ASTVผู้จัดการรายวัน - ผอ.ช่อง 5 มั่นใจผังรายการใหม่เพิ่มทั้งผู้ชมและรายได้ เตรียมผังไตรมาส 2
เน้นข่าวสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมคุมโฆษณาแฝงรูปแบบใหม่
หลังจากปรับผังย่อยประจำปีไตรมาสสอง พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) กล่าวพอใจภาพรวมผังรายการที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสตอบรับผู้ชม และส่วนแบ่งโฆษณา รวมทั้งรายได้เพิ่มขึ้นแต่ยังเตรียมแผนปรับผังไตรมาสสาม รับการแข่งขันในวงการโทรทัศน์พร้อมประเมินผลคุณภาพรายการ ให้เป็นไปตามนโยบายทีวีบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง โดยเน้นประเด็นสร้างสรรค์ในรายการข่าวตลอดผังรายการกว่า 30 % และเพิ่มกิจกรรมสร้างสรรค์ในส่วนภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้ยังคงจับตาปัญหาโฆษณาแฝงในกติกาใหม่ ที่แม้ปริมาณลดลงกว่า 20 % แต่รูปแบบรายการแฝงโฆษณากลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ภาพรวมการประเมินผลงานไตรมาสแรกของ ททบ.5 อยู่ในทิศทางที่ดี พิจารณาจากเรตติ้งเฉลี่ยช่วงไพร์มไทม์ 2030 – 2230 รวมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจาก 10.5 เป็น 15 และสัดส่วนการลงโฆษณายังคงอยู่ในลำดับ 3 ของตลาดทีวี คือ 21 % แม้มีจำนวนรายการข่าวสาร และ สาระความรู้สูงถึง 70 % และบันเทิงเพียง 30 % นอกจากนี้ผลประกอบการด้านรายรับยังเพิ่มขึ้นอีก 3-5 % จากการปรับโครงสร้างและระบบการบริหารงบประมาณ และการควบคุมโฆษณาแฝง โดยมิได้มีการขึ้นค่าเวลาแต่ประการใด
สำหรับผลการควบคุมโฆษณาแฝงตามระเบียบใหม่ของสถานีฯ ปรากฏว่ามีจำนวนลดลงประมาณ 30 % คือ จากเดิมมีโฆษณาแฝงในรายการต่าง ๆ โดยเฉลี่ย 160 ครั้งต่อเดือน ลดลงเหลือประมาณ 95 ครั้งต่อเดือน ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบรายการมีข้อสังเกตุ คือ รูปแบบการแฝงโฆษณาในรายการนอกจากจะแทรกในซูเปอร์ ฉาก พิธีกร และ สปอตผู้สนับสนุนแล้ว ยังมีการปะปนในเนื้อหารายการอย่างแยกไม่ออก ซึ่งเป็นรูปแบบที่เซ็นเซอร์ค่อนข้างยาก และเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สนับสนุนรายการที่ชอบการโฆษณาสินค้า ในเนื้อหามากกว่าการลงสปอตโฆษณา เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับรู้ได้ อย่างไรก็ตามฝ่ายตรวจรายการได้มีการประชุมพบปะกับผู้ร่วมผลิตรายการ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทางสถานีฯ จะดูเจตนาของการสื่อสาร และคุณค่าที่ผู้ชมได้รับเป็นเกณฑ์ในการตัดสินโฆษณาแฝง ในรูปแบบดังกล่าวต่อไป
ส่วนผังรายการไตรมาสสองของ ททบ. นอกจากจะมีละครรีรันของเอ็กแซกท์มาเสริมทีมกลางวันเพื่อชิงเรตติ้งแล้ว พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ระบุว่ามีแผนงานเสริมสร้างคุณค่ารายการข่าว เชิงสร้างสรรค์ โดยมีการประชุมสัมนาทีมข่าว ททบ.5 ร่วมกับหน่วยงานในกองทัพและนักวิชาการ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การเสนอข่าวที่สร้างสรรค์ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก โดยเน้นการกระจายความสำคัญของข่าวให้ครบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ภูมิภาค กีฬา และต่างประเทศ เนื่องจากกระแสความแรงของข่าวการเมือง อาจทำให้ความสำคัญของข่าวด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมลดน้อยลง นอกจากนี้ยังทุ่มเวลาให้ข่าวเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งในเบื้องต้นทาง ททบ.5 ยังสนับสนุนมอบเครื่องรับโทรทัศน์จำนวน 50 เครื่อง ผ่าน กอ.รมน. และกองทัพภาคที่ 4 ให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สามารถรับรู้ข่าวสาร สาระความรู้ และความบันเทิงจากสถานีโทรทัศน์ได้อย่างเต็มที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการ ททบ.5 กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้สถานีฯ มีภาระด้านค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยังไม่ปรับขึ้นค่าเวลาหรือค่าโฆษณาในช่วงนี้แน่นอน เนื่องจากไม่อยากซ้ำเติมผู้ประกอบการในภาวะเศรษฐกิจขาลง โดยมั่นใจว่าสถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะกลับคืนสู่สภาวะปกติในปีนี้ ซึ่ง ททบ.5 ในฐานะสื่อมวลชน จะทำหน้าที่อย่างเป็นธรรมและเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป
เน้นข่าวสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมคุมโฆษณาแฝงรูปแบบใหม่
หลังจากปรับผังย่อยประจำปีไตรมาสสอง พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) กล่าวพอใจภาพรวมผังรายการที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสตอบรับผู้ชม และส่วนแบ่งโฆษณา รวมทั้งรายได้เพิ่มขึ้นแต่ยังเตรียมแผนปรับผังไตรมาสสาม รับการแข่งขันในวงการโทรทัศน์พร้อมประเมินผลคุณภาพรายการ ให้เป็นไปตามนโยบายทีวีบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง โดยเน้นประเด็นสร้างสรรค์ในรายการข่าวตลอดผังรายการกว่า 30 % และเพิ่มกิจกรรมสร้างสรรค์ในส่วนภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้ยังคงจับตาปัญหาโฆษณาแฝงในกติกาใหม่ ที่แม้ปริมาณลดลงกว่า 20 % แต่รูปแบบรายการแฝงโฆษณากลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ภาพรวมการประเมินผลงานไตรมาสแรกของ ททบ.5 อยู่ในทิศทางที่ดี พิจารณาจากเรตติ้งเฉลี่ยช่วงไพร์มไทม์ 2030 – 2230 รวมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจาก 10.5 เป็น 15 และสัดส่วนการลงโฆษณายังคงอยู่ในลำดับ 3 ของตลาดทีวี คือ 21 % แม้มีจำนวนรายการข่าวสาร และ สาระความรู้สูงถึง 70 % และบันเทิงเพียง 30 % นอกจากนี้ผลประกอบการด้านรายรับยังเพิ่มขึ้นอีก 3-5 % จากการปรับโครงสร้างและระบบการบริหารงบประมาณ และการควบคุมโฆษณาแฝง โดยมิได้มีการขึ้นค่าเวลาแต่ประการใด
สำหรับผลการควบคุมโฆษณาแฝงตามระเบียบใหม่ของสถานีฯ ปรากฏว่ามีจำนวนลดลงประมาณ 30 % คือ จากเดิมมีโฆษณาแฝงในรายการต่าง ๆ โดยเฉลี่ย 160 ครั้งต่อเดือน ลดลงเหลือประมาณ 95 ครั้งต่อเดือน ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบรายการมีข้อสังเกตุ คือ รูปแบบการแฝงโฆษณาในรายการนอกจากจะแทรกในซูเปอร์ ฉาก พิธีกร และ สปอตผู้สนับสนุนแล้ว ยังมีการปะปนในเนื้อหารายการอย่างแยกไม่ออก ซึ่งเป็นรูปแบบที่เซ็นเซอร์ค่อนข้างยาก และเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สนับสนุนรายการที่ชอบการโฆษณาสินค้า ในเนื้อหามากกว่าการลงสปอตโฆษณา เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับรู้ได้ อย่างไรก็ตามฝ่ายตรวจรายการได้มีการประชุมพบปะกับผู้ร่วมผลิตรายการ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทางสถานีฯ จะดูเจตนาของการสื่อสาร และคุณค่าที่ผู้ชมได้รับเป็นเกณฑ์ในการตัดสินโฆษณาแฝง ในรูปแบบดังกล่าวต่อไป
ส่วนผังรายการไตรมาสสองของ ททบ. นอกจากจะมีละครรีรันของเอ็กแซกท์มาเสริมทีมกลางวันเพื่อชิงเรตติ้งแล้ว พลโท กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ระบุว่ามีแผนงานเสริมสร้างคุณค่ารายการข่าว เชิงสร้างสรรค์ โดยมีการประชุมสัมนาทีมข่าว ททบ.5 ร่วมกับหน่วยงานในกองทัพและนักวิชาการ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การเสนอข่าวที่สร้างสรรค์ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก โดยเน้นการกระจายความสำคัญของข่าวให้ครบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ภูมิภาค กีฬา และต่างประเทศ เนื่องจากกระแสความแรงของข่าวการเมือง อาจทำให้ความสำคัญของข่าวด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมลดน้อยลง นอกจากนี้ยังทุ่มเวลาให้ข่าวเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งในเบื้องต้นทาง ททบ.5 ยังสนับสนุนมอบเครื่องรับโทรทัศน์จำนวน 50 เครื่อง ผ่าน กอ.รมน. และกองทัพภาคที่ 4 ให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สามารถรับรู้ข่าวสาร สาระความรู้ และความบันเทิงจากสถานีโทรทัศน์ได้อย่างเต็มที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการ ททบ.5 กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้สถานีฯ มีภาระด้านค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยังไม่ปรับขึ้นค่าเวลาหรือค่าโฆษณาในช่วงนี้แน่นอน เนื่องจากไม่อยากซ้ำเติมผู้ประกอบการในภาวะเศรษฐกิจขาลง โดยมั่นใจว่าสถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะกลับคืนสู่สภาวะปกติในปีนี้ ซึ่ง ททบ.5 ในฐานะสื่อมวลชน จะทำหน้าที่อย่างเป็นธรรมและเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป