เฮาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงโต เพราะจดหมายเปิดผนึกที่เฮาเขียนเมื่อก่อนนั้น เป็นการเขียนเตือนผู้นำประเทศที่กำลังจะทำความเสียหายแก่บ้านเมือง เฮาลืมไปว่าโตก็เป็นคนใหญ่โตของเมืองไทย เคยคาดสายสะพายชั้นสูงสุดนั่งแถวหน้าในมหาสมาคม ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร นับว่าโตและคนที่รักโตมีสิทธิภูมิใจที่โตประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุดจริงๆ
เฮาคิดถึงโต พร้อมกับที่เฮาคิดถึงนิพนธ์* กับปรีดา* จึงถือโอกาสนี้ผนวกนิพนธ์กับปรีดาเข้าไปในจดหมายด้วย โตทั้ง 3 คนในฐานะอนาคตผู้นำขบวนการครู ได้ไปหาเฮาในสมัยหลัง 6 ตุลาคม 2519 เมื่อสถานะครูประถมศึกษาทั้งประเทศยังต่ำต้อย ขาดเสรีภาพและสวัสดิการ ถูกข่มขู่ครอบงำโดยฝ่ายปกครองทหารและตำรวจเกือบทุกจังหวัด
เฮาจึงเอาตัวของเฮาเป็นประกันกับบ้านเมือง ช่วยให้พวกโตจดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเป็นสมาคมระดับท้องถิ่นและสมาพันธ์ระดับชาติขึ้นได้ การจดทะเบียนสมาคมในสมัยนั้นยากยิ่ง เผด็จการครอบงำ ผู้ว่าฯ จังหวัดไหนๆ ก็ไม่ยอมให้ครูจัดตั้งสมาคม ถ้าหากเฮาไม่รับรองก็ไม่มีทาง
สังคมไทยเป็นสังคมที่ล้าหลัง ในตอนนั้นอย่าว่าแต่สหภาพแรงงานเลย แม้แต่การตั้งชมรมและสมาคมอาชีพ คนในอาชีพนั้นเองก็ยังไม่อยากเอาด้วย เช่น สหภาพครู ครูที่ล้าหลังก็หาว่าดูถูกครู จะเอาครูไปเทียบกับกรรมกร โดยครูไม่เฉลียวใจว่าการคิดหรือพูดเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าครูเองดูถูกกรรมกรและไม่เข้าใจขบวนการแรงงาน เราจึงได้ช่วยหาทุนและและวิทยากรจากสหภาพครูจากต่างประเทศมาทำการฝึกอบรมยกระดับความคิดและความสามารถให้พวกครูอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเขาหาว่าเฮาจะพาพวกโตเป็นคอมมิวนิสต์
ในที่สุดด้วยการเจรจาของเฮากับความใจกว้างของพลเอกเกรียงศักดิ์ ซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการฯ มหาดไทยตอนนั้น ครูประชาบาลจึงปลดแอกตนเองจากสังกัดองค์การบริหารท้องถิ่นภายใต้กำกับของกระทรวงมหาดไทยสำเร็จ โตเองมิใช่หรือที่เขียนหนังสือเรื่อง “คำขานรับของครูประชาบาล” คู่กับ พิสิฐ สร้อยธุหร่ำ
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเรื่องคอมมิวนิสต์ เฮาได้คัดเลือกสหภาพครูในประเทศประชาธิปไตย 3 ประเทศมาเป็นพี่เลี้ยงของขบวนครูไทย โตและเพื่อนครูคงจำได้ที่เฮาบรรยายบ่อยๆ ว่า เรื่อง ครูกู้ชาติ ครูสามารถเศรษฐกิจ ครูพิชิตการเมือง อันได้แก่เรื่องราวของครู อิสราเอล ครู นิวยอร์ก และครู ญี่ปุ่น ตามลำดับ ครูอิสราเอลนั้นเขาเป็นนักกู้ชาติ ถนนสายสำคัญในประเทศนั้นล้วนมาจากชื่อวีรบุรุษนักรบครูทั้งสิ้น ส่วนครูนิวยอร์กก็มีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ร่ำรวย สามารถค้ำประกันบอนด์ให้มหานครนิวยอร์กพ้นจากการล่มสลายได้ ในขณะที่รัฐบาลกลางหมดปัญญาช่วย ครูญี่ปุ่นก็สามารถเป็นฝ่ายค้านของกระทรวงศึกษาฯ เพื่อให้ครูยืนอยู่ข้างสันติภาพและการช่วยเหลือผู้เสียเปรียบไม่ตกเป็นเครื่องมือของทุนนิยมสามานย์และลัทธิแผ่อาณาเขตของญี่ปุ่น
เฮาได้สัญญากับพวกโตว่าเฮาจะไม่เล่นหรือรับตำแหน่งการเมือง เฮาขอให้พวกโตที่เป็นผู้นำอย่าเล่นการเมือง เพราะถ้าเมื่อใดผู้นำไปเล่นการเมืองเอาดีแต่ตัวแล้ว ก็จะสร้างองค์กรไม่สำเร็จ หากองค์กรครูไม่เข้มแข็ง การศึกษาของชาติก็ไม่มีวันเข้มแข็งได้ ขอให้ดูตัวอย่างที่ดีจากผู้นำของสหภาพครูในต่างประเทศ
โตทั้ง 3 ไปอยู่กับเฮาที่เมืองนิวยอร์กเป็นเดือน เพื่อเรียนภาษาอังกฤษที่ King Community College และฝึกงานที่ United Federation of Teachers (UFT)* สหภาพครูที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกา ที่เพื่อนรักของเฮาคือ แอล แชงเกอร์* เป็นประธาน พวกโตเป็นความหวังของเพื่อนครู ว่าจะนำพาขบวนการครูและการศึกษาของชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เฮายิ่งหวังมากกว่านั้นว่าสหภาพครูไทยในอนาคตจะเป็นตัวเร่งและกำลังสำคัญของประชาธิปไตยของประเทศ
ป่านนี้วิญญาณของแอล คงจะทั้งดีใจที่โตได้ดี และระทมใจที่โตเดินทางสวนกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยของ UFT โดยสิ้นเชิง เขาคงเสียดายที่ให้ทุนโตกลับไปเรียนและเคี่ยวเข็ญด้วยตนเองให้โตเรียนจนจบ
เมื่อมีข่าวว่า โตกับพวกเสนาหมากขี้กาทั้งหลายถวายฎีกาถึงในหลวง หลายคนโทร.มาให้เฮาโทร.ไปด่าโต โตคงรู้ดีว่าตั้งแต่รู้จักกันมาเฮาไม่เคยด่าโตหรือด่าคนอื่นให้โตฟังเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของเฮา หลายคนบ่นสงสารประเทศเมื่อโตได้เป็นประธานวุฒิสภา และยังพากันสงสัยอีกด้วยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
เขาไม่ทราบดอกว่าเฮาเองทั้งดีใจและสะใจที่ลูกชาวนาและครูประชาบาลต๊อกต๋อยอย่างโตสามารถเอาชนะปลัดกระทรวงและผู้นำเหล่าทัพได้ พวกนั้นก็ไม่มีใครเก่งกว่าโตสักท่อใดดอก ทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้ดีทั้งนั้น ถ้าหากยึดมั่นในธรรม และรู้จักใช้ข้าราชการที่เป็นกลางและมีสมรรถภาพ
กับทุกคนที่แปลกใจสงสัย ไม่ยอมเชื่อว่าทำไมโตจึงได้ดีถึงปานนั้น เฮาบอกเขาว่า แชมป์มวยทุกคนจะต้องต่อยเองทั้งสิ้นจึงจะได้เข็มขัด ไม่มีใครต่อยแทนได้ดอก ส่วนใครจะได้โปรโมเตอร์ดี โคชดี แม่ยกดี ก็แล้วแต่บุญของคนนั้น การที่โตได้รับการสนับสนุนจากนิตินัย* พี่สุ* เสนาะ บรรหาร พลเอกชวลิต และฐิติ* แสดงว่าโตต้องเป็นคนดีในสายตาคนเหล่านั้น แล้วเฮาเป็นใคร จึงจะมาเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า
อีกอย่างหนึ่ง เฮาไม่เคยประณามบุคคลเพียงเพราะว่าเขาทำงานกับเผด็จการ เพราะในช่วงชีวิตของคนคนหนึ่งนั้น บางทีเขาไม่มีทางเลือก ขอแต่อย่าให้เขาไปทำความชั่วตามหัวหน้าก็แล้วกัน สำหรับเฮานั้น โชคดี ที่ไม่จำเป็นต้องซูฮกใคร
ด้วยเหตุนี้ เฮาจึงไม่เคยรังเกียจและเตือนตัวอยู่เสมอว่าให้รักษาเกียรติของการเป็นประธานวุฒิสภา การร่วมมือกับทักษิณนั้นทำได้ ถ้าอยู่ในครรลอง และไม่เป็นการทำลายเสรีภาพ สาธารณประโยชน์และความเป็นธรรมของบ้านเมือง เฮาก็เสียใจอยู่ที่ได้ยินคนเขาเปลี่ยนชื่อโตเป็นสุชิน ก็ได้แต่ภาวนาและเอาใจช่วยขออย่าให้โตถลำลึกจนกลับตัวไม่ได้
บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การที่โตเป็นหัวโจกถวายฎีกานั้นเป็นการผิดกาละเทศะ ผิดธรรมะและความสัตย์จริง เป็นไปเพียงเพื่อจะปูทางให้ทักษิณรอดตัวกลับมาสู่อำนาจเท่านั้น เฮาคิดว่าทั้งโลกเขารู้แล้วว่าพวกเสื้อแดงหยาบช้าสามานย์และใช้วิธีรุนแรงโดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สินชีวิตและบ้านเมืองของใครจะเสียหาย โตไปกราบบังคมทูลเรื่องเท็จได้อย่างไร เฮาจึงขอบอกโตแต่เพียงว่าเฮาเสียใจ ถ้ายังมีทางกลับใจได้ ขอให้โตเลิกหวังอามิสและเลิกการเมืองเสีย โตไปถึงที่สูงสุดแล้ว สมควรพอ แม้จะได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังต่ำกว่าที่โตเคยเป็นประธาน
อนึ่ง มีคนมาเล่าว่าโตไปเวียงจันทน์กับสาวน้อยเมื่ออาทิตย์กว่าๆ เพื่อไปรับเงินมาเคลื่อนไหว โตจะบอกเฮาหรือไม่บอกก็ได้ว่าเท็จจริงอย่างไร แต่เฮาขอให้การถวายฎีกาของโตนั้นเป็นการตอบแทนบุญคุณทักษิณครั้งสุดท้าย
เฮาขอแนะนำให้โตกลับบ้านไปทำมูลนิธิบำรุงการศึกษา และนำขบวนการครูประชาบาลอีสานออกจากหลุมดำของระบอบทักษิณจะดีกว่า
ด้วยความรักและเมตตาไม่เปลี่ยนแปลง
ปราโมทย์ นาครทรรพ
หมายเหตุ : นิพนธ์* ชื่นตา อดีตครูประชาบาลยโสธร ประธานสมาพันธ์สหภาพครูแห่งประเทศไทย/ปรีดา บุญเพลิง อดีตครูประชาบาลขอนแก่น อดีตเลขาธิการคุรุสภา/UFT สหภาพครูนิวยอร์ก ซึ่งเป็นองค์กรแกนนำระดับชาติของ American Federations of Teachers/ Al Shanker อดีต president ของ UFT และ AFT/นิตินัย ฐิติ นาครทรรพ/พี่สุ พลเอกสุจินดา คราประยูร
เฮาคิดถึงโต พร้อมกับที่เฮาคิดถึงนิพนธ์* กับปรีดา* จึงถือโอกาสนี้ผนวกนิพนธ์กับปรีดาเข้าไปในจดหมายด้วย โตทั้ง 3 คนในฐานะอนาคตผู้นำขบวนการครู ได้ไปหาเฮาในสมัยหลัง 6 ตุลาคม 2519 เมื่อสถานะครูประถมศึกษาทั้งประเทศยังต่ำต้อย ขาดเสรีภาพและสวัสดิการ ถูกข่มขู่ครอบงำโดยฝ่ายปกครองทหารและตำรวจเกือบทุกจังหวัด
เฮาจึงเอาตัวของเฮาเป็นประกันกับบ้านเมือง ช่วยให้พวกโตจดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเป็นสมาคมระดับท้องถิ่นและสมาพันธ์ระดับชาติขึ้นได้ การจดทะเบียนสมาคมในสมัยนั้นยากยิ่ง เผด็จการครอบงำ ผู้ว่าฯ จังหวัดไหนๆ ก็ไม่ยอมให้ครูจัดตั้งสมาคม ถ้าหากเฮาไม่รับรองก็ไม่มีทาง
สังคมไทยเป็นสังคมที่ล้าหลัง ในตอนนั้นอย่าว่าแต่สหภาพแรงงานเลย แม้แต่การตั้งชมรมและสมาคมอาชีพ คนในอาชีพนั้นเองก็ยังไม่อยากเอาด้วย เช่น สหภาพครู ครูที่ล้าหลังก็หาว่าดูถูกครู จะเอาครูไปเทียบกับกรรมกร โดยครูไม่เฉลียวใจว่าการคิดหรือพูดเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าครูเองดูถูกกรรมกรและไม่เข้าใจขบวนการแรงงาน เราจึงได้ช่วยหาทุนและและวิทยากรจากสหภาพครูจากต่างประเทศมาทำการฝึกอบรมยกระดับความคิดและความสามารถให้พวกครูอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเขาหาว่าเฮาจะพาพวกโตเป็นคอมมิวนิสต์
ในที่สุดด้วยการเจรจาของเฮากับความใจกว้างของพลเอกเกรียงศักดิ์ ซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการฯ มหาดไทยตอนนั้น ครูประชาบาลจึงปลดแอกตนเองจากสังกัดองค์การบริหารท้องถิ่นภายใต้กำกับของกระทรวงมหาดไทยสำเร็จ โตเองมิใช่หรือที่เขียนหนังสือเรื่อง “คำขานรับของครูประชาบาล” คู่กับ พิสิฐ สร้อยธุหร่ำ
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเรื่องคอมมิวนิสต์ เฮาได้คัดเลือกสหภาพครูในประเทศประชาธิปไตย 3 ประเทศมาเป็นพี่เลี้ยงของขบวนครูไทย โตและเพื่อนครูคงจำได้ที่เฮาบรรยายบ่อยๆ ว่า เรื่อง ครูกู้ชาติ ครูสามารถเศรษฐกิจ ครูพิชิตการเมือง อันได้แก่เรื่องราวของครู อิสราเอล ครู นิวยอร์ก และครู ญี่ปุ่น ตามลำดับ ครูอิสราเอลนั้นเขาเป็นนักกู้ชาติ ถนนสายสำคัญในประเทศนั้นล้วนมาจากชื่อวีรบุรุษนักรบครูทั้งสิ้น ส่วนครูนิวยอร์กก็มีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ร่ำรวย สามารถค้ำประกันบอนด์ให้มหานครนิวยอร์กพ้นจากการล่มสลายได้ ในขณะที่รัฐบาลกลางหมดปัญญาช่วย ครูญี่ปุ่นก็สามารถเป็นฝ่ายค้านของกระทรวงศึกษาฯ เพื่อให้ครูยืนอยู่ข้างสันติภาพและการช่วยเหลือผู้เสียเปรียบไม่ตกเป็นเครื่องมือของทุนนิยมสามานย์และลัทธิแผ่อาณาเขตของญี่ปุ่น
เฮาได้สัญญากับพวกโตว่าเฮาจะไม่เล่นหรือรับตำแหน่งการเมือง เฮาขอให้พวกโตที่เป็นผู้นำอย่าเล่นการเมือง เพราะถ้าเมื่อใดผู้นำไปเล่นการเมืองเอาดีแต่ตัวแล้ว ก็จะสร้างองค์กรไม่สำเร็จ หากองค์กรครูไม่เข้มแข็ง การศึกษาของชาติก็ไม่มีวันเข้มแข็งได้ ขอให้ดูตัวอย่างที่ดีจากผู้นำของสหภาพครูในต่างประเทศ
โตทั้ง 3 ไปอยู่กับเฮาที่เมืองนิวยอร์กเป็นเดือน เพื่อเรียนภาษาอังกฤษที่ King Community College และฝึกงานที่ United Federation of Teachers (UFT)* สหภาพครูที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกา ที่เพื่อนรักของเฮาคือ แอล แชงเกอร์* เป็นประธาน พวกโตเป็นความหวังของเพื่อนครู ว่าจะนำพาขบวนการครูและการศึกษาของชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เฮายิ่งหวังมากกว่านั้นว่าสหภาพครูไทยในอนาคตจะเป็นตัวเร่งและกำลังสำคัญของประชาธิปไตยของประเทศ
ป่านนี้วิญญาณของแอล คงจะทั้งดีใจที่โตได้ดี และระทมใจที่โตเดินทางสวนกับอุดมการณ์ประชาธิปไตยของ UFT โดยสิ้นเชิง เขาคงเสียดายที่ให้ทุนโตกลับไปเรียนและเคี่ยวเข็ญด้วยตนเองให้โตเรียนจนจบ
เมื่อมีข่าวว่า โตกับพวกเสนาหมากขี้กาทั้งหลายถวายฎีกาถึงในหลวง หลายคนโทร.มาให้เฮาโทร.ไปด่าโต โตคงรู้ดีว่าตั้งแต่รู้จักกันมาเฮาไม่เคยด่าโตหรือด่าคนอื่นให้โตฟังเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของเฮา หลายคนบ่นสงสารประเทศเมื่อโตได้เป็นประธานวุฒิสภา และยังพากันสงสัยอีกด้วยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
เขาไม่ทราบดอกว่าเฮาเองทั้งดีใจและสะใจที่ลูกชาวนาและครูประชาบาลต๊อกต๋อยอย่างโตสามารถเอาชนะปลัดกระทรวงและผู้นำเหล่าทัพได้ พวกนั้นก็ไม่มีใครเก่งกว่าโตสักท่อใดดอก ทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้ดีทั้งนั้น ถ้าหากยึดมั่นในธรรม และรู้จักใช้ข้าราชการที่เป็นกลางและมีสมรรถภาพ
กับทุกคนที่แปลกใจสงสัย ไม่ยอมเชื่อว่าทำไมโตจึงได้ดีถึงปานนั้น เฮาบอกเขาว่า แชมป์มวยทุกคนจะต้องต่อยเองทั้งสิ้นจึงจะได้เข็มขัด ไม่มีใครต่อยแทนได้ดอก ส่วนใครจะได้โปรโมเตอร์ดี โคชดี แม่ยกดี ก็แล้วแต่บุญของคนนั้น การที่โตได้รับการสนับสนุนจากนิตินัย* พี่สุ* เสนาะ บรรหาร พลเอกชวลิต และฐิติ* แสดงว่าโตต้องเป็นคนดีในสายตาคนเหล่านั้น แล้วเฮาเป็นใคร จึงจะมาเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า
อีกอย่างหนึ่ง เฮาไม่เคยประณามบุคคลเพียงเพราะว่าเขาทำงานกับเผด็จการ เพราะในช่วงชีวิตของคนคนหนึ่งนั้น บางทีเขาไม่มีทางเลือก ขอแต่อย่าให้เขาไปทำความชั่วตามหัวหน้าก็แล้วกัน สำหรับเฮานั้น โชคดี ที่ไม่จำเป็นต้องซูฮกใคร
ด้วยเหตุนี้ เฮาจึงไม่เคยรังเกียจและเตือนตัวอยู่เสมอว่าให้รักษาเกียรติของการเป็นประธานวุฒิสภา การร่วมมือกับทักษิณนั้นทำได้ ถ้าอยู่ในครรลอง และไม่เป็นการทำลายเสรีภาพ สาธารณประโยชน์และความเป็นธรรมของบ้านเมือง เฮาก็เสียใจอยู่ที่ได้ยินคนเขาเปลี่ยนชื่อโตเป็นสุชิน ก็ได้แต่ภาวนาและเอาใจช่วยขออย่าให้โตถลำลึกจนกลับตัวไม่ได้
บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การที่โตเป็นหัวโจกถวายฎีกานั้นเป็นการผิดกาละเทศะ ผิดธรรมะและความสัตย์จริง เป็นไปเพียงเพื่อจะปูทางให้ทักษิณรอดตัวกลับมาสู่อำนาจเท่านั้น เฮาคิดว่าทั้งโลกเขารู้แล้วว่าพวกเสื้อแดงหยาบช้าสามานย์และใช้วิธีรุนแรงโดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สินชีวิตและบ้านเมืองของใครจะเสียหาย โตไปกราบบังคมทูลเรื่องเท็จได้อย่างไร เฮาจึงขอบอกโตแต่เพียงว่าเฮาเสียใจ ถ้ายังมีทางกลับใจได้ ขอให้โตเลิกหวังอามิสและเลิกการเมืองเสีย โตไปถึงที่สูงสุดแล้ว สมควรพอ แม้จะได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังต่ำกว่าที่โตเคยเป็นประธาน
อนึ่ง มีคนมาเล่าว่าโตไปเวียงจันทน์กับสาวน้อยเมื่ออาทิตย์กว่าๆ เพื่อไปรับเงินมาเคลื่อนไหว โตจะบอกเฮาหรือไม่บอกก็ได้ว่าเท็จจริงอย่างไร แต่เฮาขอให้การถวายฎีกาของโตนั้นเป็นการตอบแทนบุญคุณทักษิณครั้งสุดท้าย
เฮาขอแนะนำให้โตกลับบ้านไปทำมูลนิธิบำรุงการศึกษา และนำขบวนการครูประชาบาลอีสานออกจากหลุมดำของระบอบทักษิณจะดีกว่า
ด้วยความรักและเมตตาไม่เปลี่ยนแปลง
ปราโมทย์ นาครทรรพ
หมายเหตุ : นิพนธ์* ชื่นตา อดีตครูประชาบาลยโสธร ประธานสมาพันธ์สหภาพครูแห่งประเทศไทย/ปรีดา บุญเพลิง อดีตครูประชาบาลขอนแก่น อดีตเลขาธิการคุรุสภา/UFT สหภาพครูนิวยอร์ก ซึ่งเป็นองค์กรแกนนำระดับชาติของ American Federations of Teachers/ Al Shanker อดีต president ของ UFT และ AFT/นิตินัย ฐิติ นาครทรรพ/พี่สุ พลเอกสุจินดา คราประยูร