ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เวทีประชาชนร่วมสร้างการเมืองใหม่ จ.สตูล ปักธงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสำเร็จ ซึ่งแม้วว่าเป็นการเปิดเวทีครั้งแรกที่มีพี่น้องพันธมิตรฯ หลั่งไหลเฉียดหมื่นคน แกนนำทยอยขึ้นเวทีนำโดยนายพิภพ ธงไชย ได้ร่วมให้กำลังใจเดินหน้าสร้างการเมืองใหม่ ล้างบางระบอบทุนที่จ้องฮุบทรัพยากรธรรมชาติของภาคใต้ และยึดหลักผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง จวกเสื้อแดงแค่ม็อบชุมนุมมีเหตุผลแต่ช่วยนักโทษแม้ว ซึ่งแบไต๋ความคิดชั่วๆ อย่างต่อเนื่อง แนะรัฐบาลสางปัญหาให้มีความเด็ดขาด และบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้กระทำผิด
ทัพ“เสื้อเหลือง” ใต้เฉียดหมื่นให้กำลังใจสตูล
เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย สงขลา พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ร่วมเป็นเจ้าภาพจัด “เวทีประชาชนร่วมสร้างการเมืองใหม่” ณ สนามบิน อ.เมือง จ.สตูล โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นเวทีครั้งแรกของพื้นที่นี้ เพื่อหารายได้มอบให้แก่สถานีโทรทัศน์ ASTV ทีวีของประชาชน โดยมีนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำทีม พร้อมด้วยศิลปินกู้ชาติ วงแฮมเมอร์ แสง ธรรมดา วง ฅ.คนกู้ชาติ และวงภูเล
ทั้งนี้ พี่น้องพันธมิตรฯ เกือบหมื่นคนร่วมกันใส่เสื้อเหลืองมาร่วมติดตามเวทีปราศรัย ทั้งจากสงขลา, สตูล, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส รวมถึงพันธมิตรฯ โซนอันดามันจาก ตรัง กระบี่ และภูเก็ต นอกจากจะอุดหนุนซื้อบัตรเข้างานแล้วยังบริจาคเงินและซื้อสินค้าที่ระลึก เพื่อสมทบทุนรายได้ส่วนหนึ่งอีกด้วย ทั้งนี้ ได้มีการลงทะเบียนพันธมิตรฯ เฉพาะสตูลนั้นมียอดกว่า 4,000 คน เลยทีเดียว ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความคึกคักและเม็ดฝนตกเพียงประปราย เหมือนร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนมีความต้องการที่จะปักธง จ.สตูล อย่างเป็นทางการมานาน
ทั้งนี้ เจ้าบ้านโดยพันธมิตรฯ จ.สตูล ได้เตรียมอาหารคาวหวาน เช่น แกงส้ม แกงไตปลา ผัดหมี่ ขนมจีน ผลไม้ และเครื่องดื่มไว้ต้อนรับอย่างอิ่มหมีพีมัน รวมถึงแกงแพะซึ่งปรุงโดยนางอุดมศรี จันทรัศมี หรือที่รู้จักว่า “ก๊ะดมแกงแพะ” ก็ได้เสิร์ฟเมนูเด็ดถึงที่
“เสน่ห์-บรรจง” ปลุกพลังประชาชนดูแลชาติ-ทรัพยากร
กิจกรรมบนเวทีในช่วงแรกนั้น แกนนำพันธมิตรฯ จากจังหวัดต่างๆ ได้ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวความในใจถึงการร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณ และให้กำลังใจในการร่วมสร้างการเมืองใหม่ต่อไป และสะท้อนปัญหาที่ระบอบทักษิณทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยก โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการลุแก่อำนาจ เป็นผู้จุดชนวนไฟใต้โหมกระพือลุกเป็นไฟจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทุกจังหวัดของภาคใต้ได้มีการรวมตัวของพันธมิตรฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เว้นแต่ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่เสื้อแดงของกลุ่มนายวีระ มุสิกพงศ์
ด้านนางสาวเสน่ห์ หงส์ทอง ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานกรรมกร สรส. ได้เปิดเผยบนเวทีเป็นคนแรกว่า การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นไปด้วยจุดประสงค์ที่เปิดเผยและทำเพื่อชาติ ต่างจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเทียบไม่ได้ เพราะยิ่งนานวันยิ่งเผยธาตุแท้เห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้วชุมนุมเพื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามหาข้ออ้างอย่างไร้เหตุผลในการชุมนุม ทั้งข้อเรียกร้องไม่มีปัญหาเรื่องปากท้อง การสร้างประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย ตลอดจนพยายามสร้างสถานการณ์ให้มีความรุนแรง
“เราเชื่อว่าพี่น้องมีสติปัญญาที่จะแยกแยะออก และเผยแพร่ข่าวสารให้คนที่กำลังหลงผิดได้คิดเป็น ขณะเดียวกันเราก็อยากเห็นกองกำลังของคนเสื้อเหลืองที่มีทั้งแผ่นดินหลอมรวมกัน ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ เป้าหมายการสร้างการเมืองใหม่จะไม่มีแบบเดิมอีกแล้ว แต่จะมีการสร้างเครือข่ายที่ร้อยรัดร่วมปกป้องทรัพยากร ทั้งพลังงานที่เป็นขนมหวานของกลุ่มนายทุน นักการเมือง” นางสาวเสน่ห์กล่าวต่อและว่า
สำหรับการจัดเวทีของ จ.สตูล ซึ่งเป็นครั้งแรก พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทุกคนมีอะไรก็เอามาแบ่งปันซึ่งไม่มีที่ไหนสามารถทำได้เช่นนี้ ทุกคนที่มามาอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่รับเงินใครมา จึงไม่ต้องแอบๆ ซ่อนๆ ในการทำกิจกรรมใดๆ เหมือนบางกลุ่ม
ด้านนายบรรจง นะแส คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อคช.ใต้) เปิดเผยว่า การลุกขึ้นสู้ของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.สตูลมีจำนวนมากที่เป็นชาวมุสลิม นั่นเป็นนิมิตหมายอันดีที่แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนในทุกเชื้อชาติ เพราะเพียงไม่กี่ปีที่ระบอบทักษิณปกครองประเทศได้ผลักทรัพยากรธรรมชาติของชาติเข้าสู่มือนายทุนนั่นเอง
โดยเฉพาะในภาคใต้ที่มีพื้นที่ติดทะเลทั้งสองฝั่ง อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนและใต้ดิน นั่นเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาในพื้นที่ ส่วนใต้ดินนั้นก็มีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ระบอบทุนบุกเข้ามาเพื่อยึดพื้นที่ และรัฐบาลเปิดทางให้ปล้นสู่มือนายทุนในการขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งควรจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เพราะแม้จะทำในตอนนี้ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่วนชาวประมงเองก็จะขาดพื้นที่ทำมาหากินที่เคยมีมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นยา
“วันนี้การพัฒนาภาคใต้เราต้องการให้จัดกลไกที่สามารถตรวจสอบได้ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าร่วม เพราะเราไม่ต้องการอีกแล้วกับการพัฒนาที่ข้ามหัวชาวบ้าน ไม่สนใจว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร ทั้งเรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทำแล้วก็ไม่ได้มาตรฐาน สร้างมลภาวะให้ท้องถิ่น การจ้างงานก็มีเพียงน้อยนิดซึ่งการเป็นลูกจ้างแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย แต่ต้องซื้อของทุกอย่างในชีวิตประจำวันแทนการปลูกกินเองหรือหาได้เองตามธรรมชาตินั้นไม่ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านได้แม้แต่น้อย เราต้องเป็นปากเป็นเสียงในเรื่องนี้ และหากรัฐบาลไม่ยอมรับฟังก็คงต้องเจอกับพลังเสื้อเหลืองอย่างแน่นอน” นายบรรจงกล่าว
แกนนำแฉแผนป่วน “แม้ว” ลุ้น “มาร์ค” จัดการเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ในค่ำคืนเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ช่อง 11 ถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ปิดถนนจุดสำคัญของกรุงเทพฯ และพยายามสร้างเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งได้มีการถ่ายทอดเสียงให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่ร่วมเวที จ.สตูลได้ฟังด้วย
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงมีทั้งที่ไม่เห็นด้วยต่อการปฏิวัติรัฐประหาร ปกป้องประชาธิปไตย และกลุ่มรักทักษิณ แต่ด้วยวิธีการนายกรัฐมนตรีออกมาพูดก็เพื่อที่จะแยกแยะกลุ่มคนเสื้อแดงออกให้ชัด ระหว่างการสู้เพื่อระบอบการปกครองและผลประโยชน์ของทักษิณ
“วันนี้นายอภิสิทธิ์ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยใช้กฎหมายเป็นที่ตั้ง โดยปล่อยให้ทักษิณพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดชนิดแบไต๋ ให้ทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นความจริงว่าคนคนนี้จะทำอะไรกับประเทศไทย ก่อนจะแยกแยะนักสู้ประชาธิปไตยและผู้ที่หลงผิดไปสู้เพื่อทักษิณในวันรุ่งขึ้น” นายพิภพกล่าวต่อและว่า
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่น่าจะใช้ได้ผล ยิ่งเป็นเหยื่อของการสร้างความรุนแรง หรือนำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้งก็จะเข้าทางของระบอบทักษิณให้หาความชอบธรรมในการต่อสู้ ที่อ้างว่าต้องการให้การเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่เราหวังว่าหากรัฐบาลใช้ความอดทน แยกนักประชาธิปไตยจอมปลอมออกมาและจัดการได้ตามกฎหมาย ชีวิตของทักษิณก็จะหาทางสร้างความปั่นป่วนต่อไปไม่ได้
ด้านนายพิเชฐ พัฒนโชติ ผู้ดำเนินรายการ ASTV เปิดเผยว่า การใช้ 3 เกลอหัวขวด ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวให้ร้ายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นเรื่องที่คนใต้และคนไทยรับไม่ได้ เพราะถ้าจะรับใช้ระบอบทักษิณ ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ควรโจมตีบุคคลอันเป็นที่เคารพในคุณงามความดี ทั้งหมดล้วนแสดงถึงความเนรคุณของคนกลุ่มนี้ว่าไม่ควรคบหาและให้ราคาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้หลายคนเป็นห่วง ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ผ่านมาและความพยายามเปลี่ยนแปลงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เชื่อว่าประชาชนจะสามารถมองออกถึงเจตนาของการกระทำ ทั้งการรวมตัวและจุดประสงค์ของการชุมนุม และหวังว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหานี้ผ่านพ้นไปได้ ใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์
นายสำราญ รอดเพชร ผู้ดำเนินรายการ ASTV กล่าวถึงการออกรายการโทรทัศน์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าต้องเอาใจช่วยให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์ไปได้ เพราะเป็นคืนที่สำคัญในการเดิมพันชะตาชีวิตของนักโทษชายหนีคุกและประเทศไทย ซึ่งสามารถก่อความรุนแรงและทำลายทุกอย่างเพื่อที่จะให้ตัวเองอยู่รอดได้ อย่างน้อยหากมีการเจรจาและก่อจลาจลก็จะสามารถต่อรองกับการนิรโทษกรรมได้ หรือมากที่สุดก็คือมีการปฏิวัติรัฐประหาร
“ผมฟันธงด้วยความเชื่อของผมเลยว่า สิ่งที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงกำลังกระทำอยู่ก็คือผลประโยชน์ที่เข้ากระเป๋าเต็มๆ ต่างจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่สู้ไปบริจาคไป แต่เราโชคร้ายที่เจอรัฐบาลทรราชที่ไม่ยอมออกจากอำนาจด้วยสปิริต เราจึงต้องชุมนุมกันยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดก็สามารถไล่นายกรัฐมนตรีชั่วๆได้ถึง 3 คน” นายสำราญกล่าว