 และหลัง 2475 เท่านั้น
“การเมืองไทย” เข้าขั้นวิกฤตอีกครั้ง ที่ “คิดเลยเถิด-บังอาจ” ที่จะ “ยึดครอง-โค่นล้ม” สถาบันเบื้องสูงของปวงชนชาวไทย ชนิด “ล้มล้างโครงสร้าง” และ “สถาปนาระบอบใหม่” ตั้งแต่ปี 2545-2546 เป็นต้นมา จาก “การยุแยง-ยั่วยุ” ของ “กลุ่มซ้าย” ประกอบกับ “ความมั่งคั่ง-ร่ำรวยมหาศาล” ของครอบครัวคุณทักษิณ จนคิดว่า “เงินซื้อได้ทุกอย่าง!”
สถานการณ์ทั้งหลายทั้งปวง ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า “การสถาปนาระบบการเมืองใหม่!” ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อ “วิถีชีวิต” ของคนไทยอย่างมาก ที่มิได้ก่อกำเนิดจาก “ฝีมือประชาชน” อย่างแท้จริง แต่เป็นการ “ปรุงแต่ง” และ “ความพยายามรื้อ” ทั้ง “โครงสร้าง-ระบบ” ให้เกิด “วัฒนธรรมการเมืองใหม่” ที่ต้องยอมรับว่า “ไม่สอดคล้อง” กับ “สภาพความเป็นจริง” ของ “วิถีชีวิตคนไทย” ที่ยังคงยึดติดอยู่กับ “ระบบอุปถัมภ์-ระบบเครือญาติ” และไม่สำคัญเท่ากับ “ระบบศักดินา”
ทั้งนี้ ความจริงที่คุณทักษิณ ชินวัตร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “พฤติกรรม” ของคุณทักษิณและครอบครัว “จมปลัก” อยู่กับ “ระบบอุปถัมภ์-ระบบเครือญาติ” มากที่สุด จน “กอบโกยร่ำรวย” จะด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่แน่นอนก็เพื่อ ไต่เต้าขึ้นไปอยู่กับ “ระบบโครงสร้างศักดินา” สูงสุดไม่แตกต่างอะไรไปจากอดีตประธานาธิบดีทั้ง “ซูฮาร์โต” และ “มาร์กอส”
“ประเทศไทยพัง!” ไปต่อหน้าต่อตาเพื่อ “ความสะใจ” และ “การล้างแค้น” ของคุณทักษิณ กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ปีครึ่ง ด้วยเงื่อนไขเดียวคือ คุณทักษิณ “ต้องยุติ!”
ขอแสดงความเสียใจกับกรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูก “ลอบทำร้ายอย่างหมาลอบกัด!” ซึ่ง “เดชะบุญ” ที่คุณสนธิหลุดเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด!
เป็นกรณีที่แทบไม่น่าเชื่อว่า “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเป็น “ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยดั้งเดิม” ที่มีมาแต่โบราณกาลนับ 700 กว่าปี โดยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กัน ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำโขง ตั้งแต่ไทย ลาว เขมร แม้กระทั่ง พม่า ที่ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 13 เมษายน ที่จะเป็นวันแห่งความสุข เฉลิมฉลองทั้งพิธีทางศาสนา และพิธีกรรมทำบุญ ขอพร และรดน้ำดำหัว
หรือว่า “วันสงกรานต์ 13 เมษายน” ปีนี้จะสอดคล้องกับ “ตำนานฝรั่ง” ที่มักเกรงกลัวกันว่า จะมี “เหตุร้าย” เกิดขึ้น ที่เรียกขานกันว่า “April The 13th!” พูดง่ายๆ เมื่อใด ปีไหนที่ปฏิทินขึ้นว่าเป็น “13 เมษายน (April The 13th)” ฝรั่งจะ “หวาดผวา” ยิ่งถ้าเป็น “วันศุกร์ที่ 13 เมษายน” ด้วยแล้ว “Friday, April 13th” ฝรั่งจะ “สติแตก-ขวัญกระเจิง” ถึงขนาด “ไม่กล้าทำอะไร-ไม่กล้าออกนอกบ้าน” เลยก็ยังมี!
อย่างไรก็ตาม “สถานการณ์ตึงเครียด” ก็ได้คลี่คลายลงไปจนถึงระดับที่น่าพอใจ จนเป็นที่ “โล่งอก!” ของทุกฝ่าย แม้กระทั่ง “ฝ่ายเสื้อแดง” ที่ “ถูกจ้างวาน” มา แต่ถามว่า เราทุกคน สมควร “โล่งใจ!” ได้หรือไม่ว่า สถานการณ์ทุกอย่างลดระดับจนถึงขั้น “สงบ” และ “สยบ” เรียบร้อยหรือยัง ก็ต้องตอบสวนทันทีว่า “ยังไม่มีทางเกิดขึ้นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด!”
เนื่องด้วย “ความแค้น” ของคุณทักษิณ ยังคง “ลุกโชน” มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ นอกเหนือจากนั้น ซ้ำร้าย “องครักษ์และแกนนำ” ที่ยึดมั่นใน “ลัทธิมาร์กซิส (Marxist)” พลอย “โหมไฟแค้น” ให้กับคุณทักษิณ ต้อง “ลงทุน” ต่อเนื่องและมากกว่าเดิม
“ขบวนการใต้ดิน” จะเกิดขึ้นแบบแนบเนียนมากยิ่งขึ้น เพราะสงครามครั้งนี้ “คุณทักษิณและคณะ” ยังไม่ตระหนักว่า “พ่ายแพ้” แล้ว เพียงแต่ “แพ้หนึ่งสนามรบ” เท่านั้น เข้าทำนองประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “Lost The Battle Not The War”
ดังนั้น นับแต่นี้เป็นต้นไป เราคนไทยทุกคนต้องคอย “เฝ้าระวัง!” ถึงการเคลื่อนไหวที่จะมีลักษณะ “จรยุทธ์” มากยิ่งขึ้น ทำนอง “สงครามกองโจร” ที่ฟันธงได้เลยว่า “คุณทักษิณและคณะ” จะไม่มีทางเลิกราอย่างเด็ดขาด ด้วยการกำหนดยุทธการพร้อมวางแผนในการป่วนเมืองและปลุกระดม “ประชาชน-ชาวบ้าน” ที่ไร้ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนถูกหลอกใช้จากคุณทักษิณและคณะให้เข้าร่วมขบวนการ
ทั้งนี้ ว่าไปแล้ว คณะของคุณทักษิณ ที่น่าเรียกขานว่า “ขบวนการเรดการ์ด (Red Guard)” เหมือนกับช่วงก่อน “การปฏิวัติวัฒนธรรม (Culteral Revolution)” ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อ ค.ศ. 1949
และที่น่าแปลก ที่บังเอิญหรือไม่ที่ “เรดการ์ด (Red Guard)” ช่างสอดคล้องกับ “วิธีการ” และ “การเคลื่อนไหว” ของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” แทบไม่มีผิด ยังไงยังงั้น
ล่าสุด สถานการณ์ยังไม่ส่อไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องด้วย “คุณทักษิณ” และ “สมุน” ยังประกาศลั่นชัดเจนว่า “ไม่ยุติ!” จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด แต่ครั้งหลังนี้ ได้ขอแรงสนับสนุนจากบรรดา “ข้าราชการ” ให้ทำงานเชิงต่อต้านกับบรรดานักการเมือง ซึ่งเข้าทำนอง “พลิกลิ้น” จากเดิมที่ “ระดมโจมตีอำมาตย์”
ทั้งนี้ “ข้าราชการไทย” แทบทุกผู้ทุกนาม ต่างประกาศชัดเจนว่าเป็น “ข้าฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เสมือนว่าเป็น “อำมาตย์” เช่นเดียวกัน โดยที่คุณทักษิณประกาศต่อต้าน “อำมาตยาธิปไตย” มาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดการเพลี่ยงพล้ำขึ้น กลับ “ขอร้อง” ให้เหล่า “อำมาตย์” ต่อต้านนักการเมืองที่มาจากการเป็นตัวแทนประชาชนซึ่งเป็น “สัญลักษณ์” ของ “ประชาธิปไตย” ...คำถามคือ “อะไรของมันว่ะ!”
ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ สื่อฯ ต่างประเทศ ไม่ว่าสำนักใหญ่เล็ก ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ความคิดเห็น” ตลอดจน “หลักการ-เป้าหมาย” ของคุณทักษิณ จากการสัมภาษณ์จนเป็น “ทักษิณรายวัน” ว่า “ไม่มีเครดิต-ไม่น่าเชื่อถือ” และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ “พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย!”
จากปัญหาทั้งหลายทั้งปวงนั้น เราต้องยอมรับตาม “ข้อสงสัย” ที่มีการซุบซิบนินทา พร้อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า “คุณทักษิณป่วย!” หรือ “โรคจิต” ที่มีอารมณ์ผันแปร เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “เคมีไม่สมดุลทางสมอง” หรือ “Chemical Imbalance” จึงเป็น “อาการวูบวาบ” ตัดสินใจผิดพลาดตลอดเวลา ยิ่งมีอารมณ์โกรธเคือง จะควบคุมสติไม่ได้
และในขณะเดียวกัน จาก “ความป่วย” ของคุณทักษิณ จึงก่อให้เกิด “อารมณ์แปรปรวน-หูเบา” จึง “ถูกหลอก” ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จาก “กลุ่มแกนนำนปช.-กลุ่มเสื้อแดง” ที่หลอกป้อนข้อมูลอย่างผิดๆ แก่คุณทักษิณ กรณี “แฟนคลับ” ที่เฝ้ารอคอยการกลับมามีอำนาจอีกครั้งของคุณทักษิณ พร้อมทั้ง “การเผด็จศึก” สามารถปฏิบัติการได้ เนื่องด้วยยังมี “องครักษ์ : ตำรวจ-ทหาร” บางกลุ่มที่ยัง “จงรักภักดี” ต่อคุณทักษิณ หรือเลยเถิดไปกระทั่งการโค่นล้ม “สถาบันเบื้องสูง” ที่สามารถระดมได้จากมวลชนชาวไทย
“การหลอก” ที่เกิดขึ้นนั้น “ข้อสมมติฐาน” สำคัญที่สุด ที่แทบทุกผู้ทุกนามเชื่อมั่นว่าเป็น “การควักเงินออกจากกระเป๋าคุณทักษิณ” หรือพูดง่ายๆ ก็หมายความว่า เป็นการหลอกเอาเงินคุณทักษิณมาปฏิบัติการ โดยน่าเชื่อว่า คุณทักษิณเสียเงินถูกหลอกจากบรรดากลุ่มแกนนำแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าหลัก 1,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่เริ่ม “ขบวนการเสื้อแดง!” ดีไม่ดีน่าจะหลายพันล้านแล้วก็เป็นได้
แน่นอนที่สุด “กลุ่มสามหัวขวด-สามเกลอหัวแข็ง” บวกกับ “เจ๊เพ็ญ” น่าจะ “หลอกล้วงเงิน” คุณทักษิณ ได้ไปคนละไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท จนร่ำรวยอู้ฟู่กันถ้วนหน้า เราไม่ต้องคิดอื่นไกล เพียงแค่ประกาศการชุมนุมจำนวนหลังสุดว่าจะระดมมามากถึง 3 แสนคน แต่ปรากฏว่ามากสุดประมาณ 100,000 คนเท่านั้น กรณีนี้ต้องขอฟันธงเลยว่า “คุณทักษิณถูกหลอก!”
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่า “ภารกิจ (Mission)” นี้ ถ้ามุ่ง “โค่นล้มสถาบันฯ” ซึ่งเป็น “แนวคิด-อุดมการณ์” ของ “พรรคคอมมิวนิสต์” ที่ปัจจุบันมีจำนวน 3-5 คน ที่รายล้อมรอบตัวคุณทักษิณ ที่อาจจะ “หลอก” ให้คุณทักษิณเป็น “หัวหน้า-หัวหอก” ในความพยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
หรือในขณะเดียวกัน คุณทักษิณ อาจจะ “หลอกคอมมิวนิสต์” ให้เป็น “กองทัพเรดการ์ด” ในการนำคุณทักษิณสู่อำนาจอีกครั้ง ตามคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะสถาปนาในตำแหน่ง “ประธานาธิบดี” และเปลี่ยนการปกครองให้เป็น “ระบอบสาธารณรัฐ”
อย่างไรก็ตาม “ปัญหาของการเมืองไทย” ตลอดระยะเวลา 70 กว่าปีที่ผ่านมา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ ตั้งแต่ พ.ศ.2475 สาหัสสากรรจ์ที่สุด ก็คือช่วง 2475 ถึง 2500 และ 2516-2519 แต่เป็นเพียง “การแก่งแย่งอำนาจ” กันเองระหว่าง “กลุ่มอำนาจ : ทหาร” และระหว่าง “ทหาร-ประชาชน” ไม่มีซักครั้งที่คิดจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกเลย เพียงแต่ในช่วงก่อน 2475 และหลัง 2475 เท่านั้น
“การเมืองไทย” เข้าขั้นวิกฤตอีกครั้ง ที่ “คิดเลยเถิด-บังอาจ” ที่จะ “ยึดครอง-โค่นล้ม” สถาบันเบื้องสูงของปวงชนชาวไทย ชนิด “ล้มล้างโครงสร้าง” และ “สถาปนาระบอบใหม่” ตั้งแต่ปี 2545-2546 เป็นต้นมา จาก “การยุแยง-ยั่วยุ” ของ “กลุ่มซ้าย” ประกอบกับ “ความมั่งคั่ง-ร่ำรวยมหาศาล” ของครอบครัวคุณทักษิณ จนคิดว่า “เงินซื้อได้ทุกอย่าง!”
สถานการณ์ทั้งหลายทั้งปวง ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า “การสถาปนาระบบการเมืองใหม่!” ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อ “วิถีชีวิต” ของคนไทยอย่างมาก ที่มิได้ก่อกำเนิดจาก “ฝีมือประชาชน” อย่างแท้จริง แต่เป็นการ “ปรุงแต่ง” และ “ความพยายามรื้อ” ทั้ง “โครงสร้าง-ระบบ” ให้เกิด “วัฒนธรรมการเมืองใหม่” ที่ต้องยอมรับว่า “ไม่สอดคล้อง” กับ “สภาพความเป็นจริง” ของ “วิถีชีวิตคนไทย” ที่ยังคงยึดติดอยู่กับ “ระบบอุปถัมภ์-ระบบเครือญาติ” และไม่สำคัญเท่ากับ “ระบบศักดินา”
ทั้งนี้ ความจริงที่คุณทักษิณ ชินวัตร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “พฤติกรรม” ของคุณทักษิณและครอบครัว “จมปลัก” อยู่กับ “ระบบอุปถัมภ์-ระบบเครือญาติ” มากที่สุด จน “กอบโกยร่ำรวย” จะด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่แน่นอนก็เพื่อ ไต่เต้าขึ้นไปอยู่กับ “ระบบโครงสร้างศักดินา” สูงสุดไม่แตกต่างอะไรไปจากอดีตประธานาธิบดีทั้ง “ซูฮาร์โต” และ “มาร์กอส”
“ประเทศไทยพัง!” ไปต่อหน้าต่อตาเพื่อ “ความสะใจ” และ “การล้างแค้น” ของคุณทักษิณ กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ปีครึ่ง ด้วยเงื่อนไขเดียวคือ คุณทักษิณ “ต้องยุติ!”
ขอแสดงความเสียใจกับกรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูก “ลอบทำร้ายอย่างหมาลอบกัด!” ซึ่ง “เดชะบุญ” ที่คุณสนธิหลุดเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด!