เมื่อ ”กองทัพแดง” แตกพ่าย แม้ยังไม่ราพณาสูร แต่การฟื้นกลับคืนมา เพื่อออกมาก่อจลาจล ป่วนบ้าน เผาเมืองอีกครั้ง ในช่วงเวลาอันใกล้ คงทำได้ยาก
แน่นอนว่า หลังจากนี้ ส.ส.เพื่อไทย ที่เป็นอีกฐานรบหนึ่งของนช.ทักษิณ ชินวัตร คงต้องใช้เวทีรัฐสภาขับเคลื่อนทางการเมือง
รับไม้ต่อจากเวทีเสื้อแดงเพื่อห้ำหั่นกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป ในยามที่เสื้อแดงพ่ายแพ้หมดรูปในสงครามกลางเมือง 20 วัน ของการสู้รบหน้าทำเนียบรัฐบาล
หลายฝ่ายเห็นด้วย หาก ส.ส.เพื่อไทย หรือแม้แต่จะเป็นส.ส.ซีกรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา จะใช้กลไกลในรัฐสภา เพื่อคลี่คลายปัญหาวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา เพียงแต่ขอให้เป็นการใช้เวที บนหลักคิดที่สุจริต ไม่ได้คิดจะเอาชนะคะคานกันทางการเมือง แต่มุ่งหวังเพื่อระดมความคิดเห็นในการร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ให้ฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
ในทางตรงข้าม หากยังคิดแต่จะใช้เวทีสภาฯ เพื่อให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง เวทีความขัดแย้งที่ไม่รู้จบของการเมืองสองขั้ว แบบนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร
และสมควรอย่างยิ่งที่จะมีการใช้เวทีนิติบัญญัติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตลอดช่วงการแตกหักของกบฏเสื้อแดง ระหว่าง 8-13 เมษายน 52 ที่บางฝ่ายยังติดใจสงสัย เพื่อให้ความจริงปรากฏออกมา
ทั้งการปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การบุกล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เหตุการณ์คนเสื้อน้ำเงินทำร้ายคนเสื้อแดงที่พัทยา การบุกเข้าไปในโรงแรมสถานที่จัดการประชุมอาเซียนซัมมิต ของคนเสื้อแดง การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล การใช้กำลังทหารควบคุมสถานการณ์ตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร และบางฝ่ายพยายามอ้างว่า ทหารใช้อาวุธยิงประชาชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิต การบุกเข้าไปล้อมรถและมุ่งหวังทำร้ายนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย การยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตที่ย่านนางเลิ้ง เป็นต้น
มันจะได้ไม่ทำให้ข้อสงสัยทั้งหลาย กลายเป็นปริศนาและเป็นประเด็นการเมืองต่อเนื่องไม่รู้จบ
เพียงแต่ขอให้การใช้เวทีสภาฯ ทั้งการตั้งกระทู้สด หรือซักถามระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ เพื่อหารือปัญหาการเมืองเป็นกรณีพิเศษ ต้องเป็นไปด้วยหลักการที่ถูกต้อง
หาก ส.ส.คนไหนจะยื่นกระทู้สดสอบถามนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย ก็ขอให้มีข้อมูลข้อเท็จจริงมาแสดงประกอบ เช่น ภาพถ่ายผู้เสียชีวิต ที่เป็นความจริง ไม่ใช่นำข่าวลือ ข่าวลวง มากล่าวหาบุคคลอื่นหรือป้ายสีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังผลทางการเมือง
เหตุที่ต้องดักคอไว้ก่อน เพราะตอนนี้เริ่มรู้มาว่า ส.ส.เพื่อไทย เตรียมใช้เวทีทั้งการประชุมสภาฯปกติ และการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษวันที่ 22-23 เม.ย. นี้ ที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันอภิปรายหาทางออกต่อวิกฤตการเมือง ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยได้เตรียมทีมอภิปรายครั้งใหญ่ เพื่อหวังล้างแค้นให้กับ นช.ทักษิณ นายใหญ่และเพื่อนพ้องคนเสื้อแดง ที่ส.ส.เพื่อไทยหนุนหลังอยู่
ด้วยการเตรียมถล่มนายกรัฐมนตรี และรมต.ที่เกี่ยวข้องอาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย
ระฆังดังเมื่อไร ส.ส.เพื่อไทย ก็เดินหน้าฆ่าลูกเดียวกลางห้องประชุมสภาฯ ซึ่งตอนนี้ ส.ส.เพื่อไทยได้เริ่มลับดาบรอไว้แล้ว
ประเด็นอภิปรายที่เตรียมจะซักถาม เช่น ในประเด็นเรื่อง”สองมาตรฐาน” การดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดง กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การพยายามยัดเยียดป้ายสีรัฐบาล และกองทัพว่าใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามประชาชน ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ทั้งที่ก็ปรากฏแล้วว่าไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว
ตลอดถึง การให้ส.ส.เพื่อไทย รุมบี้ให้รัฐบาลรีบยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยการอ้างว่า ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย
และคาดว่าเพื่อไทย จะใช้กลไกกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มีคนของตนนั่งคุมทัพอยู่ มารับไม้ไปอีกทอดหนึ่ง เช่น กรรมาธิการทหาร ของ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ที่ก็ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงด้วย หรือคณะกรรมาธิการป.ป.ช. ของ ประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ เพื่อไทย เพื่อให้เรียกผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำทหาร ผู้นำตำรวจ มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายหลัง
ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องเองว่า จะตกหลุมพรางส.ส.เพื่อไทย หรือไม่
การเคลื่อนไหวในสภาฯทั้งหมดจะเกิดขึ้น จนกว่าพลังเสื้อแดงจะเริ่มกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง อันคาดว่าจะใช้เวลาอีกพอสมควร ทำให้นช.ทักษิณ ต้องพึ่งกลไกพรรคเพื่อไทย ในการเดินเกมเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลไปเรื่อยๆ จนกว่าพลังเสื้อแดงจะพร้อม และสภาปิดสมัยประชุมในเดือนพฤษภาคม
หลังจากนั้น บทบาทของพลังเสื้อแดง ถึงค่อยกลับมาอีกครั้ง
ส่วนกระบวนการด้านการผลักดัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปรองดองแห่งชาติ ก็ยังต้องจับตาดูอยู่ ซึ่งทั้งสองเรื่องถือเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลคงไม่ยอมให้ นช.ทักษิณ และเพื่อไทย กุมไพ่เหนือกว่าเพื่อต่อรองให้รัฐบาลต้องอ่อนข้อ และเห็นด้วยกับการแก้ไขรธน. และร่วมกันผลักดันกฎหมายปรองดองแห่งชาติ
แม้จะมีส.ส.เพื่อไทย หลายคนออกมาสำราก และข่มขู่ว่า หากไม่ยอมจับมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความรุนแรงรอบสอง และทุกจังหวัดจะเป็นเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ มีเหตุวุ่นวาย ความไม่สงบเรียบร้อย การทำร้ายร่างกายประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ในสภาพจลาจลไปทั่วประเทศ
ก็อยากส่งเสียงไปถึง อภิสิทธิ์ ว่า ไม่ต้องไปสนใจกับคำขู่ของเพื่อไทย และหากคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆ ก็ขอให้ต้องดำเนินไปด้วยหลัก
ส่วนรวมได้ประโยชน์
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เฉพาะกลุ่มของคนไม่กี่คน โดยเฉพาะนักการเมือง
แน่นอนว่า หลังจากนี้ ส.ส.เพื่อไทย ที่เป็นอีกฐานรบหนึ่งของนช.ทักษิณ ชินวัตร คงต้องใช้เวทีรัฐสภาขับเคลื่อนทางการเมือง
รับไม้ต่อจากเวทีเสื้อแดงเพื่อห้ำหั่นกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป ในยามที่เสื้อแดงพ่ายแพ้หมดรูปในสงครามกลางเมือง 20 วัน ของการสู้รบหน้าทำเนียบรัฐบาล
หลายฝ่ายเห็นด้วย หาก ส.ส.เพื่อไทย หรือแม้แต่จะเป็นส.ส.ซีกรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา จะใช้กลไกลในรัฐสภา เพื่อคลี่คลายปัญหาวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา เพียงแต่ขอให้เป็นการใช้เวที บนหลักคิดที่สุจริต ไม่ได้คิดจะเอาชนะคะคานกันทางการเมือง แต่มุ่งหวังเพื่อระดมความคิดเห็นในการร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ให้ฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
ในทางตรงข้าม หากยังคิดแต่จะใช้เวทีสภาฯ เพื่อให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง เวทีความขัดแย้งที่ไม่รู้จบของการเมืองสองขั้ว แบบนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร
และสมควรอย่างยิ่งที่จะมีการใช้เวทีนิติบัญญัติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตลอดช่วงการแตกหักของกบฏเสื้อแดง ระหว่าง 8-13 เมษายน 52 ที่บางฝ่ายยังติดใจสงสัย เพื่อให้ความจริงปรากฏออกมา
ทั้งการปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การบุกล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เหตุการณ์คนเสื้อน้ำเงินทำร้ายคนเสื้อแดงที่พัทยา การบุกเข้าไปในโรงแรมสถานที่จัดการประชุมอาเซียนซัมมิต ของคนเสื้อแดง การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล การใช้กำลังทหารควบคุมสถานการณ์ตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร และบางฝ่ายพยายามอ้างว่า ทหารใช้อาวุธยิงประชาชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิต การบุกเข้าไปล้อมรถและมุ่งหวังทำร้ายนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย การยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตที่ย่านนางเลิ้ง เป็นต้น
มันจะได้ไม่ทำให้ข้อสงสัยทั้งหลาย กลายเป็นปริศนาและเป็นประเด็นการเมืองต่อเนื่องไม่รู้จบ
เพียงแต่ขอให้การใช้เวทีสภาฯ ทั้งการตั้งกระทู้สด หรือซักถามระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ เพื่อหารือปัญหาการเมืองเป็นกรณีพิเศษ ต้องเป็นไปด้วยหลักการที่ถูกต้อง
หาก ส.ส.คนไหนจะยื่นกระทู้สดสอบถามนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย ก็ขอให้มีข้อมูลข้อเท็จจริงมาแสดงประกอบ เช่น ภาพถ่ายผู้เสียชีวิต ที่เป็นความจริง ไม่ใช่นำข่าวลือ ข่าวลวง มากล่าวหาบุคคลอื่นหรือป้ายสีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังผลทางการเมือง
เหตุที่ต้องดักคอไว้ก่อน เพราะตอนนี้เริ่มรู้มาว่า ส.ส.เพื่อไทย เตรียมใช้เวทีทั้งการประชุมสภาฯปกติ และการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษวันที่ 22-23 เม.ย. นี้ ที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันอภิปรายหาทางออกต่อวิกฤตการเมือง ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยได้เตรียมทีมอภิปรายครั้งใหญ่ เพื่อหวังล้างแค้นให้กับ นช.ทักษิณ นายใหญ่และเพื่อนพ้องคนเสื้อแดง ที่ส.ส.เพื่อไทยหนุนหลังอยู่
ด้วยการเตรียมถล่มนายกรัฐมนตรี และรมต.ที่เกี่ยวข้องอาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย
ระฆังดังเมื่อไร ส.ส.เพื่อไทย ก็เดินหน้าฆ่าลูกเดียวกลางห้องประชุมสภาฯ ซึ่งตอนนี้ ส.ส.เพื่อไทยได้เริ่มลับดาบรอไว้แล้ว
ประเด็นอภิปรายที่เตรียมจะซักถาม เช่น ในประเด็นเรื่อง”สองมาตรฐาน” การดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดง กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การพยายามยัดเยียดป้ายสีรัฐบาล และกองทัพว่าใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามประชาชน ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ทั้งที่ก็ปรากฏแล้วว่าไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว
ตลอดถึง การให้ส.ส.เพื่อไทย รุมบี้ให้รัฐบาลรีบยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยการอ้างว่า ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย
และคาดว่าเพื่อไทย จะใช้กลไกกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มีคนของตนนั่งคุมทัพอยู่ มารับไม้ไปอีกทอดหนึ่ง เช่น กรรมาธิการทหาร ของ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ที่ก็ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงด้วย หรือคณะกรรมาธิการป.ป.ช. ของ ประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ เพื่อไทย เพื่อให้เรียกผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำทหาร ผู้นำตำรวจ มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายหลัง
ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องเองว่า จะตกหลุมพรางส.ส.เพื่อไทย หรือไม่
การเคลื่อนไหวในสภาฯทั้งหมดจะเกิดขึ้น จนกว่าพลังเสื้อแดงจะเริ่มกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง อันคาดว่าจะใช้เวลาอีกพอสมควร ทำให้นช.ทักษิณ ต้องพึ่งกลไกพรรคเพื่อไทย ในการเดินเกมเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลไปเรื่อยๆ จนกว่าพลังเสื้อแดงจะพร้อม และสภาปิดสมัยประชุมในเดือนพฤษภาคม
หลังจากนั้น บทบาทของพลังเสื้อแดง ถึงค่อยกลับมาอีกครั้ง
ส่วนกระบวนการด้านการผลักดัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปรองดองแห่งชาติ ก็ยังต้องจับตาดูอยู่ ซึ่งทั้งสองเรื่องถือเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลคงไม่ยอมให้ นช.ทักษิณ และเพื่อไทย กุมไพ่เหนือกว่าเพื่อต่อรองให้รัฐบาลต้องอ่อนข้อ และเห็นด้วยกับการแก้ไขรธน. และร่วมกันผลักดันกฎหมายปรองดองแห่งชาติ
แม้จะมีส.ส.เพื่อไทย หลายคนออกมาสำราก และข่มขู่ว่า หากไม่ยอมจับมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความรุนแรงรอบสอง และทุกจังหวัดจะเป็นเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ มีเหตุวุ่นวาย ความไม่สงบเรียบร้อย การทำร้ายร่างกายประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ในสภาพจลาจลไปทั่วประเทศ
ก็อยากส่งเสียงไปถึง อภิสิทธิ์ ว่า ไม่ต้องไปสนใจกับคำขู่ของเพื่อไทย และหากคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆ ก็ขอให้ต้องดำเนินไปด้วยหลัก
ส่วนรวมได้ประโยชน์
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เฉพาะกลุ่มของคนไม่กี่คน โดยเฉพาะนักการเมือง
