xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นส่งออกมันไทย วูบกว่า2หมื่นล.จีน-สหรัฐฯต้องการใช้เอทานอลลด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคามันสำปะหลังตกต่ำอย่างหนัก ขณะที่การส่งออกก็มีปัญหา โดยคู่ค้าสำคัญอย่างจีนและสหรัฐฯมีการสั่งซื้อจากไทยลดลง จากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
ศูนย์ข่าวศรีราชา -นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ระบุการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับมันสำปะหลังรวมถึงหัวมันสดปี 2552 จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก จนมีผลให้ความต้องการใช้เอทานอลในตลาดหลักอย่างจีนและอเมริกาลดลง ขณะที่ความสามารถในการผลิตธัญพืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ของจีน และประเทศแถบยุโรปตะวันออกกลับเพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลาด คาดมูลค่าส่งออกปี52จะลดลงกว่า 50% ของมูลค่าส่งออกในปี 2551 ที่มีมากถึง 5 หมื่นล้านบาท จี้รัฐเร่งหาทางช่วยเกษตรกรในหลายพื้นที่ที่ขยายพื้นที่ปลูกมันฯ ไปก่อนหน้า

นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย กล่าวถึงทิศทางส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับมันสำปะหลังของไทยไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างประเทศจีน อเมริกาและยุโรปตะวันออก ที่เคยมีคำสั่งซื้อหัวมันสดและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยในแต่ละปีมหาศาล เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถผลิตธัญพืชที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลและอาหารสัตว์ได้เองว่า ในปี 2552 ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะ หลังไทยและเกษตรกรผู้ปลูกมันฯ จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้ความต้องการใช้เอทานอลลดน้อยลง เพราะผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกจะหันมาใช้น้ำมันแทนพลังงานทดแทน

ขณะที่ขีดความสามารถในการผลิตข้าวโพดของประเทศจีนและรัสเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่ใช้มันสำปะหลังจากไทยในการผลิตอาหารสัตว์กลับเพิ่มมากขึ้นจนล้นตลาด กล่าวคือจากเดิมที่เคยผลิตได้เพียงเพื่อใช้ในประเทศแต่ในปี 2551 ปริมาณการผลิตกลับมีมากกว่า 3 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเกินความต้องการใช้จนต้องลดคำสั่งซื้อมันสำปะหลังจากไทย และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นต้นมาการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยและหัวมันสดลดเหลือเพียง 1 แสนตันจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เคยมีตัวเลขส่งออกมากกว่า 3 แสนตัน

“การส่งมอบผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยไปยังต่างประเทศในเดือนธันวาคม เป็นการส่งมอบตามออเดอร์เก่า ซึ่งในปี52เกรงว่าออเดอร์ใหม่จะไม่มีเข้ามา หรือมีเข้ามาก็น้อยมาก ซึ่งในทุกปี ช่วง 5 เดือนเราจะมีตัวเลขส่งออกประมาณ 1-2 ล้านตัน แต่ในปี 52 คาดว่าปริมาณส่งออกจะลดลงกว่า60%และยังคาดว่าตลอดทั้งปี 52 มูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังของไทยจะลดลง 50% ของมูลค่าการส่งออกที่เคยมีประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ”

นายนิยม ยังเผยอีกว่าในระยะ 2- 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกหัวมันสดและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่น้อยกว่า 25 ล้านตันต่อปีแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จนต้องเร่งขยายพื้นที่ปลูกในหลายภูมิภาคของประเทศเพื่อให้สามารถผลิตวัตถุดิบเพื่อการส่งออกให้ได้ถึง 30 ล้านตัน และที่ผ่านมาทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกก็เคยมีกำไรหลายหมื่นล้านบาท แต่ในปี 2552 เมื่อสถาน การณ์พลิกผันเนื่องจากประเทศคู่ค้าหลักสามารถผลิตธัญพืชได้ในจำนวนมาก

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกสำคัญย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแม้รัฐบาลจะหามาตรการรับมือด้วยการเข้ามาแทรกแซงราคารับซื้อหัวมันสดแต่ก็ยังเกรงว่าผู้ปลูกจะยังคงได้รับผลกระทบอยู่

“ในส่วนของผู้ค้าและผู้ส่งออกเองคงไม่ถึงกับขาดทุนหรือได้รับผลกระทบมาก แต่สิ่งที่จะเจอก็คือแค่ขาดทุนกำไรที่เคยได้เท่านั้น แต่ในส่วนของเกษตรกรเราเป็นห่วงมากว่าเขาจะทำเช่นไรหากผลผลิตที่ผลิตออกมาราคาตกต่ำลง ก็คงต้องฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแล เพราะเราก็คงไม่สามารถหาตลาดส่งออกอื่นได้ เนื่องจากตลาดที่เรามีถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่สุดแล้ว ”นายนิยมกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น