ASTVผู้จัดการรายวัน – "ยุทธพงษ์" เดินหน้าฟ้องศาลขอสิทธิ์การส่งตัวแทนเข้านั่งร่วมบริหาร PERM หลังบอร์ดไม่เสนอวาระเพิ่มเติมคณะกรรมการ ปิดกั้นการซักถามข้อมูลงบการเงิน ชี้ต้องการเข้าบริหารเพื่อต่อยอดธุรกิจ " ชูเกียรติ" ยันไม่ได้ปิดกั้น เหตุผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เปิดทางและผู้ถือหุ้นใหม่ถือหุ้นไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ผู้บริหาร บริษัท เสรี แฟคทอรี แลนด์ จำกัด และบริษัท สแตนดาร์ เมทอล จำกัด และในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้น 19% ในบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (PERM) เปิดเผยว่าตน เตรียมเดินหน้าฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องความชอบธรรมในการส่งตัวแทนเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ PERM หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 52 ไม่นำเสนอวาระเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มคณะกรรมการจาก 8 คน เป็น 11 คน
โดยการส่งตัวแทนครั้งนี้จะแบ่งเป็นกรรมการ 2 คน กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบจำนวน 1 คน ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้า อีกทั้งทางกลุ่มผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวถือหุ้นในสัดส่วนกว่า 60% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมถึงได้ปิดกั้นการซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดงบการเงินประจำปี 51 เช่น ลูกหนี้การค้า การให้บริษัทลูกเช่าคลังสินค้าจนต้องสร้างโรงงานแห่งใหม่ ตลอดจนเรื่องการขายเหล็กให้กับบริษัทในเครือญาติในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
" หากบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสจริง ก็คงไม่จำเป็นต้องกลัวใครมาตรวจสอบ รวมถึงขอยืนยันว่าตนเองไม่ใช่
นอมินีของใคร ซึ่งการเข้ามาถือหุ้น PERM และเสนอชื่อเพื่อดำรงตำแหน่งในบริษัทดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพและต่อยอดธุรกิจแห่งนี้ และตนก็ดำเนินธุรกิจชนิดนี้อยู่จึงน่าจะช่วยต่อยอดได้" นายยุทธพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มีแผนจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในสัดส่วนประมาณ 19% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น แต่จะเพิ่มเติมเมื่อใดคงต้องรอการชี้แจงทาง PERM และราคาที่เหมาะสมอีกครั้งก่อน
อนึ่ง ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้งให้นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และนายสหัสชัย อินทรสุขศรี ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบอีกวาระหนึ่งด้วยเสียงสนับสนุนสัดส่วน 66.85% และเสียงคัดค้าน 23.86% และงดออกเสียงสัดส่วน 9.29% จากจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม 53 ราย หรือคิดเป็น 454.02 ล้านหุ้น
นายชูเกียรติ ยงวงศ์วงไพบูลย์ ประธานกรรมการ PERM กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้เปิดให้ซักถามในเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับงบการเงินว่าเป็นมติของผู้ถือหุ้นใหญ่ อีกทั้งกลุ่มของ "ยงยุทธ์" ก็ถือหุ้นบริษัทไม่ถึงกึ่งนึงหรือประมาณ 250 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น ขณะที่เรื่องการเสนอวาระส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการบริษัทฯ กลุ่มดังกล่าวยังถือหุ้นในสัดส่วนไม่ถึงตามกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ที่กำหนดไว้ต้องมีสัดส่วน 1 ใน 3 จำนวนหุ้นทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 649.28 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ายังมีคำสั่งซื้อสินค้า (ออเดอร์) ที่อั้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนหลังราคาเหล็กค่อนข้างผันผวน และปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (black log) อยู่ประมาณ 70-80 ล้านบาท โดยเป็นในโครงส่วนของโลตัส ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปจนสิ้นไตรมาส 2/52 พร้อมกับเตรียมรุกหันมาขายเหล็กรีดร้อนมากขึ้นในฐานลูกค้าเดิม จากปัจจุบันที่สินค้าหลักของลูกค้าจะเป็นเหล็กรีดเย็น รวมถึงจะปรับเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้นเป็น 70% และจากต่างประเทศ 30% จากเดิมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ 30% และต่างประเทศ 70% ขณะที่โรงงานเหล็กแห่งใหม่คืบหน้าแล้ว 90% และรอเครื่องจักรจากญี่ปุ่นหากแล้วเสร็จจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่มีอยู่ 1.2แสนตันต่อปี
นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ผู้บริหาร บริษัท เสรี แฟคทอรี แลนด์ จำกัด และบริษัท สแตนดาร์ เมทอล จำกัด และในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้น 19% ในบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (PERM) เปิดเผยว่าตน เตรียมเดินหน้าฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องความชอบธรรมในการส่งตัวแทนเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ PERM หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 52 ไม่นำเสนอวาระเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มคณะกรรมการจาก 8 คน เป็น 11 คน
โดยการส่งตัวแทนครั้งนี้จะแบ่งเป็นกรรมการ 2 คน กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบจำนวน 1 คน ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้า อีกทั้งทางกลุ่มผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวถือหุ้นในสัดส่วนกว่า 60% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมถึงได้ปิดกั้นการซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดงบการเงินประจำปี 51 เช่น ลูกหนี้การค้า การให้บริษัทลูกเช่าคลังสินค้าจนต้องสร้างโรงงานแห่งใหม่ ตลอดจนเรื่องการขายเหล็กให้กับบริษัทในเครือญาติในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
" หากบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสจริง ก็คงไม่จำเป็นต้องกลัวใครมาตรวจสอบ รวมถึงขอยืนยันว่าตนเองไม่ใช่
นอมินีของใคร ซึ่งการเข้ามาถือหุ้น PERM และเสนอชื่อเพื่อดำรงตำแหน่งในบริษัทดังกล่าว เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพและต่อยอดธุรกิจแห่งนี้ และตนก็ดำเนินธุรกิจชนิดนี้อยู่จึงน่าจะช่วยต่อยอดได้" นายยุทธพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มีแผนจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในสัดส่วนประมาณ 19% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น แต่จะเพิ่มเติมเมื่อใดคงต้องรอการชี้แจงทาง PERM และราคาที่เหมาะสมอีกครั้งก่อน
อนึ่ง ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้งให้นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และนายสหัสชัย อินทรสุขศรี ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบอีกวาระหนึ่งด้วยเสียงสนับสนุนสัดส่วน 66.85% และเสียงคัดค้าน 23.86% และงดออกเสียงสัดส่วน 9.29% จากจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม 53 ราย หรือคิดเป็น 454.02 ล้านหุ้น
นายชูเกียรติ ยงวงศ์วงไพบูลย์ ประธานกรรมการ PERM กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้เปิดให้ซักถามในเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับงบการเงินว่าเป็นมติของผู้ถือหุ้นใหญ่ อีกทั้งกลุ่มของ "ยงยุทธ์" ก็ถือหุ้นบริษัทไม่ถึงกึ่งนึงหรือประมาณ 250 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น ขณะที่เรื่องการเสนอวาระส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการบริษัทฯ กลุ่มดังกล่าวยังถือหุ้นในสัดส่วนไม่ถึงตามกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ที่กำหนดไว้ต้องมีสัดส่วน 1 ใน 3 จำนวนหุ้นทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 649.28 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ายังมีคำสั่งซื้อสินค้า (ออเดอร์) ที่อั้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนหลังราคาเหล็กค่อนข้างผันผวน และปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (black log) อยู่ประมาณ 70-80 ล้านบาท โดยเป็นในโครงส่วนของโลตัส ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปจนสิ้นไตรมาส 2/52 พร้อมกับเตรียมรุกหันมาขายเหล็กรีดร้อนมากขึ้นในฐานลูกค้าเดิม จากปัจจุบันที่สินค้าหลักของลูกค้าจะเป็นเหล็กรีดเย็น รวมถึงจะปรับเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้นเป็น 70% และจากต่างประเทศ 30% จากเดิมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ 30% และต่างประเทศ 70% ขณะที่โรงงานเหล็กแห่งใหม่คืบหน้าแล้ว 90% และรอเครื่องจักรจากญี่ปุ่นหากแล้วเสร็จจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่มีอยู่ 1.2แสนตันต่อปี
