"มาร์ค" ข้องใจ ตำรวจทหาร เพียบ และอยู่ในช่วงพ.ร.กฉุกเฉิน แต่โจรแอบขนอาวุธสงครามเข้าเมืองถล่ม"สนธิ"ได้ เพิ่มกำลังอารักขาครม.เข้ม "เทพไท"ประณามกุ๊ยการเมืองลอบกัดอย่างป่าเถื่อน ย่ำหัวใจคนเสื้อเหลือง ฟันธงปมการเมืองชัวร์ สมาคมนักข่าวออกแถลงการณ์ประณาม พร้อมจี้ตร.เร่งติดตามจับกุมคนร้าย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ถูกยิงถล่ม ทั้งที่อยู้ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิด เราได้พยายามมีหน่วยเฝ้าระวังอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เราจะดูเรื่องการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวน สอบสวน การดำเนินคดีต่างๆ อย่างดีที่สุด อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
เมื่อถามว่าจะเร่งรัดคดีนายสนธิ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เร่งรัด ทุกๆคดีก็เร่งหมด ทางเจ้าหน้าที่ ตนก็ได้พูดคุยไปเมื่อเช้า ต่อข้อถามว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์ความวุ่นวายดูเหมือนประชาชน จะไม่ปลอดภัยถึงขนาดคิดว่ามีการตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัย ดูแลตัวเอง นายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตรงนี้ต้องระมัดระวัง อย่าให้ความขัดแย้งขยายวง เราอยู่ในช่วงที่พยายามจะนำความสงบกลับคืนมา และมันจะมีหลายเงื่อนไข ซึ่งเราพยายามจะขจัดให้มากที่สุด และเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจในเรื่องนี้ ได้พูดความชัดเจนในเรื่องนี้
ยังไว้ใจตำรวจดูแลบ้านเมืองต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพบ และกำชับยกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ความมุ่งหมายของตนขณะนี้ไม่มีเรื่องวัตถุประสงค์ หรือเหตุผลทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่กำลังขอให้ทุกคนได้ช่วยกันคือ ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีเรื่องความพ่ายแพ้ ไม่มีเรื่องการไปไล่ล่าใคร ขอเพียงอย่างเดียวว่า วันนี้ทุกคนต้องกลับมาเคารพกฎหมาย เอาความสงบกลับคืนมา แล้วเราจะหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน
เมื่อถามว่าได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าจะทำหน้าที่เต็มกำลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มายืนยันและ ตนได้เปิดโอกาสให้หลายท่านระดับสูงเปิดใจว่า มีอะไรที่ยังไม่สบายใจ ไม่สนิทใจ ค้างคาใจอยู่จากเหตุการณ์กี่ปีก็แล้วแต่ ได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแลกเปลี่ยนกันหมดแล้ว เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไว้ใจที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไปได้ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้เกียรติเขา เพราะเราคุยกันแล้ว
เมื่อถามว่านายกฯ ได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าในพื้นที่กทม. ยังประกาศภาวะฉุกเฉิน มีทั้งทหารตำรวจดูแล แต่ทำไมถึงมีการขนอาวุธหนักเข้ามาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ตนได้ตั้งให้กับผู้รับผิดชอบ ซึ่งต้องดูด้วยว่า อาวุธมาจากไหนอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้ามาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ตรงนี้เป็นข้อสังเกตุของตนไปแล้ว
ประณามกุ๊ยการเมืองลอบกัดสนธิ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับนายสนธิ ครอบครัว และญาติพี่น้องของนายสนธิด้วย เพราะนายสนธิ เป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สาเหตุน่ามาจากปมประเด็นทางการเมืองมากที่สุด เพราะนายสนธิ คือหัวใจของกลุ่มพันธมิตรฯ
"การกระทำต่อคุณสนธิอย่างป่าเถื่อน โหดเหี้ยมทารุณเช่นนี้ เป็นการเหยียบย่ำอารมณ์ ความรู้สึกและศักดิ์ศรีของคนเสื้อเหลือง ผมจึงขอประณามการกระทำในลักษณะที่เป็นสุนัขลอบกัด ไม่กล้าต่อสู้กับความจริงเป็นสัญชาตญาณโหดผิดวิสัยมนุษย์ธรรมดา ความเคลื่อนไหวของคุณสนธิ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ถ้าคิดจะต่อสู้ และหักล้างก็ควรใช้ความคิดทางการเมืองเช่นเดียวกัน ไม่ควรใช้อาวุธสงคราม มาประหัตประหารกัน" นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า นายสนธิ เป็นคนชูธงขึ้นต่อสู้กับระบอบทักษิณแรกๆ และเป็นผู้ที่มีข้อมูลความเลวร้ายของระบอบทักษิณมากที่สุดคนหนึ่ง การคิดทำลายล้างด้วยการสังหาร เอาชีวิตนายสนธิ ก็เป็นเพียงเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง ใช่หรือไม่ เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนสอนใจ ให้กับคนการเมืองที่จะต้องระมัดระวังตัว ซึ่งไม่รู้ว่ามัจุราชในเงามืด จะมาคร่าชีวิตในวันไหน เชื่อว่านายสนธิ คงไม่ใช่คนสุดท้ายที่ต้องเผชิญวิบากกรรมในลักษณะเช่นนี้ เพราะมีการประกาศว่า จะเอาชีวิตของบุคคลสำคัญที่มีบทบาททางการเมือง ที่เป็นศัตรูทางการเมืองของคนบางคนให้สิ้นซากไป กระแสข่าวการลอบสังหารนักการเมือง ได้รับการบอกกล่าว และตักเตือนจากหลายฝ่ายมาว่า พึงระมัดระวัง อาจจะมีแผนการชั่วร้ายต่อบุคคลสำคัญตั้งแต่ระดับนายกฯ รองนายกฯ จนถึงโฆษกประจำตัว แต่ก็ไม่มีใครคาดคิด เพราะในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่เคยมีความขัดแย้งในประเด็นการเมืองจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ประหัตประหารกันด้วยการเอาชีวิตเป็นเครื่องสังเวย แต่เมื่อเกิดกับนายสนธิ ก็ทำให้รู้ว่า กระแสข่าวที่เป็นข่าวลือจะกลับเป็นความจริงขึ้นมาได้
นายเทพไท กล่าวว่านักการเมืองที่อยู่ในเป้าหมายจะต้องหาทางระวังตัวเอง เพราะลำพังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็คงจะไม่สามารถคุ้มครองชีวิตได้ทั้งหมด ในขณะที่ส.ส.บางคนถึงขั้นประกาศ จะต่อสู้ใต้ดิน มีเป้าหมายจะทำร้าย ไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ ไม่รับรองความปลอดภัยของผู้บริหารประเทศที่จะลงพื้นที่ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในพื้นที่ต่างๆ
"ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในด้านคดี ต้องเร่งรัดสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงและจับตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อจะได้กระชากหน้ากากของจอมบงการ มาประจานต่อสังคม และรับโทษทัณฑ์อย่างสาสม เพื่อจะได้พิสูจน์ประสิทธิ์ภาพ และศักดิ์ศรีในการทำงานของตำรวจไทยกลับคืนมา" นายเทพไทกล่าว
เพิ่มกำลังอารักขาครม.เข้มข้น
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ได้มีการการหารือเรื่องการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและ ครม. เป็นการภายใน ซึ่งนายกฯ เห็นว่า หากผู้ใดเห็นว่าอยู่ในภาวะที่อันตราย ก็ขอให้แจ้งเบาะแสมา รัฐบาลพร้อมจะดูแล เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง และไม่ต้องการให้ใครนำเรื่องนี้ไปขยายผลจนเกิดความขัดแย้ง
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ จะมีการยกระดับอย่างเข้มข้นมากขึ้นให้กับนายกฯและครม. อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยต่อไปในอนาคตจะต้องไม่เกิดความผิดพลาด เพราะถือเป็นบทเรียนซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ยังคงใช้มาตรการขั้นสูงสุด เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่น แต่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้เพิ่มชุดรักษาความปลอดภัย โดยนำกำลังศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาเสริม
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมวช.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ขอกำลังจากหน่วยอรินทราช มาดูแล เช่นเดียวกับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยเช่นกัน
**สมาคมนักข่าวฯจี้ตร.ล่าตัวคนร้าย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออแถลงการณ์ร่วม จี้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยม และป่าเถื่อน ประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากใช้อาวุธสงครามที่มีอานุภาพในการทำลายล้างอย่างรุนแรง รวมทั้งมีการเตรียมการมาอย่างดี การกระทำของคนร้ายดังกล่าว นอกจากจะมุ่งหวังชีวิตของนายสนธิแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้รัฐบาลจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่คนร้ายกลับไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังมุ่งท้าทายอำนาจของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องคุ้มครองประชาชน และทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 2 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิ และขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิต และร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทย รวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าว และแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยม และป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว
ครส.จี้รัฐบาลคุ้มครองประชาชน
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยเร็วที่สุด เพราะเกิดเหตุในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดต่างๆ มากมาย แต่ยังเกิดความหละหลวมให้เกิดการลอบสังหารนักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ซึ่งสะท้อนความด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาลในการคุ้มครองปกป้องพลเมืองจากวิกฤติการณ์ความขัดแย้ง โดยเฉพาะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่รัฐบาลจะต้องดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการคุกคามหรือลอบสังหารอันเป็นยุทธการนอกระบบกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมและวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งจะนำมาสู่ความรุนแรงทางการเมืองไม่มีที่สิ้นสุด และอาจขยายตัวเป็นสงครามกลางเมืองหรือการรบแบบจรยุทธ์ดังที่เคยเกิดขึ้นในยุคสงครามเย็น
ดังนั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.) ขอให้รัฐบาลมีมาตรการคุ้มครองนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมีรูปธรรมเพื่อไม่ให้เกิดกลียุครอบใหม่ และเร่งแก้ไขการขยายตัวของความขัดแย้งทางการเมืองดังกล่าวโดยจับกุมคนร้ายมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้เพื่อเป็นหลักประกันแก่พลเมือง ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นฝีมือของคนกลุ่มใด สีใด หรือเป็นคนมีสีในรัฐบาลเองหรือไม่ก็ตาม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ถูกยิงถล่ม ทั้งที่อยู้ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิด เราได้พยายามมีหน่วยเฝ้าระวังอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เราจะดูเรื่องการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวน สอบสวน การดำเนินคดีต่างๆ อย่างดีที่สุด อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
เมื่อถามว่าจะเร่งรัดคดีนายสนธิ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เร่งรัด ทุกๆคดีก็เร่งหมด ทางเจ้าหน้าที่ ตนก็ได้พูดคุยไปเมื่อเช้า ต่อข้อถามว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์ความวุ่นวายดูเหมือนประชาชน จะไม่ปลอดภัยถึงขนาดคิดว่ามีการตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัย ดูแลตัวเอง นายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตรงนี้ต้องระมัดระวัง อย่าให้ความขัดแย้งขยายวง เราอยู่ในช่วงที่พยายามจะนำความสงบกลับคืนมา และมันจะมีหลายเงื่อนไข ซึ่งเราพยายามจะขจัดให้มากที่สุด และเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจในเรื่องนี้ ได้พูดความชัดเจนในเรื่องนี้
ยังไว้ใจตำรวจดูแลบ้านเมืองต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพบ และกำชับยกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ความมุ่งหมายของตนขณะนี้ไม่มีเรื่องวัตถุประสงค์ หรือเหตุผลทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่กำลังขอให้ทุกคนได้ช่วยกันคือ ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีเรื่องความพ่ายแพ้ ไม่มีเรื่องการไปไล่ล่าใคร ขอเพียงอย่างเดียวว่า วันนี้ทุกคนต้องกลับมาเคารพกฎหมาย เอาความสงบกลับคืนมา แล้วเราจะหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน
เมื่อถามว่าได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าจะทำหน้าที่เต็มกำลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มายืนยันและ ตนได้เปิดโอกาสให้หลายท่านระดับสูงเปิดใจว่า มีอะไรที่ยังไม่สบายใจ ไม่สนิทใจ ค้างคาใจอยู่จากเหตุการณ์กี่ปีก็แล้วแต่ ได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแลกเปลี่ยนกันหมดแล้ว เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไว้ใจที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไปได้ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้เกียรติเขา เพราะเราคุยกันแล้ว
เมื่อถามว่านายกฯ ได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าในพื้นที่กทม. ยังประกาศภาวะฉุกเฉิน มีทั้งทหารตำรวจดูแล แต่ทำไมถึงมีการขนอาวุธหนักเข้ามาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ตนได้ตั้งให้กับผู้รับผิดชอบ ซึ่งต้องดูด้วยว่า อาวุธมาจากไหนอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้ามาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ตรงนี้เป็นข้อสังเกตุของตนไปแล้ว
ประณามกุ๊ยการเมืองลอบกัดสนธิ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับนายสนธิ ครอบครัว และญาติพี่น้องของนายสนธิด้วย เพราะนายสนธิ เป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สาเหตุน่ามาจากปมประเด็นทางการเมืองมากที่สุด เพราะนายสนธิ คือหัวใจของกลุ่มพันธมิตรฯ
"การกระทำต่อคุณสนธิอย่างป่าเถื่อน โหดเหี้ยมทารุณเช่นนี้ เป็นการเหยียบย่ำอารมณ์ ความรู้สึกและศักดิ์ศรีของคนเสื้อเหลือง ผมจึงขอประณามการกระทำในลักษณะที่เป็นสุนัขลอบกัด ไม่กล้าต่อสู้กับความจริงเป็นสัญชาตญาณโหดผิดวิสัยมนุษย์ธรรมดา ความเคลื่อนไหวของคุณสนธิ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ถ้าคิดจะต่อสู้ และหักล้างก็ควรใช้ความคิดทางการเมืองเช่นเดียวกัน ไม่ควรใช้อาวุธสงคราม มาประหัตประหารกัน" นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า นายสนธิ เป็นคนชูธงขึ้นต่อสู้กับระบอบทักษิณแรกๆ และเป็นผู้ที่มีข้อมูลความเลวร้ายของระบอบทักษิณมากที่สุดคนหนึ่ง การคิดทำลายล้างด้วยการสังหาร เอาชีวิตนายสนธิ ก็เป็นเพียงเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง ใช่หรือไม่ เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนสอนใจ ให้กับคนการเมืองที่จะต้องระมัดระวังตัว ซึ่งไม่รู้ว่ามัจุราชในเงามืด จะมาคร่าชีวิตในวันไหน เชื่อว่านายสนธิ คงไม่ใช่คนสุดท้ายที่ต้องเผชิญวิบากกรรมในลักษณะเช่นนี้ เพราะมีการประกาศว่า จะเอาชีวิตของบุคคลสำคัญที่มีบทบาททางการเมือง ที่เป็นศัตรูทางการเมืองของคนบางคนให้สิ้นซากไป กระแสข่าวการลอบสังหารนักการเมือง ได้รับการบอกกล่าว และตักเตือนจากหลายฝ่ายมาว่า พึงระมัดระวัง อาจจะมีแผนการชั่วร้ายต่อบุคคลสำคัญตั้งแต่ระดับนายกฯ รองนายกฯ จนถึงโฆษกประจำตัว แต่ก็ไม่มีใครคาดคิด เพราะในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่เคยมีความขัดแย้งในประเด็นการเมืองจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ประหัตประหารกันด้วยการเอาชีวิตเป็นเครื่องสังเวย แต่เมื่อเกิดกับนายสนธิ ก็ทำให้รู้ว่า กระแสข่าวที่เป็นข่าวลือจะกลับเป็นความจริงขึ้นมาได้
นายเทพไท กล่าวว่านักการเมืองที่อยู่ในเป้าหมายจะต้องหาทางระวังตัวเอง เพราะลำพังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็คงจะไม่สามารถคุ้มครองชีวิตได้ทั้งหมด ในขณะที่ส.ส.บางคนถึงขั้นประกาศ จะต่อสู้ใต้ดิน มีเป้าหมายจะทำร้าย ไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ ไม่รับรองความปลอดภัยของผู้บริหารประเทศที่จะลงพื้นที่ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในพื้นที่ต่างๆ
"ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในด้านคดี ต้องเร่งรัดสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงและจับตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อจะได้กระชากหน้ากากของจอมบงการ มาประจานต่อสังคม และรับโทษทัณฑ์อย่างสาสม เพื่อจะได้พิสูจน์ประสิทธิ์ภาพ และศักดิ์ศรีในการทำงานของตำรวจไทยกลับคืนมา" นายเทพไทกล่าว
เพิ่มกำลังอารักขาครม.เข้มข้น
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ได้มีการการหารือเรื่องการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและ ครม. เป็นการภายใน ซึ่งนายกฯ เห็นว่า หากผู้ใดเห็นว่าอยู่ในภาวะที่อันตราย ก็ขอให้แจ้งเบาะแสมา รัฐบาลพร้อมจะดูแล เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง และไม่ต้องการให้ใครนำเรื่องนี้ไปขยายผลจนเกิดความขัดแย้ง
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ จะมีการยกระดับอย่างเข้มข้นมากขึ้นให้กับนายกฯและครม. อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยต่อไปในอนาคตจะต้องไม่เกิดความผิดพลาด เพราะถือเป็นบทเรียนซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ยังคงใช้มาตรการขั้นสูงสุด เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่น แต่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้เพิ่มชุดรักษาความปลอดภัย โดยนำกำลังศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาเสริม
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมวช.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ขอกำลังจากหน่วยอรินทราช มาดูแล เช่นเดียวกับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยเช่นกัน
**สมาคมนักข่าวฯจี้ตร.ล่าตัวคนร้าย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออแถลงการณ์ร่วม จี้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยม และป่าเถื่อน ประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากใช้อาวุธสงครามที่มีอานุภาพในการทำลายล้างอย่างรุนแรง รวมทั้งมีการเตรียมการมาอย่างดี การกระทำของคนร้ายดังกล่าว นอกจากจะมุ่งหวังชีวิตของนายสนธิแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้รัฐบาลจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่คนร้ายกลับไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังมุ่งท้าทายอำนาจของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องคุ้มครองประชาชน และทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 2 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิ และขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิต และร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทย รวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าว และแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยม และป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว
ครส.จี้รัฐบาลคุ้มครองประชาชน
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยเร็วที่สุด เพราะเกิดเหตุในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดต่างๆ มากมาย แต่ยังเกิดความหละหลวมให้เกิดการลอบสังหารนักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ซึ่งสะท้อนความด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาลในการคุ้มครองปกป้องพลเมืองจากวิกฤติการณ์ความขัดแย้ง โดยเฉพาะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่รัฐบาลจะต้องดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการคุกคามหรือลอบสังหารอันเป็นยุทธการนอกระบบกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมและวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งจะนำมาสู่ความรุนแรงทางการเมืองไม่มีที่สิ้นสุด และอาจขยายตัวเป็นสงครามกลางเมืองหรือการรบแบบจรยุทธ์ดังที่เคยเกิดขึ้นในยุคสงครามเย็น
ดังนั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.) ขอให้รัฐบาลมีมาตรการคุ้มครองนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมีรูปธรรมเพื่อไม่ให้เกิดกลียุครอบใหม่ และเร่งแก้ไขการขยายตัวของความขัดแย้งทางการเมืองดังกล่าวโดยจับกุมคนร้ายมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้เพื่อเป็นหลักประกันแก่พลเมือง ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นฝีมือของคนกลุ่มใด สีใด หรือเป็นคนมีสีในรัฐบาลเองหรือไม่ก็ตาม