xs
xsm
sm
md
lg

"ฟูจิโมริ"อดีตปธน.เปรูถูกจำคุก25ปี ข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการรายวัน -อัลแบร์โต ฟูจิโมริ อดีตประธานาธิบดีเปรูที่ขึ้นชื่อเรื่องนิยมใช้ไม้แข็งแบบโหดๆ อีกทั้งอาศัยการมีเชื้อสายญี่ปุ่นของตนไปพำนักลี้ภัยอยู่ในแดนอาทิตย์อุทัยอยู่นาน ได้ถูกศาลเปรูตัดสินจำคุก 25 ปี จากความผิดฐาน "ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ที่เขากระทำในระหว่างปกครองประเทศอยู่สิบปี
ศาลพิเศษในกรุงลิมา ได้ดำเนินการพิจารณาคดีและตัดสินว่าอดีตผู้นำเปรูผู้นี้มีความผิดจริง จากการที่เขาเป็นผู้สั่งการทหารหน่วยล่าสังหาร "ลา โคลินา" ให้ปฏิบัติการกวาดล้างผู้ที่เป็นศัตรู ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1990-2000 อีกทั้งยังเป็นผู้สั่งการให้ลักพาตัวนักธุรกิจคนหนึ่งกับผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่งเมื่อปี 1992 ด้วย
ฟูจิโมริซึ่งขณะนี้อยู่ในวัย 70 ปี ได้ปฏิเสธคำตัดสินดังกล่าวทันทีโดยบอกว่าจะขอยื่นอุทธรณ์ ส่วนเคโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของเขาซึ่งเป็น ส.ส. และกำลังเตรียมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเปรูในปี 2011 ก็ได้เรียกร้องให้มีการประท้วงอย่างสงบต่อคำตัดสินที่ "ไม่ยุติธรรม" และเธอยังบอกอีกว่า "พวกเขาชนะในยุทธการครั้งนี้ แต่ไม่ได้ชนะสงครามคราวนี้"
มีผู้สนับสนุนฟูจิโมริกว่า 2,000 คนได้ออกมาประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินของศาล หญิงชราคนหนึ่งถึงกับบอกว่า "ถ้าฉันเจอหน้าผู้พิพากษา ฉันสาบานเลยว่าฉันจะฆ่ามัน"
อย่างไรก็ตาม กลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนกลับออกมาชื่นชมคำตัดสิน "ครั้งประวัติศาสตร์" ดังกล่าว และเห็นว่าคำพิพากษาในคดีนี้จะเป็น "หลักหมาย" ในการผลักดันให้พวกผู้นำประเทศต้องมีความรับผิดต่ออาชญากรรมที่ตนได้ก่อไว้ ทั้งนี้จากการตัดสินของศาลคราวนี้ ทำให้ฟูจิโมริกลายเป็นผู้นำละตินอเมริกาคนแรก ที่ได้รับคำพิพากษาว่ามีความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน
กระบวนการพิจารณาคดีนี้ใช้เวลาอยู่ 15 เดือน ซึ่งนับว่าใช้เวลาไต่สวนนานที่สุดและมีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเปรูด้วย
อดีตผู้นำเปรูอ้างว่าเขาไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีฆาตกรรมหมู่คน 15 คนที่ร่วมในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งที่กรุงลิมาเมื่อปี 1991 หรือการลักพาตัวและฆาตกรรมนักศึกษาและอาจารย์ 9 คนในกรุงลิมาในปีถัดมา
ทั้งนี้ อาชญากรรมข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงเวลามืดมิดที่สุดแห่งการต่อสู้ปราบปรามพวกกบฎฝ่ายซ้ายของเปรูที่ดำเนินมา 20 ปี และมีผู้คนล้มตายหรือหายสาบสูญไปถึงราว 70,000 คน
จุดยืนอันแข็งกร้าวของฟูจิโมริ --ดังจะเห็นได้จากกรณีการสั่งให้หน่วยคอมมานโดบุกจู่โจมที่พักของเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในกรุงลิมาเมื่อเดือนเมษายน 1997 เพื่อยุติปฏิบัติการของกลุ่มทูปัก อะมารู ที่จับนักการทูตเป็นตัวประกันอยู่นานถึงสี่เดือน-- ในท้ายที่สุดแล้วก็ทำลายกลุ่มดังกล่าวลงไปได้
อย่างไรก็ตาม การสั่งการอย่างเฉียบขาดในครั้งนั้นแม้ได้รับคำชมจากชาวเปรูจำนวนมาก ทว่าก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากเช่นกันมองว่าเขาได้ก้าวล้ำเส้นจนกลายเป็นมีพฤติการณ์ชนิดโหดเหี้ยมเสียแล้ว และคำตัดสินในคราวนี้ก็เป็นการยืนยันเรืองนี้
อาลีจานโดร อาควินากา แพทย์ประจำตัวของฟูจิโมริบอกว่าการตัดสินจำคุกนานขนาดนั้นก็เท่ากับรับโทษ "ประหารชีวิต" นั่นเอง เพราะขณะนี้ฟูจิโมริกำลังป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและมะเร็ง
ส่วนองค์การนิรโทษกรรมสากลออกคำแถลงว่าคำตัดสินในคดีของฟูจิโมรินั้น "เป็นหลักหมายสำคัญระดับโลกในการต่อสู้กับการปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลโดยไม่ได้รับโทษ"
เมื่อปี 2000 ฟูจิโมริได้ส่งแฟ็กซ์จากโรงแรมแห่งหนึ่งในโตเกียวแจ้งการลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ในระหว่างที่เขากำลังหลบหนีคดีคอร์รัปชัน ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นก็ถือว่าเขาเป็นชาวญี่ปุ่นจึงปฏิเสธที่จะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในเปรู
ต่อมาในปี 2005 ฟูจิโมริเดินทางไปยังชิลีเพื่อกลับเข้าสู่เวทีการเมืองในเปรูอีกครั้ง แต่เขาก็ถูกจับกุมตัวที่ชิลีและส่งตัวไปยังเปรูในปี 2007 และถูกตัดสินจำคุก 6 ปี ในคดีใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยขณะนี้ยังมีคดีเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นอีก 2 คดีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น