กรมส่งออก เผยผลสำเร็จจากการนำผู้ผลิตสินค้าอาหารไทย 26 บริษัท ร่วมงานแฟร์ PRODEXPO ที่ประเทศรัสเชีย ได้ออเดอร์ทันทีภายในงานนี้ กว่า 3 พันล้านบาท กระตุ้นผู้ผลิตอาหารเจาะตลาดแดนหมีขาว ชี้เป็นตลาดใหญ่ อากาศหนาวเย็น จำเป็นต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารปริมาณสูง
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า จากที่กรมฯได้นำผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารไทยจำนวน 26 บริษัท ร่วมงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย คือ งาน PRODEXPO ครั้งที่ 16 ณ กรุงมอสโก ระหว่างวันที่ 9 – 13 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ภายมีผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าอาหารเข้าร่วมงานกว่า 1800 บริษัท จาก 57 ประเทศทั่วโลก
สำหรับสินค้าไทยที่นำไปแสดง เช่น ข้าว น้ำตาล อาหารทะเลกระป๋อง อาหารทะเลแช่แข็ง ผัก ผลไม้สด ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง ไอศกรีม ซุปพร้อมรับประทาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอส เครื่องปรุง และเครื่องแกง เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากคู่ค้าอย่างสูง โดยเฉพาะสินค้า ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด อาหารกระป๋อง อาหารทะเลแห้ง ผลไม้อบแห้ง และเครื่องปรุงรส มียอดการสั่งซื้อสินค้าทันทีและภายใน 1 ปีรวมทั้งสิ้นเกือบ 3,000 ล้านบาท
นายราเชนทร์ ระบุว่า ผู้ผลิตผู้ส่งออกของไทยทั้ง 26 บริษัท มีความรู้สึกพอใจผลการเข้าร่วมงานและเห็นว่าคุ้มค่าที่มาร่วมงานครั้งนี้ แม้ว่าผู้เข้าร่วมงานและการเจรจาการค้าในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม รัสเซียถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ระบบการเมืองมีเสถียรภาพ ตลอดจนเป็นตลาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าต่อไปยังกลุ่มประเทศ CIS (Commonwealth of Independent States) อีก 11 ประเทศด้วย
“ผู้ส่งออกไทย ควรให้ความสนใจตลาดรัสเซียเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มอาหาร เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของรัสเซียไม่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตรและอาหา รเพราะมีฤดูหนาวยาวนานถึง 6 เดือน สินค้าอาหารจึงเป็นสินค้านำเข้าหลักของรัสเซีย ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอาหารที่มีศักยภาพสูง รวมทั้งการที่รัฐบาลรัสเซียให้สิทธิพิเศษด้านภาษีแก่ประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งประเทศไทย โดยการเก็บภาษีนำเข้าเพียงร้อยละ 75 ของอัตราภาษีที่เก็บทั่วไป (MFN - Most Favored Nation Treatment) ดังนั้นผู้ผลิตผู้ส่งออกอาหารไทยจึงควรอาศัยความได้เปรียบนี้ขยายการส่งออกสินค้าอาหารไปตลาดรัสเซียให้มากขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ระบุ
นอกจากนั้น ได้ระบุด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ ตามโครงการ NME (New Market for Exporters) เพื่อเพิ่มลู่ทางให้ผู้ส่งออกไทยไปบุกตลาดใหม่ 23 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศรัสเซียและกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกด้วย ซึ่งเป็น 1 ในยุทธศาสตร์กระตุ้นการส่งออกปี 2552 ที่มุ่งด้านการพัฒนาสินค้า ด้านราคาและต้นทุนสินค้า ด้านตลาด ด้านการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและประเทศไทย และนับเป็นมาตรการเร่งด่วนด้านการแก้ไขปัญหาการขาดออเดอร์ชั่วคราวของผู้ประกอบการ
สำหรับประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารไปรัสเซียในปี 2551 คิดเป็นมูลค่า 125.09 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ช่วงปี 2552 คิดเป็นมูลค่า 5.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ