ความต่อเนื่องหลายตอนเขียนที่พยายามวิเคราะห์เชิงรูปแบบจากประวัติศาสตร์ และพฤติกรรมมนุษย์ รวมทั้งการวิเคราะห์เชิงจินตยุทธ์ จนถึงเหตุการณ์การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กิจกรรมการเมืองระดับโลกเพื่อหาข้อยุติวิกฤตเศรษฐกิจภูมิภาค แต่แล้วความหวังของคนทั้งเอเชีย และอาเซียนต้องล่มสลายเมื่อเปรตจากอเวจีมหานรกบุกเข้ามุ่งทำร้าย และทำลายการประชุมด้วยหวังจะเอาความสำเร็จนั้นมอบให้กับนายทุนสามานย์จากอเวจีมหานรก เมื่อวันที่ 11 เมษายน
นรกนั้นมี 8 ขุม และขุมที่ลึกที่สุดเรียกว่า อเวจีมหานรกที่อสุรกายเปรต และคนชั่วเลวร้ายที่สุดต้องรับกรรมในขุมนรกอเวจีมหานรกนี้ระหว่างวันที่ 12-13-14 เมษายน 2552 มนุษย์เหล่านั้นได้สร้างกรรมชั่ว สร้างทุกข์ และคิดร้ายต่อมวลชน โดยเฉพาะชุมชนชาวแฟลตสามเหลี่ยมดินแดง ชุมชนชาวถนนเพชรบุรี และที่ร้ายแรงเห็นชัดแจ้งคือ ที่ชุมชนนางเลิ้งซึ่งอมนุษย์ใช้อาวุธปืนยิงคนตายไปสองคนอย่างเลือดเย็น เพราะชาวบ้านเหล่านั้นเพียงปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของพวกเขารวมทั้งวันที่รถนายกรัฐมนตรีถูกกลุ่มอมนุษย์ทุบ และทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนขับรถ ในวันที่ 7 เมษายน
จากเงื่อนไข 4 ประการให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ลาออก และนายกรัฐมนตรีลาออก โดยในวันที่ 11 เมษายน มีการข่มขู่นายกรัฐมนตรีว่า หากไม่ลาออกจะไม่รับประกันความปลอดภัย รวมทั้งมีหน่วยข่มขู่ออกปฏิบัติการไปที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี และบ้านมารดานายกรัฐมนตรีย่านถนนสุขุมวิท เพื่อแสดงการข่มขู่ จึงเท่ากับว่าอมนุษย์เสื้อแดงมีพฤติกรรมขู่กรรโชก โดยหวังให้นายกรัฐมนตรีกลัวว่าครอบครัวจะเป็นอันตราย และถอดใจลาออกเฉกเช่นในภาพยนตร์ต่างประเทศประเภท “การก่อการร้าย”
ความฮึกเหิมของอมนุษย์ถือชัดบ้าคลั่ง เมื่ออมนุษย์นายทุนทักษิณโฟนอินปลุกเร้าอารมณ์อมนุษย์เสื้อแดงหางแถว เพื่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย และไม่สามารถไว้ใจรัฐบาลได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เริ่มหวั่นวิตกบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะไร้ขื่อไร้แป หรือภาวะอนาธิปไตย แต่ที่สำคัญคนกลุ่มนี้เริ่มหวั่นกลัวว่า รัฐบาลและสถาบันทหารขาดเอกภาพ
ปัญญาชนคนชั้นกลางเริ่มคิดว่า หากบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะไร้ขื่อไร้แปแล้ว กลุ่มคนเสื้อเหลืองก็จะระดมพลเพื่อต่อสู้ เพราะหากไม่ต่อสู้หรือหากพวกอมนุษย์เสื้อแดงครองอำนาจรัฐแล้ว พวกเขาเองก็จะถูกพิพากษาตามขบวนการศาลเตี้ยแน่นอน และหากว่ากลุ่มคนเสื้อเหลืองเห็นว่า สถานการณ์ใกล้ที่จะถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลาออก และส.ส.เพื่อไทยยึดอำนาจรัฐสภาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้อำนาจอิทธิพลพรรคเพื่อไทย และข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งอ่อนแอด้วยอุดมการณ์ และเงินตรา อำนาจรัฐจะตกเป็นของอมนุษย์ทักษิณทันที
และวาระแรกของพวกอมนุษย์คือการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันชาติเพื่อให้ตัวเองมีเอกภาพในการตรากฎหมายอย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อนั้นแล้วคนเสื้อเหลืองก็จะออกมาทั่วไทย มุ่งมั่นที่จะปกป้องอุดมการณ์ต่อต้านระบอบทักษิณที่หวังปรับแต่งอำนาจรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้เป็นเผด็จการรัฐสภาสมบูรณ์แบบจนเป็นสงครามกลางเมือง
แต่นับว่าโชคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งหลายคนปรามาสว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์กลัวได้หรือไม่กล้าตัดสินใจใช้อำนาจรัฐให้ทันต่อเหตุการณ์ หรือจะควบคุมกองทัพได้
คำตอบคือ การประกาศ พ.ร.ก.การบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินร้ายแรงในวันที่ 11 และ 12 เมษายน ซึ่งวันนั้นเองหน่วยไล่ล่าข่มขู่จะลักพาตัวนายกรัฐมนตรีขณะไปประกาศแถลงการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย จึงไปดักรอด้วยกำลังพลมากพอที่จะสยบหน่วยรักษาความปลอดภัย และทุกอย่างเป็นไปตามแผนกลุ่มแกนนำที่ต้องการจับตัวนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นตัวประกันแล้วบังคับให้ลาออก แต่พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงรอดจากการถูกจับตัว แต่ รปภ.ถูกทำร้ายและถูกทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ถูกพวกอมนุษย์รุมทำร้าย และนำไปประจานที่ทำเนียบฯ เป็นที่ประจักษ์ แต่บุคคลที่เคราะห์ร้ายมากกว่าคือ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขานุการนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถหนีออกไปได้ ถูกรุมทำร้าย และทำทารุณไร้มนุษยธรรม
เมื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการการประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงแล้ว และวิเคราะห์ข้อแรกรัฐบาลมี ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ที่นายทหารระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพันรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายเกี่ยวกับรัฐศาสตร์การทหารที่โรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ จึงทำให้ทหารมีแนวคิดผสมผสานทฤษฎีรัฐศาสตร์ และการทหารให้เข้ากันได้แนบเนียนอย่างดี
ขั้นตอนการปฏิบัติของรัฐบาลต่อกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงนั้น ถูกวางโครงสร้างในการปฏิบัติเป็นอย่างดี ตั้งแต่การสถาปนากองอำนวยการที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจนตามลำดับขั้นตอน การประสานงาน และสั่งการ แต่สิ่งที่ทหารต้องการรู้ คือ ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติการของทหาร และเมื่อนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบในการใช้กฎหมาย มีนโยบายชัดเจนประกอบคำสั่งปฏิบัติที่ผู้บังคับหน่วยสามารถออกคำสั่งยุทธการได้ชัดเจนเพราะมีผู้รับผิดชอบ เหตุการณ์ในอดีตกองทัพขาดเอกภาพในการบังคับบัญชา แต่ครั้งนี้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการกองทัพไทยจึงมีเอกภาพ และผู้บัญชาการทหารบกสามารถสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นระบบ มีระเบียบวินัยและขวัญดี
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกที่มีความฉลาดไหวพริบปฏิภาณ และความรู้ในสงครามจิตวิทยาเป็นอย่างดีจึงควบคุมภาษาสื่อได้ดี
การประสานงานของหน่วยต่างๆ ภายใต้วิกฤต แรงกดดันและอคติไม่ไว้ใจกันในหลายหน่วยงานเพราะมีการแยกฝ่ายในหมู่ข้าราชการถูกขจัดไปสิ้น เมื่อหน่วยทหารมีเอกภาพและปฏิบัติการเฉียบขาดชัดเจน ภายใต้วินัยการปฏิบัติการ อดทน อดกลั้น และขวัญดี ย่อมทำให้พฤติกรรมหมาหมู่ของอมนุษย์เสื้อแดงกลายเป็นความขี้ขลาดไป
แต่กระนั้น สงครามสารสนเทศที่อมนุษย์อย่างนายทุนสามานย์ทักษิณนั้นเกิดขึ้นต่อเนื่อง การสยบสงครามสารสนเทศเป็นไปได้ยาก แต่ต้องหักล้างให้ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นตรรกะ
การสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ชุมชนนางเลิ้ง โดยหน่วยข่มขู่ไล่ล่าของฝ่ายเสื้อแดงเป็นเชื้อปะทุให้หลายชุมชนมีความคิดเหมือนกันที่จะออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง และทำให้กองทัพต้องเสริมกำลังเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ การเสริมกำลังโดยประชาชนเรียกร้องนั้น ทำให้รัฐบาลอยู่ในฐานะได้เปรียบ กองทัพได้แนวร่วมอย่างรวดเร็ว และยุทธวิธีไม่สัมผัสตัว หรือเผชิญหน้าแบบประชิดตัว เป็นยุทธวิธีใหม่ที่กองทัพประยุกต์ใช้ได้ดีเยี่ยม ทำให้ไม่เกิดภาพอัปลักษณ์ที่กองทัพเสียเปรียบ จึงเป็นลักษณะค่อยๆ คืบคลานกดดัน และเมื่อมีการถอยหรือพวกเสื้อแดงมีความเป็นหมาหมู่น้อยลง หน่วยทหารก็จะค่อยๆ ยึดพื้นที่กลับ ถึงแม้ว่าจะต้องอดทนรอก็ตาม
นอกจากนี้ ทุกหน่วยทหารจะมีผู้สื่อข่าวทำข่าวอยู่ใกล้จึงเป็นพยานได้ดีซึ่งต่างกับแต่ก่อนที่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้
แต่ สุณิสา เลิศภัควัต กาฝากในกองทัพบกที่บอกกล่าวร้ายเพื่อนทหารที่ปฏิบัติการเสี่ยงชีวิต และการบาดเจ็บเพื่อรักษาชีวิตประชาชนจากหน่วยไล่ล่าข่มขู่เสื้อแดง
หากวิเคราะห์เหตุการณ์ร้ายนี้แล้ว ต้องวิเคราะห์เหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789-1799 และเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย 1905-1923 โดยมีนัยสำคัญ คือ ความสุกงอมของเงื่อนไข ความซับซ้อนของแต่ละเหตุการณ์ หลักการควบคุม ปรัชญาและอุดมการณ์ การช่วงชิงอำนาจ สงครามกลางเมือง และการปกครองด้วยลัทธิหฤโหดซึ่งทั้งสองการปฏิวัตินี้มีครบถ้วน และนักรัฐศาสตร์ที่ศึกษาการปฏิวัติย่อมรู้ดีว่า สงครามปฏิวัติมีความซับซ้อนมาก และใช้เวลานานในการยุติสงครามประชาชนหากเกิดขึ้น
อมนุษย์เสื้อแดงไม่ใช่คอมมิวนิสต์แต่เป็นอนาธิปไตยที่เป็นเหมือนกาฝากเกาะอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์การเมือง และสังคมที่มีเงื่อนไขสุกหงอม เช่น การกดขี่ข่มเหงอย่างทารุณและทำให้ไร้ศักดิ์ศรี ความจนความรวยที่มีช่องว่างกว้างไกล และคนรวยเอาเปรียบคนจน อนาธิปไตยคือกลุ่มที่ต้องการการปกครองที่ไร้ระบบ ยกเว้นความคิดกลุ่มตน ดังนั้นอนาธิปไตยจะมีลักษณะเป็นกลุ่ม และแต่ละกลุ่มจะประหัตประหารกันเอง เมื่อไม่บรรลุตามที่กลุ่มคนต้องการ เรื่องเช่นนี้เห็นได้จากปฏิวัติรัสเซียจนเผด็จการสตาลินต้องสังหารกลุ่มอนาธิปไตย
แกนนำเสื้อแดงเลียนแบบปฏิวัติรัสเซียคือการตั้งหน่วยเชคา (Cheka) ที่มีหน้าที่ข่มขู่สยบฝ่ายตรงข้ามพรรคบอลเชวิค ด้วยลัทธิก่อการร้าย และพรรคบอลเชวิคจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ (Militias) เรียกว่า หน่วยพิทักษ์แดง (Red Guards) เช่นเดียวกับเหมาเจ๋อตุง จัดตั้งหน่วยพิทักษ์แดงขึ้นในห้วงปฏิวัติวัฒนธรรม
ความซับซ้อนของทั้งสองปฏิวัตินี้ลึกล้ำเกินกว่าพวกสาวกชั้นต่ำจะรู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน ทำให้ปฏิวัติรัสเซียเป็นการปฏิวัติซ้อนปฏิวัติ และความเหมือนของแกนนำอมนุษย์เสื้อแดงคือ การใช้สัญลักษณ์อมาตยาธิปไตยให้เป็นศัตรูเหมือนกับสงครามปฏิวัติของประชาชนพรรคบอลเชวิคที่ให้พวกรัสเซียขาวที่แกนเป็นอดีตข้าราชการเสรีนิยมหรือชนชั้นกลางเป็นศัตรู
จากกระแสสังคมที่ออกมาต่อต้านเสื้อแดง และความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งความอดทน อดกลั้น และมีวินัยของทหารทำให้เหตุร้ายยุติลงภายในเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากสงครามประชาชนของอมนุษย์ทักษิณกับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ แต่มันคงยังไม่ยุติ รัฐบาลจะต้องทำให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐที่เข้มแข็งจริงๆ โดยเร็ว และความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นเพราะความแค้นของพวกเสื้อแดงอมนุษย์คือ การรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญของชาติ โดยเฉพาะองคมนตรีซึ่งไม่ใช่นักการเมือง ไม่มี รปภ. แต่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะหน้าที่หนึ่งขององคมนตรีคือเป็นผู้แทนพระองค์ปฏิบัติงานตามภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมาย
นรกนั้นมี 8 ขุม และขุมที่ลึกที่สุดเรียกว่า อเวจีมหานรกที่อสุรกายเปรต และคนชั่วเลวร้ายที่สุดต้องรับกรรมในขุมนรกอเวจีมหานรกนี้ระหว่างวันที่ 12-13-14 เมษายน 2552 มนุษย์เหล่านั้นได้สร้างกรรมชั่ว สร้างทุกข์ และคิดร้ายต่อมวลชน โดยเฉพาะชุมชนชาวแฟลตสามเหลี่ยมดินแดง ชุมชนชาวถนนเพชรบุรี และที่ร้ายแรงเห็นชัดแจ้งคือ ที่ชุมชนนางเลิ้งซึ่งอมนุษย์ใช้อาวุธปืนยิงคนตายไปสองคนอย่างเลือดเย็น เพราะชาวบ้านเหล่านั้นเพียงปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของพวกเขารวมทั้งวันที่รถนายกรัฐมนตรีถูกกลุ่มอมนุษย์ทุบ และทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนขับรถ ในวันที่ 7 เมษายน
จากเงื่อนไข 4 ประการให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ลาออก และนายกรัฐมนตรีลาออก โดยในวันที่ 11 เมษายน มีการข่มขู่นายกรัฐมนตรีว่า หากไม่ลาออกจะไม่รับประกันความปลอดภัย รวมทั้งมีหน่วยข่มขู่ออกปฏิบัติการไปที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี และบ้านมารดานายกรัฐมนตรีย่านถนนสุขุมวิท เพื่อแสดงการข่มขู่ จึงเท่ากับว่าอมนุษย์เสื้อแดงมีพฤติกรรมขู่กรรโชก โดยหวังให้นายกรัฐมนตรีกลัวว่าครอบครัวจะเป็นอันตราย และถอดใจลาออกเฉกเช่นในภาพยนตร์ต่างประเทศประเภท “การก่อการร้าย”
ความฮึกเหิมของอมนุษย์ถือชัดบ้าคลั่ง เมื่ออมนุษย์นายทุนทักษิณโฟนอินปลุกเร้าอารมณ์อมนุษย์เสื้อแดงหางแถว เพื่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย และไม่สามารถไว้ใจรัฐบาลได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เริ่มหวั่นวิตกบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะไร้ขื่อไร้แป หรือภาวะอนาธิปไตย แต่ที่สำคัญคนกลุ่มนี้เริ่มหวั่นกลัวว่า รัฐบาลและสถาบันทหารขาดเอกภาพ
ปัญญาชนคนชั้นกลางเริ่มคิดว่า หากบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะไร้ขื่อไร้แปแล้ว กลุ่มคนเสื้อเหลืองก็จะระดมพลเพื่อต่อสู้ เพราะหากไม่ต่อสู้หรือหากพวกอมนุษย์เสื้อแดงครองอำนาจรัฐแล้ว พวกเขาเองก็จะถูกพิพากษาตามขบวนการศาลเตี้ยแน่นอน และหากว่ากลุ่มคนเสื้อเหลืองเห็นว่า สถานการณ์ใกล้ที่จะถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลาออก และส.ส.เพื่อไทยยึดอำนาจรัฐสภาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้อำนาจอิทธิพลพรรคเพื่อไทย และข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งอ่อนแอด้วยอุดมการณ์ และเงินตรา อำนาจรัฐจะตกเป็นของอมนุษย์ทักษิณทันที
และวาระแรกของพวกอมนุษย์คือการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันชาติเพื่อให้ตัวเองมีเอกภาพในการตรากฎหมายอย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อนั้นแล้วคนเสื้อเหลืองก็จะออกมาทั่วไทย มุ่งมั่นที่จะปกป้องอุดมการณ์ต่อต้านระบอบทักษิณที่หวังปรับแต่งอำนาจรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้เป็นเผด็จการรัฐสภาสมบูรณ์แบบจนเป็นสงครามกลางเมือง
แต่นับว่าโชคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งหลายคนปรามาสว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์กลัวได้หรือไม่กล้าตัดสินใจใช้อำนาจรัฐให้ทันต่อเหตุการณ์ หรือจะควบคุมกองทัพได้
คำตอบคือ การประกาศ พ.ร.ก.การบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินร้ายแรงในวันที่ 11 และ 12 เมษายน ซึ่งวันนั้นเองหน่วยไล่ล่าข่มขู่จะลักพาตัวนายกรัฐมนตรีขณะไปประกาศแถลงการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย จึงไปดักรอด้วยกำลังพลมากพอที่จะสยบหน่วยรักษาความปลอดภัย และทุกอย่างเป็นไปตามแผนกลุ่มแกนนำที่ต้องการจับตัวนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นตัวประกันแล้วบังคับให้ลาออก แต่พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงรอดจากการถูกจับตัว แต่ รปภ.ถูกทำร้ายและถูกทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ถูกพวกอมนุษย์รุมทำร้าย และนำไปประจานที่ทำเนียบฯ เป็นที่ประจักษ์ แต่บุคคลที่เคราะห์ร้ายมากกว่าคือ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขานุการนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถหนีออกไปได้ ถูกรุมทำร้าย และทำทารุณไร้มนุษยธรรม
เมื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการการประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงแล้ว และวิเคราะห์ข้อแรกรัฐบาลมี ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ที่นายทหารระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพันรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายเกี่ยวกับรัฐศาสตร์การทหารที่โรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ จึงทำให้ทหารมีแนวคิดผสมผสานทฤษฎีรัฐศาสตร์ และการทหารให้เข้ากันได้แนบเนียนอย่างดี
ขั้นตอนการปฏิบัติของรัฐบาลต่อกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงนั้น ถูกวางโครงสร้างในการปฏิบัติเป็นอย่างดี ตั้งแต่การสถาปนากองอำนวยการที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจนตามลำดับขั้นตอน การประสานงาน และสั่งการ แต่สิ่งที่ทหารต้องการรู้ คือ ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติการของทหาร และเมื่อนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบในการใช้กฎหมาย มีนโยบายชัดเจนประกอบคำสั่งปฏิบัติที่ผู้บังคับหน่วยสามารถออกคำสั่งยุทธการได้ชัดเจนเพราะมีผู้รับผิดชอบ เหตุการณ์ในอดีตกองทัพขาดเอกภาพในการบังคับบัญชา แต่ครั้งนี้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการกองทัพไทยจึงมีเอกภาพ และผู้บัญชาการทหารบกสามารถสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นระบบ มีระเบียบวินัยและขวัญดี
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกที่มีความฉลาดไหวพริบปฏิภาณ และความรู้ในสงครามจิตวิทยาเป็นอย่างดีจึงควบคุมภาษาสื่อได้ดี
การประสานงานของหน่วยต่างๆ ภายใต้วิกฤต แรงกดดันและอคติไม่ไว้ใจกันในหลายหน่วยงานเพราะมีการแยกฝ่ายในหมู่ข้าราชการถูกขจัดไปสิ้น เมื่อหน่วยทหารมีเอกภาพและปฏิบัติการเฉียบขาดชัดเจน ภายใต้วินัยการปฏิบัติการ อดทน อดกลั้น และขวัญดี ย่อมทำให้พฤติกรรมหมาหมู่ของอมนุษย์เสื้อแดงกลายเป็นความขี้ขลาดไป
แต่กระนั้น สงครามสารสนเทศที่อมนุษย์อย่างนายทุนสามานย์ทักษิณนั้นเกิดขึ้นต่อเนื่อง การสยบสงครามสารสนเทศเป็นไปได้ยาก แต่ต้องหักล้างให้ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นตรรกะ
การสังหารผู้บริสุทธิ์ที่ชุมชนนางเลิ้ง โดยหน่วยข่มขู่ไล่ล่าของฝ่ายเสื้อแดงเป็นเชื้อปะทุให้หลายชุมชนมีความคิดเหมือนกันที่จะออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง และทำให้กองทัพต้องเสริมกำลังเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ การเสริมกำลังโดยประชาชนเรียกร้องนั้น ทำให้รัฐบาลอยู่ในฐานะได้เปรียบ กองทัพได้แนวร่วมอย่างรวดเร็ว และยุทธวิธีไม่สัมผัสตัว หรือเผชิญหน้าแบบประชิดตัว เป็นยุทธวิธีใหม่ที่กองทัพประยุกต์ใช้ได้ดีเยี่ยม ทำให้ไม่เกิดภาพอัปลักษณ์ที่กองทัพเสียเปรียบ จึงเป็นลักษณะค่อยๆ คืบคลานกดดัน และเมื่อมีการถอยหรือพวกเสื้อแดงมีความเป็นหมาหมู่น้อยลง หน่วยทหารก็จะค่อยๆ ยึดพื้นที่กลับ ถึงแม้ว่าจะต้องอดทนรอก็ตาม
นอกจากนี้ ทุกหน่วยทหารจะมีผู้สื่อข่าวทำข่าวอยู่ใกล้จึงเป็นพยานได้ดีซึ่งต่างกับแต่ก่อนที่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้
แต่ สุณิสา เลิศภัควัต กาฝากในกองทัพบกที่บอกกล่าวร้ายเพื่อนทหารที่ปฏิบัติการเสี่ยงชีวิต และการบาดเจ็บเพื่อรักษาชีวิตประชาชนจากหน่วยไล่ล่าข่มขู่เสื้อแดง
หากวิเคราะห์เหตุการณ์ร้ายนี้แล้ว ต้องวิเคราะห์เหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789-1799 และเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย 1905-1923 โดยมีนัยสำคัญ คือ ความสุกงอมของเงื่อนไข ความซับซ้อนของแต่ละเหตุการณ์ หลักการควบคุม ปรัชญาและอุดมการณ์ การช่วงชิงอำนาจ สงครามกลางเมือง และการปกครองด้วยลัทธิหฤโหดซึ่งทั้งสองการปฏิวัตินี้มีครบถ้วน และนักรัฐศาสตร์ที่ศึกษาการปฏิวัติย่อมรู้ดีว่า สงครามปฏิวัติมีความซับซ้อนมาก และใช้เวลานานในการยุติสงครามประชาชนหากเกิดขึ้น
อมนุษย์เสื้อแดงไม่ใช่คอมมิวนิสต์แต่เป็นอนาธิปไตยที่เป็นเหมือนกาฝากเกาะอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์การเมือง และสังคมที่มีเงื่อนไขสุกหงอม เช่น การกดขี่ข่มเหงอย่างทารุณและทำให้ไร้ศักดิ์ศรี ความจนความรวยที่มีช่องว่างกว้างไกล และคนรวยเอาเปรียบคนจน อนาธิปไตยคือกลุ่มที่ต้องการการปกครองที่ไร้ระบบ ยกเว้นความคิดกลุ่มตน ดังนั้นอนาธิปไตยจะมีลักษณะเป็นกลุ่ม และแต่ละกลุ่มจะประหัตประหารกันเอง เมื่อไม่บรรลุตามที่กลุ่มคนต้องการ เรื่องเช่นนี้เห็นได้จากปฏิวัติรัสเซียจนเผด็จการสตาลินต้องสังหารกลุ่มอนาธิปไตย
แกนนำเสื้อแดงเลียนแบบปฏิวัติรัสเซียคือการตั้งหน่วยเชคา (Cheka) ที่มีหน้าที่ข่มขู่สยบฝ่ายตรงข้ามพรรคบอลเชวิค ด้วยลัทธิก่อการร้าย และพรรคบอลเชวิคจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ (Militias) เรียกว่า หน่วยพิทักษ์แดง (Red Guards) เช่นเดียวกับเหมาเจ๋อตุง จัดตั้งหน่วยพิทักษ์แดงขึ้นในห้วงปฏิวัติวัฒนธรรม
ความซับซ้อนของทั้งสองปฏิวัตินี้ลึกล้ำเกินกว่าพวกสาวกชั้นต่ำจะรู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน ทำให้ปฏิวัติรัสเซียเป็นการปฏิวัติซ้อนปฏิวัติ และความเหมือนของแกนนำอมนุษย์เสื้อแดงคือ การใช้สัญลักษณ์อมาตยาธิปไตยให้เป็นศัตรูเหมือนกับสงครามปฏิวัติของประชาชนพรรคบอลเชวิคที่ให้พวกรัสเซียขาวที่แกนเป็นอดีตข้าราชการเสรีนิยมหรือชนชั้นกลางเป็นศัตรู
จากกระแสสังคมที่ออกมาต่อต้านเสื้อแดง และความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งความอดทน อดกลั้น และมีวินัยของทหารทำให้เหตุร้ายยุติลงภายในเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากสงครามประชาชนของอมนุษย์ทักษิณกับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ แต่มันคงยังไม่ยุติ รัฐบาลจะต้องทำให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐที่เข้มแข็งจริงๆ โดยเร็ว และความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นเพราะความแค้นของพวกเสื้อแดงอมนุษย์คือ การรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญของชาติ โดยเฉพาะองคมนตรีซึ่งไม่ใช่นักการเมือง ไม่มี รปภ. แต่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะหน้าที่หนึ่งขององคมนตรีคือเป็นผู้แทนพระองค์ปฏิบัติงานตามภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมาย