xs
xsm
sm
md
lg

ไวไวแตกไลน์เครื่องปรุงรสหวังตอดแชร์ตลาด 5,000 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไวไว แตกโปรดักส์ไลน์รอบ 36 ปี สร้างขาที่สอง ปั้นผงปรุงสำเร็จ “ไวไว รสเด็ด” อัดกลยุทธ์ไซซ์ซิ่งและราคา ลุยช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ หวังชิงชิ้นเค้กมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปีแรกตอดแชร์ 5% สิ้นปีโกยรายได้รวม 3,200 ล้านบาท

นายธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการด้านสื่อสารการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว เปิดเผยว่า บริษัทได้แตกโปรดักส์ไลน์ครั้งแรกในรอบ 36 ปี คือ ผงปรุงสำเร็จรูปภายใต้อัมเบล่าแบรนด์ “ไวไว รสเด็ด” เพื่อเป็นการต่อยอดจากการทำเครื่องปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่แล้ว อีกทั้งตลาดยังมีคู่แข่งไม่มาก โดยลงทุนเครื่องจักรใหม่ 3 ไลน์ เพื่อนำมาผลิตผงปรุงสำเร็จรูป

แผนการตลาดจะใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่งและการวางราคา เพื่อสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้สอยมากขึ้น โดยไวไว รสเด็ด ขนาด 72 กรัม ราคา 9 บาท เมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่งขนาด 87 กรัม ราคา 12 บาท และนำ “หมึกแดง” ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารมาการันตีสินค้า เจาะกลุ่มเป้าหมาย 25-40 ปี เน้นกลุ่มผู้บริโภคในครัวเรือน 90% ส่วนอีก 10% เป็นกลุ่มร้านอาหาร ภัตตาคาร จำหน่ายผ่านทางช่องทางเทรดิชันนัลเทรดโดยอาศัยหน่วยรถกระจายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกว่า 100 คัน และโมเดิร์นเทรด

ทั้งนี้ ไวไว รสเด็ด มีด้วยกัน 4 รสชาติ ได้แก่ รสหมูทรงเครื่อง ไก่โอชา ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายกลางเดือนมีนาคม หลังจากนั้นเดือนเมษายน วางจำหน่ายอีก 2 รสชาติ คือ ยำแซบมะนาวและต้มยำหม้อไฟ ซึ่งเป็นรสชาติใหม่ในตลาด อีกทั้งยังเป็นบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบสติ๊ก เตรียมจัดกิจกรรมที่เข้าตรงถึงผู้บริโภค ณ จุดจำหน่าย ตลาดสด การแจกสินค้าตัวอย่าง และการทำโปรโมชันร่วมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ส่วนการลงโฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ จะเป็นการทำประชาสัมพันธ์ในขั้นต่อไป

สภาพตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสสำเร็จรูปมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผงปรุงสำเร็จรูป 60-70% และชนิดก้อน 30-40% ซึ่งแนวโน้มการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจเป็นผลพลอยได้สำหรับผลิตภัณฑ์ปรุงรส เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาทำกลับข้าวกินที่บ้านมากขึ้น และต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความสะดวกสบาย ทำให้ตลาดปรุงรสสำเร็จรูปปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 7% และจากการดำเนินการตลาดในปีแรกตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% ส่วนปีที่ 2 เพิ่มเป็น 10% ขึ้นไป ส่วนผู้นำตลาดรสดีครองส่วนแบ่ง 62% และคนอร์ 34%

นายธีรพันธ์ กล่าวว่า การแตกโปรดักส์ไลน์ครั้งนี้ เพื่อการเติบโตของธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจอย่างเดียว คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ซึ่งสภาพตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ปี 2551 เติบโต 3% เมื่อเทียบกับปี 2550 เติบโต 5% โดยปัจจุบันไวไว รั้งอันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง 32% ยำยำ 18% ส่วนผู้นำตลาดมาม่า 49% สำหรับผลประกอบการโดยรวมปีนี้บริษัทตั้งเป้า 3,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ไวไว รสเด็ด ราว 250 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8%
กำลังโหลดความคิดเห็น