นายเทพไท เสนพงศ์โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ประกาศเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าไม่มีคนเสียชีวิต จากการสลายม๊อบเสื้อแดง ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พยายามสร้างกระแสมาโดยตลอด ออกมาท้าทาย พร้อมสาบานต่อวัดพระแก้วและพระสยามเทวาธิราช ตนคิดว่า การที่ ผบ.ทบ.เอาชีวิตออกมาเดิมพันก็นับเป็นเดิมพันที่สูงสุดอยู่แล้วแต่สำหรับนายจตุพร ตนไม่แน่ใจว่าจะเอาอะไรมาเดิมพัน และขอให้ยุติพฤติกรรมที่เอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ
เป็นเรื่องจินตนาการของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่พยายามสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะคนเหล่านี้เชื่อว่าถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไรรัฐบาลจะเป็นผู้พ่ายแพ้ โดยคิดว่าเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ บวกกับ 17 พฤษภาฯ ผลสุดท้ายออกมาเป็นกบฎ 26 มีนาฯ ที่มีนายวีระ มุสิกะพงษ์ เป็นผู้ต้องหาในขณะนั้น
นายเทพไท กล่าวว่าอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยยุติการสร้างข่าวรายวัน เพราะบ้านเมืองกำลังไปในทิศทางที่ดี เราไม่ปิดกั้นในการที่จะเอาภาพมาแสดงตามที่ พยายามโอ้อวดไว้ถ้ามีภาพจริงก็ให้แสดงออกมาไม่จำเป็นต้องไปแสดงในสภาฯ เพราะอาจมีข้อจำกัดในการสื่อสาร ผมคิดว่าคนเหล่านี้ถ้ามีภาพคงจะขยายผลออกมา เป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว เชื่อว่าวันนี้ไม่มีที่รอเวลาอยู่มีคนตั้งข้อสงสัยว่ามีการจัดทำข้อมูล จัดฉากตัดต่อเพื่อให้เรื่องดูสมจิงสมจังใช่หรีอไม่
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนความพยายามสร้างภาพตั้งศูนย์รับแจ้งคนหายคิดว่า เป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง เพราะเหตุการณ์สลายชุมนุมครั้งนี้ถูกมวลชนเสื้อแดง วิพากษ์วิจารณ์แกนนำค่อนข้างมาก เพราะมีการเกณฑ์คนเหล่านี้มาจากต่างจังหวัด สุดท้ายมาลอยแพที่หน้าทำเนียบฯ วันที่รัฐบาลประกาศให้สลายชุมนุมพวกเขา ออกจากที่ชุมนุมไม่ได้จนต้องเป็นภาระของรัฐบาลส่งมวลชนกลับไปพื้นที่ หลังจากนั้นก็ถูกวิจารณ์ว่าคนเหล่านี้ทอดทิ้งไม่สนใจจึงต้องมาตั้งศูนย์ดังกล่าว ทั้งที่รัฐบาลมีหน่วยงานทีเกี่ยวข้องมาดูแล้ว และจนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีการแจ้งว่า มีผู้ตายจากการสลายการชุมนุมแม้แต่คนเดียว อีกทั้งประชาชนเชื่อว่ารัฐบาล มีความโปร่งใสในการสลายการชุมนุมจริง เพราะจากผลโพลร้อยละ 75 เชื่อว่า มีความโปร่งใสและยังเชื่อว่าร้อยละ 65ของผู้มาชุมนุมมาด้วยความบริสุทธิ์ใจเว้นแต่หัวโจกไม่กี่ที่คนที่พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมระบุว่าการที่รัฐบาลยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะต้องการให้คุ้มครองรัฐบาลเอง และพยายามพูดว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่สามารถ สร้างความมั่นคงได้โดยอ้าง 3 จังหวัดภาคใต้ที่ประกาศมา 5 ปีแล้วเหตุการณ์ยังไม่จบนั้น นายเทพไทกล่าวว่า สองสถานการณ์ที่หยิบยกมาแตกต่างกัน แต่สาเหตุ ความวุ่นวายมาจากพวกเดียวกัน กรณีความวุ่นวายจากภาคใต้เกิดขึ้นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เหตุการณ์ 13 เม.ย เป็นเพราะลูกสมุนของพ.ต.ท.ทักษิณ จึงสู้กันไม่ได้ในประเด็นการเคลื่อนไหวและความรุนแรง รัฐบาลทราบดีไม่มีใครอยากให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ แต่ก็มีความจำเป็น เมื่อเห็นท่าที และการเคลื่อนไหวที่ปรากฏชัดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย การประกาศจะเคลื่อนไหวลงใต้ดินของกลุ่มสื้อแดง การประกาศสงครามกลางเมืองของนายจตุพร รวมถึงพฤติกรรมการไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ หากยกเลิกวันนี้สถานการณ์จะเข้าทางเสื้อแดงอีกครั้ง
นายจตุพรต้องยอมรับความจริงว่ากฎแห่งกรรมมีจริง เพราะไม่เชื่อคำสั่งสอน ของแม่ที่ประกาศผ่านสื่อมวลชนให้ยุติการเคลื่อนไหนและให้กลับบ้าน เลิกจาบจ้วงองคมนตรี แต่นายจตุพรไม่เชื่อ วันนี้ผลกรรมได้ตามทัน นายจตุพรกำลังเดินเข้าซังเต ขณะที่เจ้านายนั่งเครื่องบินเจ็ท 1500 ล้านบาท บินไปมาอย่างมีความสุข
นายเทพไท กล่าวว่า สถานการณ์ทั้งหมดรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายาม หาทางออกหลายวิถีทาง เช่น การเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 22-23 เม.ย. ให้สมาชิกนำข้อมูลมาอภิปราย จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังมีความเห็นขัดแย้งในเรื่องนี้ โดยประธานวิปฝ่ายค้านพยายามเอาสถานการณ์ที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำนอกสภา มาพูดในสภา แต่ขณะเดียวกันสมาชิกพรรคเช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทยกลับบอกว่าสถานการณ์เดินมาไกลแล้ว ควรให้ผู้ใหญ่ในพรรค ไปสร้างความเป็นเอกภาพภายใน ตนแปลกใจผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ทราบหายไปไหน ถ้าจะมีภาวะผู้นำเป็นถึงหัวหน้าพรรคในอนาคตก็อยากเรียกร้องให้ออกมาแสดงความเป็นภาวะผู้นำและสร้างเอกภาพภายในพรรคให้ได้ก่อนประชุมสภาฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวจะยกมือโหวตให้นายจตุพรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า การจะโหวตให้หรือไม่ประเพณีที่เคยปฎิบัติมายังไม่เคยอนุญาตให้มาไปถูกดำเนินคดี และนายจตุพรก็ยังไม่เคยแสดงออกว่าจะขอหรือไม่วันก่อนก็ขอแต่ก็พริ้วว่าไม่ได้ขอ ตนจะยกให้หรือไม่ต้องฟังเหตุผลและฟังความต้องการของเจ้าตัวก่อน แต่เวลาที่จะปิดสมัยประชุมเหลือเพียง 2-3 สัปดาห์ และการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22 เม.ย.นี้ คงไม่มีการวาระนี้เข้ามาเพราะเป็นการประชุมร่วม ส่วนสัปดาห์ถัดไปไม่แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเรื่องมาทันหรือไม่และถ้ามาแล้วและสัปดาห์ที่ 3 จะบรรจุทันหรือไม่ ซึ่งถ้าบรรจุไม่ทันในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ไม่มีผลอะไร เพราะนายจตุพร ต้องเดินเข้าห้องขังโดยอัตโนมัติ ตนจะให้คนเอาข้าวผัดไปเยี่ยม แต่ไม่รู้ว่าจะละเมิดศาลหรือป่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประเมิน สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคว่า มีความพยายามทำให้เกิดแนวทางที่สวนทางกันระหว่างความพยายามของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สามารถยุติ การเมืองบนท้องถนน ให้เข้าสู่สภาอีกครั้ง ในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 22-23 เม.ย.นี้ แต่มีความพยายามผลักดันการเมืองในสภาให้กับมาสู่นอกสภาอีกครั้งและลงใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างความหวาดกลัวในวงกว้าง โดยคำพูดต่างๆ เช่นการจะขยายผลไปสู่ภาวะสงครามทางการเมืองใน 73 จังหวัด เหมือน 3 จ.ชายแดนใต้ มีการพาดพิงนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นฆาตกร และมีการพูดบิดเบือนว่าจะเก็บนายจตุพรอย่างเช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นการจงใจใส่ร้าย ซึ่งทำเป็นระบบหลายวิธี
วันนี้คนที่ยั่วยุและปลุกระดมคนไทยให้ฆ่ากันเองคือฆาตกรตัวจริง แนวทาง สร้างวัฒนธรรมความรุนแรง ได้ถูกสังคมปฏิเสธเป็นเหตุที่ให้คนเสื้อแดง ที่มีความบริสุทธิ์ไม่เอาแนวทางนั้น และยุติการชุมนุมจนไม่มีผู้เสียชีวิต ดังนั้นพรรค ไม่ต้องเอาพฤติกรรมดังกล่าวมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบ พฤติกรรมที่ทำผิดและโทษคนอื่น และแสดงความขี้ขลาดมากกว่านักปฏิวัติ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า 2.แนวทางสงครามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีการจัดฉากอย่างครบวงจร ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเตรียมพยานเท็จ ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีการอ้างว่าบุคคลในครอบครัวหายไป มีการแจ้งไปที่เครือข่าย ที่กลุ่ม นปช.ตั้งขึ้นมาเอง มีการปล่อยข่าวตำรวจและทหารนอกรีดเป็นผู้ปลิดชีพ กลุ่มเสื้อแดง และมีการสร้างหลักฐานปลอมโดยถ่ายทำวีซีดีตัดต่อ เพื่อใช้ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อเป็นการปลุกระดมสร้างความแตกแยก ตนอยากให้สังคมใช้ วิจารณญาณในการพิจารณาข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมา คณะกรรมการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ได้เปิดโอกาสให้นำเสนอ ข้อเท็จจริง แต่ไม่มีสื่อมวลชนแขนงไหนในหรือนอกประเทศ มาเสนอว่ามีผู้เสียชีวิตจริง และทำไมไม่เห็นมีคนที่ไม่ใช่เครือข่าย นปช.ออกมายืนยันในเรื่องดังกล่าว การขอเวลาในการนำเสนอข้อมูล 1-2 วัน เพื่อใช้ในการสร้างเรื่องหรือไม่
เป็นเรื่องจินตนาการของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่พยายามสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะคนเหล่านี้เชื่อว่าถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไรรัฐบาลจะเป็นผู้พ่ายแพ้ โดยคิดว่าเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ บวกกับ 17 พฤษภาฯ ผลสุดท้ายออกมาเป็นกบฎ 26 มีนาฯ ที่มีนายวีระ มุสิกะพงษ์ เป็นผู้ต้องหาในขณะนั้น
นายเทพไท กล่าวว่าอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยยุติการสร้างข่าวรายวัน เพราะบ้านเมืองกำลังไปในทิศทางที่ดี เราไม่ปิดกั้นในการที่จะเอาภาพมาแสดงตามที่ พยายามโอ้อวดไว้ถ้ามีภาพจริงก็ให้แสดงออกมาไม่จำเป็นต้องไปแสดงในสภาฯ เพราะอาจมีข้อจำกัดในการสื่อสาร ผมคิดว่าคนเหล่านี้ถ้ามีภาพคงจะขยายผลออกมา เป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว เชื่อว่าวันนี้ไม่มีที่รอเวลาอยู่มีคนตั้งข้อสงสัยว่ามีการจัดทำข้อมูล จัดฉากตัดต่อเพื่อให้เรื่องดูสมจิงสมจังใช่หรีอไม่
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนความพยายามสร้างภาพตั้งศูนย์รับแจ้งคนหายคิดว่า เป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง เพราะเหตุการณ์สลายชุมนุมครั้งนี้ถูกมวลชนเสื้อแดง วิพากษ์วิจารณ์แกนนำค่อนข้างมาก เพราะมีการเกณฑ์คนเหล่านี้มาจากต่างจังหวัด สุดท้ายมาลอยแพที่หน้าทำเนียบฯ วันที่รัฐบาลประกาศให้สลายชุมนุมพวกเขา ออกจากที่ชุมนุมไม่ได้จนต้องเป็นภาระของรัฐบาลส่งมวลชนกลับไปพื้นที่ หลังจากนั้นก็ถูกวิจารณ์ว่าคนเหล่านี้ทอดทิ้งไม่สนใจจึงต้องมาตั้งศูนย์ดังกล่าว ทั้งที่รัฐบาลมีหน่วยงานทีเกี่ยวข้องมาดูแล้ว และจนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีการแจ้งว่า มีผู้ตายจากการสลายการชุมนุมแม้แต่คนเดียว อีกทั้งประชาชนเชื่อว่ารัฐบาล มีความโปร่งใสในการสลายการชุมนุมจริง เพราะจากผลโพลร้อยละ 75 เชื่อว่า มีความโปร่งใสและยังเชื่อว่าร้อยละ 65ของผู้มาชุมนุมมาด้วยความบริสุทธิ์ใจเว้นแต่หัวโจกไม่กี่ที่คนที่พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมระบุว่าการที่รัฐบาลยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะต้องการให้คุ้มครองรัฐบาลเอง และพยายามพูดว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่สามารถ สร้างความมั่นคงได้โดยอ้าง 3 จังหวัดภาคใต้ที่ประกาศมา 5 ปีแล้วเหตุการณ์ยังไม่จบนั้น นายเทพไทกล่าวว่า สองสถานการณ์ที่หยิบยกมาแตกต่างกัน แต่สาเหตุ ความวุ่นวายมาจากพวกเดียวกัน กรณีความวุ่นวายจากภาคใต้เกิดขึ้นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เหตุการณ์ 13 เม.ย เป็นเพราะลูกสมุนของพ.ต.ท.ทักษิณ จึงสู้กันไม่ได้ในประเด็นการเคลื่อนไหวและความรุนแรง รัฐบาลทราบดีไม่มีใครอยากให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ แต่ก็มีความจำเป็น เมื่อเห็นท่าที และการเคลื่อนไหวที่ปรากฏชัดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย การประกาศจะเคลื่อนไหวลงใต้ดินของกลุ่มสื้อแดง การประกาศสงครามกลางเมืองของนายจตุพร รวมถึงพฤติกรรมการไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ หากยกเลิกวันนี้สถานการณ์จะเข้าทางเสื้อแดงอีกครั้ง
นายจตุพรต้องยอมรับความจริงว่ากฎแห่งกรรมมีจริง เพราะไม่เชื่อคำสั่งสอน ของแม่ที่ประกาศผ่านสื่อมวลชนให้ยุติการเคลื่อนไหนและให้กลับบ้าน เลิกจาบจ้วงองคมนตรี แต่นายจตุพรไม่เชื่อ วันนี้ผลกรรมได้ตามทัน นายจตุพรกำลังเดินเข้าซังเต ขณะที่เจ้านายนั่งเครื่องบินเจ็ท 1500 ล้านบาท บินไปมาอย่างมีความสุข
นายเทพไท กล่าวว่า สถานการณ์ทั้งหมดรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายาม หาทางออกหลายวิถีทาง เช่น การเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 22-23 เม.ย. ให้สมาชิกนำข้อมูลมาอภิปราย จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังมีความเห็นขัดแย้งในเรื่องนี้ โดยประธานวิปฝ่ายค้านพยายามเอาสถานการณ์ที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำนอกสภา มาพูดในสภา แต่ขณะเดียวกันสมาชิกพรรคเช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทยกลับบอกว่าสถานการณ์เดินมาไกลแล้ว ควรให้ผู้ใหญ่ในพรรค ไปสร้างความเป็นเอกภาพภายใน ตนแปลกใจผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ทราบหายไปไหน ถ้าจะมีภาวะผู้นำเป็นถึงหัวหน้าพรรคในอนาคตก็อยากเรียกร้องให้ออกมาแสดงความเป็นภาวะผู้นำและสร้างเอกภาพภายในพรรคให้ได้ก่อนประชุมสภาฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวจะยกมือโหวตให้นายจตุพรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า การจะโหวตให้หรือไม่ประเพณีที่เคยปฎิบัติมายังไม่เคยอนุญาตให้มาไปถูกดำเนินคดี และนายจตุพรก็ยังไม่เคยแสดงออกว่าจะขอหรือไม่วันก่อนก็ขอแต่ก็พริ้วว่าไม่ได้ขอ ตนจะยกให้หรือไม่ต้องฟังเหตุผลและฟังความต้องการของเจ้าตัวก่อน แต่เวลาที่จะปิดสมัยประชุมเหลือเพียง 2-3 สัปดาห์ และการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22 เม.ย.นี้ คงไม่มีการวาระนี้เข้ามาเพราะเป็นการประชุมร่วม ส่วนสัปดาห์ถัดไปไม่แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเรื่องมาทันหรือไม่และถ้ามาแล้วและสัปดาห์ที่ 3 จะบรรจุทันหรือไม่ ซึ่งถ้าบรรจุไม่ทันในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ไม่มีผลอะไร เพราะนายจตุพร ต้องเดินเข้าห้องขังโดยอัตโนมัติ ตนจะให้คนเอาข้าวผัดไปเยี่ยม แต่ไม่รู้ว่าจะละเมิดศาลหรือป่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประเมิน สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคว่า มีความพยายามทำให้เกิดแนวทางที่สวนทางกันระหว่างความพยายามของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สามารถยุติ การเมืองบนท้องถนน ให้เข้าสู่สภาอีกครั้ง ในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 22-23 เม.ย.นี้ แต่มีความพยายามผลักดันการเมืองในสภาให้กับมาสู่นอกสภาอีกครั้งและลงใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างความหวาดกลัวในวงกว้าง โดยคำพูดต่างๆ เช่นการจะขยายผลไปสู่ภาวะสงครามทางการเมืองใน 73 จังหวัด เหมือน 3 จ.ชายแดนใต้ มีการพาดพิงนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นฆาตกร และมีการพูดบิดเบือนว่าจะเก็บนายจตุพรอย่างเช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นการจงใจใส่ร้าย ซึ่งทำเป็นระบบหลายวิธี
วันนี้คนที่ยั่วยุและปลุกระดมคนไทยให้ฆ่ากันเองคือฆาตกรตัวจริง แนวทาง สร้างวัฒนธรรมความรุนแรง ได้ถูกสังคมปฏิเสธเป็นเหตุที่ให้คนเสื้อแดง ที่มีความบริสุทธิ์ไม่เอาแนวทางนั้น และยุติการชุมนุมจนไม่มีผู้เสียชีวิต ดังนั้นพรรค ไม่ต้องเอาพฤติกรรมดังกล่าวมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบ พฤติกรรมที่ทำผิดและโทษคนอื่น และแสดงความขี้ขลาดมากกว่านักปฏิวัติ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า 2.แนวทางสงครามบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีการจัดฉากอย่างครบวงจร ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเตรียมพยานเท็จ ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีการอ้างว่าบุคคลในครอบครัวหายไป มีการแจ้งไปที่เครือข่าย ที่กลุ่ม นปช.ตั้งขึ้นมาเอง มีการปล่อยข่าวตำรวจและทหารนอกรีดเป็นผู้ปลิดชีพ กลุ่มเสื้อแดง และมีการสร้างหลักฐานปลอมโดยถ่ายทำวีซีดีตัดต่อ เพื่อใช้ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อเป็นการปลุกระดมสร้างความแตกแยก ตนอยากให้สังคมใช้ วิจารณญาณในการพิจารณาข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมา คณะกรรมการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ได้เปิดโอกาสให้นำเสนอ ข้อเท็จจริง แต่ไม่มีสื่อมวลชนแขนงไหนในหรือนอกประเทศ มาเสนอว่ามีผู้เสียชีวิตจริง และทำไมไม่เห็นมีคนที่ไม่ใช่เครือข่าย นปช.ออกมายืนยันในเรื่องดังกล่าว การขอเวลาในการนำเสนอข้อมูล 1-2 วัน เพื่อใช้ในการสร้างเรื่องหรือไม่